:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::

เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ

Tip & Technic ตอนการถ่ายภาพขาว-ดำ

อาทิตย์หน้าจะไปออกทริป ถ่ายภาพขาว-ดำ กันแย้ว
แต่ยังมะมีความรู้เลย

เว็ปมาสเตอร์ ที่รัก(สักวันจะเลิกรัก) ก็เลยสั่งว่า "คุณก้อยไปหาเทคนิคการถ่ายขาว-ดำ มาลงด้วย" คร๊าบเว็ปมาสเตอร์

เช้ามาก็มานั่ง Search google ได้มานิดหน่อย อ่านแล้วก็ยังงง อยู่เหมือนกัน แต่ก็เอามาให้ช่วยกันงงดีก่า

อาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ เพราะคนโพสต์ ก็ยังใหม่เรื่องการถ่ายขาว-ดำค่ะ ครายมีอะไรเสริม ก็ตามสบายนะคะ
อ่านทฤษฎีก่อน แล้วอาทิตย์ หน้าค่อยไปปฏิบัติจริงกัน

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 16:22:30]

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 16:48:00] #5651 (1/26)

เรามาเริ่มต้นดูการทำงานของกล้องดิจิตอล กันก่อนนะ เพื่อความเข้าใจพื้นฐาน และก้าวต่อไปค่ะ

การเกิดภาพในกล้องดิจิตอล
กล้องดิจิตอลสร้างภาพขึ้นจากการส่วนใช้รับภาพแทนฟิล์ม ที่เรียกว่า Image Sensor ที่ประกอบด้วยพิกเซลเล็กๆจำนวนมาก แต่ละพิกเซลจะประกอบด้วยตัวรับแสง ที่แปลงภาพที่เกิดจากแสงไปกระทบวัตถุแล้วสะท้อนผ่านเลนส์เข้ามา ให้กลายเป็นสัญญาณดิจิตอล คุณภาพขึ้นอยู่กับจำนวนพิกเซลและขนาดของมัน ปัจจุบันมีตั้งแต่ 2-3 ล้านพิกเซล ไปจนถึง 39 ล้านพิกเซลในกล้อง Medium format
ตัวเซ็นเซอร์นี้อาจใช้เป็นอุปกรณ์พวก CCD หรือ CMOS แล้วแต่เทคโนโลยีของผู้ผลิตกล้อง เกือบทั้งหมด ของตัว Image Sensor ที่ใช้ในปัจจุบันตัวมันเองรับค่าความเข้มของแสง ไม่สามารถเห็นสีต่างๆได้ (เห็นเป็นขาวดำ) ถ้าจะถ่ายให้เป็นภาพสีได้ต้องใช้การซ้อนกัน 3 ครั้งแต่ละครั้งต้องใช้ฟิลเตอร์สี แดง เขียว น้ำเงินมาบังไว้ข้างหน้าด้วย จึงไม่สะดวกในการใช้งาน จึงมีการคิดค้นเอาฟิลเตอร์แม่สี แดง เขียว น้ำเงิน มาวางสลับแบบโมเสคไว้ข้างหน้า แล้วใช้ตัวชิปในกล้องประมวลผลจากช่องสีใกล้เคียง แล้วสร้างเป็นภาพสีแบบ RGB 8 bit ออกมา

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 16:55:04] #5652 (2/26)

เป็นไงค่ะจะเห็นว่ากล้องดิจิตอลนั้นเกิดมาก็เห็นเป็นขาวดำ เหมาะกับการถ่ายภาพขาวดำของพวกเรายิ่งนักเลยใช่มั๊ยค่ะ
ก่อนที่ตัว ชิป processer ในกล้องจะทำการประมวลผลแล้วสร้างเป็นภาพสีนั้น ตัวข้อมูลดิจิตอลที่ Image Sensor สร้างขึ้นมานั้นยังเป็นข้อมูลดิบแบบ 12 bit ที่เราเรียกว่า raw file ในกล้องแบบ DSLR เราสามารถตั้งให้กล้องถ่ายแล้วเซฟเป็น raw file เพื่อให้เรานำมา process เป็นภาพขาวดำที่มีคุณภาพสูงด้วยคอมพิวเตอร์อีกที
ขนาดของตัว Image Sensor ที่กล้อง 6 ล้านพิกเซล แบบD-Compact กับกล้องแบบ D-SLR นี่ขนาดต่างกันมากครับ ขนาดที่ใหญ่กว่าของ Image Sensor ของกล้อง D-SLR ทำให้สามารถรับปริมาณแสงได้มากกว่า โอกาสเกิด noise หรือสัญญาณรบกวนในภาพแบบทีวีช่อง 3 รับไม่ชัดก็น้อยกว่า คล้ายกับถ่ายด้วยฟิล์มเล็ก 135 เทียบกับ ฟิล์ม 120 จำนวนพิกเซลเราวัดเป็นจำนวนพิกเซล แนวนอนคูณแนวตั้ง เช่น กล้อง 2 ล้านพิกเซลจะมีขนาดเท่ากับ 1600 x 1200 พิกเซล เป็นต้น

