:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::

  :.> เรื่องเล่าจากสีชัง..อัญมณีเม็ดงามแห่งท้องทะเลไทย

เรื่อง :.Joyful ภาพ :.Lighthouse

23 สิงหาคม 2545

เราเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการปั่นจักรยานไปในสวนสาธารณะของเทศบาล ที่นี่มีหอคอยสูงใหญ่ไว้รอต้อนรับ
นักท่องเที่ยวบนยอดเขาลูกย่อม ๆ หลังเทศบาลศรีราชา
กว่าจะเดินขึ้นไปถึงยอดของหอคอย เรียกเหงื่อได้
นิดหน่อย ลิ้นห้อยพองาม บนหอคอยเราชมวิวได้ 360 องศา ทิศตะวันออกเป็นตัวเมืองศรีราชา ที่มอง
เห็นผู้คนขวักไขว่ในตลาดยามเช้าหน้าเทศบาล มองไกล ๆ เห็นเขาบางพระ และเทือกเขาเขียวเลือน
ลางในสายหมอก ทิศเหนือมองเห็นเกาะลอยท่าเรือจรินทร์ ที่เราจะต้องไปลงเรือวันนี้ เรือประมง
ยังเทียบนิ่งอยู่ริมฝั่ง ทิศตะวันตกมองเห็นเกาะสีชัง
ที่อยู่ห่างจากฝั่งไปราว 12 กิโลเมตร พยายามจิตนาการ
ถึงว่ารูปร่างของเกาะยามนี้ เหมือนกับแข้งสิงห์ อันเป็นที่มาของเกาะสีชังหรือไม่ ด้านทิศใต้มองเป็นเทือกเขาเขียวขจี
ที่กั้นศรีราชา และอ่าวอุดมออกจากกัน อากาศเช้า ๆ อย่างนี้บริสุทธิ์นัก ถือว่าเป็นของขวัญยามเช้าสำหรับปอดทีเดียว ลมพัดเอื่อยตลอดเวลา เราใช้เวลาพอสมควรก่อนจะลงมาจากหอคอย หากใครมีเวลามาเยือนศรีราชาแล้ว ไม่ควรพลาด
การชมวิวบนยอดหอคอยแห่งนี้

จากหอคอยเราปั่นจักรยานไปที่ตลาดเทศบาล กินโจ๊กหมูร้านอร่อยในตลาด แล้วมุ่งหน้าไปที่เกาะลอยเช้านี้ไม่มีผู้คนมาก
นัก เราขึ้นไปไหว้พระบนเกาะลอย แล้วก็ออกมาเดินกินบรรยากาศดี ๆ ตอนเช้า บนสะพานด้านหลังเกาะ ผ่านกลุ่มคนที่
สาละวนกับการตกปลา จนมาถึงบ่อเลี้ยงเต่า ที่เกาะลอยมีบ่อเลี้ยงเต่าทะเล เป็นตัวกระตัวเล็กตัวใหญ่ซัก 30-40 ตัว
เห็นจะได้ ทักทายเจ้าหน้าที่ ๆ มาขายอาหาร ที่บอกเราว่าเต่าพวกนี้มาจากโครงการเพาะเลี้ยงเต่าทะเลขององค์สมเด็จ
พระราชินี บ่อเต่าจะล้างอาทิตย์ละสองครั้ง โดยการสูบน้ำออกแล้วสูบน้ำจากทะเลกลับเข้าไปใหม่ พลางก็จินตนการถึง
เต่าเหล่านี้แหวกว่ายน้ำใส ๆ อยู่ในทะเล เราซื้ออาหารเต่า ที่เป็นปลาสดและหมึกสด กล่องละสิบบาท ไม่ทันเริ่มให้
อาหารมีเพื่อนใหม่อายุไม่น่าจะเกินสามขวบมาตีสนิทขอให้อาหารเต่าด้วย ก็เลยสนุกสนานกันพักใหญ่ก่อนที่พ่อของ
แม่หนูน้อยจะมาตามกลับไป

:. หอนาฬิกาที่วงเวียนหน้าตลาดเทศบาล
ด้านหลังมองเห็นหอคอยที่อยู่ในสวนสา-
ธารณะเทศบาล ที่จัดไว้เป็นจุดชมวิว
:. ภาพบนซ้าย มุมมองทางทิศเหนือเห็น
เกาะลอยอยู่ลิบ ๆ ถัดลงมาเป็นท่าเรือจรินทร์

:. ภาพบนขวา
มุมมองทางทิศตะวันตก เห็นโรงพยาบาลสมเด็จราชเทวี ณ ศรีราชา และ เกาะสีชัง
:. ภาพล่าง
มุมมองทางทิศตะวันออก เห็น
ตัวเมืองศรีราชาและมีเขาบางพระเป็นฉากหลัง
:. ภาพรวม ถนนสู่เกาะลอย เดิมทีเป็นสะพาน
ล่างเป็นมุมมองจากเกาะลอย และเต่าในบ่อเต่า
10 โมงเศษ ๆ เรามาถึงท่าเรือจรินทร์ ท่าเรือเมล์ระหว่างศรีราชา-เกาะสีชัง เรือที่นี่จะออกทุกชั่วโมง โดยมีเรือของบริษัทเดินเรือสองบริษัทสลับกันออก เรือค่อนข้างใหญ่
ไม่ค่อยโคลงเคลงมากนัก แต่ขอแนะนำสำหรับผู้ที่นิยมการเมาเรือ ไม่ควรไปนั่งรอเรือออกจากท่าบนเรือค่ะ ไม่งั้นอาจจะได้ทำบุญให้อาหารปลาก่อนเดินทางเรือใช้เวลาเดิน
ทางจากศรีราชาราว ๆ 40 นาที ก็พาเรามาส่งที่ท่าล่าง ที่เรียกท่าลางเพราะว่ามันค่อนมาทางท้ายเกาะ เหนือขึ้นไปไม่กี่ร้อยเมตรก็จะมีท่าบนที่ต้องมีสองท่าเพราะว่าเวลา
น้ำลงเรือจะเข้าเทียบที่ท่าล่างไม่ได้ ต้องเข้าเทียบท่าบนแทน (เอ.. แล้วทำไมไม่มีแค่ท่าบนท่าเดียวเลยเนอะ)

หลังจากฝ่าคลื่นคนขับสกายแล็ปมาได้ เราก็เลยไปหาที่พักกันก่อน เริ่มต้นที่ทิวไผ่ เกสต์เฮ้าส์ ซึ่งอยู่เลยท่าล่างมาทางทิศใต้ของเกาะ ห้องพักมีหลายราคา แต่ดูท่าทางจะอับลม
ไปหน่อย แถมยังอยู่ท่ามกลางดงกระถิน มีเวลาเดินหาที่พักเยอะเลยเล่นตัวก่อน ขอเช่าแค่มอเตอร์ไซค์ ที่คิดค่าเช่าวันละ 250 บาทพร้อมน้ำมันเต็มถัง ตะลอนดูที่พักจนในที่สุด
ก็ตัดสินใจพักที่ บ้านพักอารีย์ ที่มีป้ายเขียนไว้ด้านหน้าว่า "ถูกที่สุดในสีชัง" ด้วยสนนราคาห้องพัดลม สองท่าน ห้องน้ำในตัว 250 บาท / คืน ถ้าใครไม่ต้องการดื่มด่ำกับ
บรรยากาศริมทะเล ราคาห้องพักที่นี่ถือว่าถูก แล้วสภาพห้องก็ถือว่าดีทีเดียว ถ้าหากต้องการดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ และชายหาดเงียบสงบ ไปพักที่บังกะโลหาดถ้ำพังเห็นที
จะไม่ผิดหวัง ราคาห้องพักก็ตั้งแต่ 450-800 บาท/คืน

:. "วัดเจ้าพ่อเขาใหญ่" ที่เคารพและสักการะของชาวสีชัง และ
ชาวพุทธเชื้อสายจีน


:. "เก๋งจีน" อีกหนึ่งสถานที่ ที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์

เก็บข้าวของที่ห้องพักเรียบร้อย ได้ฤกษ์ตะลอนกันซะที เราเริ่มกันที่วัดเจ้าพ่อ-
เขาใหญ่ วันนี้ผู้คนบางตาอาจจะเป็นช่วงมรสุมเลยไม่มีคนมาเที่ยวมากนัก นมัสการเจ้าพ่อเข้าใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำ แล้วกราบลาเจ้าพ่อเขาใหญ่
เดินทางต่อไปยังเก๋งจีน ซึ่งมีลักษณะเป็นศาลาหลังคาแบบจีน ซึ่งแต่เดิมเคย
เป็นที่ประทับชั่วคราวเวลาที่ ร.5 ท่านเสด็จประพาส

จากนั้นก็ขับรถไปตามถนนสายเล็กมุ่งหน้าไปยังแหลมท่าวัง อันเป็นที่ตั้งของพระจุฑาทิศราชฐาน สร้างขึ้นในวโรกาสที่สมเก็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จแปรพระราชฐาน
มาประทับอยู่ที่เกาะสีชัง ครั้งหนึ่งเคยมีพระตำหนักถึง 14 หลัง และมีทางเดินเชื่อมถึงกันหมด 26 ทางเดิน ปัจจุบันที่พระจุฑาทิศราชฐาน เหลือเพียงพระตำหนักสามหลัง
คือ ตึกยาว ตึกวัฒนา และตึกผ่องศรี หากนั่งเงียบ ๆ ใต้ร่มเงามะขามใหญ่อายุนับร้อยปี แล้วมองย้อนไปถึงร่องรอยความงดงามของพระราชฐานแห่งนี้ในอดีต จะทำให้รู้สึก
ถึงความสำคัญของสถานที่ขึ้นมาทันที และหากต้องการพักผ่อน ที่พระจุฑาทิศราชฐาน ยังร่มรื่นด้วยเงาไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะต้นลั่นทมอันเป็นต้นไม้ที่ ร.5 ท่านทรงโปรด
มาก จึงมีเห็นทั่วบริเวณ หากมีโอกาสมาเยือนพระจุฑาทิศราชฐานช่วงปลายหนาว จะได้พบกับความงามของดอกลั่นทมที่พร้อมใจกันผลิบานไปทั่วเนินเขา



:. ภาพซ้ายสุด
ตึกวัฒนา
:. ภาพบนกลาง ตึกยาว

:. ภาพล่างกลาง ตึกผ่องศรี
:. ภาพบนขวา บรรยากาศที่ร่มรื่นภายใจพระราชฐาน

  หน้าต่อไป

Best view in Internet Explorer
Contact:
webmaster@tripandtrek.com
Copyright 2002 : www. Trip & Trek .Com All right reserved