ขนาดของภาพที่จะนำไปใช้งานเช่นเราต้องการนำภาพไปอัดแบบ 4x6 นิ้ว หรือว่านำไปใช้เพื่ออัดภาพขนาดใหญ่สำหรับจัดแสดง หรือว่าเอาไปขยายเป็นภาพโฆษณาบิลบอร์ด
สำหรับความละเอียดของไฟล์ภาพที่จะนำมาอัดขยายนั้น โดยทั่วไปจะใช้ที่ความละเอียดที่ 300 ppi (พิกเซล ต่อนิ้ว ) หมายความว่า ถ้าจะอัดภาพขนาด 1 x 1 นิ้ว ต้องมีจำนวนพิกเซลที่ 300 x300 พิกเซลใน 1 นิ้วหรือเท่ากับ 90,000 พิกเซล ทีนี้ถ้าเป็นภาพ 4 x 6 นิ้ว ก็ต้องการจำนวนพิกเซล เท่ากับ(4 x300) x (6x300) = 2.16 ล้านพิเซล ซื้อกล้อง 2 ล้านพิกเซลก็พอใช้งานค่ะ

เป็นไงค่ะ พอจะเข้าใจมั้งมะ

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 17:08:37] #5653 (3/26)

เรื่องของจำนวน bit ในภาพดิจิตอลขาวดำ
ทีนี้เรามาดูเรื่องของจำนวนบิตของภาพขาว-ดำ กันมั้งดีกว่าค่ะ

     เริ่มจากพื้นฐานของคำว่าบิตก่อนค่ะ
      หน่วยที่เล็กที่สุดในระบบดิจิตอลเราเรียกว่า bit มีตัวย่อเป็น b ตัวพิมพ์เล็ก ใช้แทนค่าทางไฟฟ้าคือ 0 (ปิด) 1 (เปิด)
1 bit แทนค่าได้ 1 ค่า เช่นแทนค่า สีขาว หรือ สีดำ
2 bit แทนค่าได้ 4 ค่า (เอา 2 คูณ 2) 00(=0) , 01 (=1) , 10 (=2) , 11 (=3) เอาไปแทนค่าโทนของภาพได้ 4 โทน คือ ดำ , เทาเข้ม , เทาอ่อน , ขาว
3 bit แทนค่าได้ 8 โทน
4 bit แทนค่าได้ 16 โทน
8 bit แทนค่าได้ 256 โทน

     ภาพดิจิตอลโดยทั่วไปจะมีขนาด 8 bit ต่อสี ถ้าเรียกแบบรวม 3 สี RGB จะเรียกว่าภาพแบบ 24 bit เพราะฉะนั้นถ้าเราทำภาพขาวดำจากไฟล์ภาพ 8 bit ก็จะสามารถไล่โทนของภาพจากดำไปค่าเทาต่างๆจนถึงขาวได้ 256 ระดับ ถ้าเราดูจากค่า Level ในโปรแกรม โฟโต้ชอป ก็คือค่า 0 - 255 (ดิจิตอลเริ่มจากศูนย์)
           เราสามารถเพิ่มระดับการไล่โทนจากภาพได้อีกโดยการถ่ายเป็น raw file แล้ว convert เป็นไฟล์แบบ 16 bit (2 ยกกำลัง 16 ) จะสามารถไล่โทนของภาพจากดำไปค่าเทาต่างๆจนถึงขาวได้เท่ากับ 65,536 ระดับ
            เห็นมั๊ยคะ ว่า 8 บิต กะ 16 บิต ต่างกันแค่ใหน ถ้าอยากได้ภาพขาว-ดำ ที่ดีควรทำภาพที่ระดับ 16 บิตค่ะ

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 17:14:42] #5654 (4/26)

การวัดแสงและเปิดรับแสง (exposure)
           สำหรับฟิล์มขาวดำนั้นเรา expose เพื่อเลือกเก็บรายละเอียดบริเวณเงามืดที่ zone III(โซน 3) เพราะถ้าเราเปิดรับแสงน้อยไปกว่านั้นก็จะไม่สามารถรักษารายละเอียดของตัวแบบที่เราต้องการได้ ส่วนที่สว่างของภาพนั้นเรารักษารายละเอียดที่เราต้องการด้วยเวลาในการ develop ฟิล์ม ที่ zone VII(โซน 7) ยกตัวอย่างว่าเราวัดแสงตรงส่วนเงามืดได้ S = 1/60 ที่ F/ 5.6 เพื่อให้อยู่ใน โซน 3 เราก็ตั้งค่าการฉายแสง + ไป 2 stop เป็นที่ F/ 11 เป็น zone V (โซน 5) และค่าที่วัดได้ในส่วนสว่างที่ยังคงมีรายละเอียดควรได้ที่โซน 7 หรือที่ F/ 22 ถ้ามากกว่านั้นเราก็ใช้วิธีลดเวลาล้างฟิล์ม( n-) หรือน้อยกว่าก็เพิ่มเวลาล้างฟิล์ม( n+) n คือ เวลาปกติที่ใช้ล้างฟิล์มของแต่ละตัว หรือที่พวกเราคุ้นเคยกันว่า expose for shadow ,develop for highlight
           แต่สำหรับตัว Image sensor ของกล้องดิจิตอลนั้น จะสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีในค่าแสงที่ไม่มาก หรือมีค่าต่างกันมากเกินไปกับค่าที่เราเลือก expose (zone V) สมมติที่ S = 1/60 ที่ F/11 ถ้าส่วนที่สว่างในภาพเช่นบริเวณท้องฟ้า วัดได้เกินกว่า 2 stop ขึ้นไปนั้น( F/22) ตัว Image sensor จะไม่สามารถเก็บข้อมูลแสงบริเวณนั้นได้
     ถ้าเราดูภาพ preview หลังถ่ายนั้น กล้องจะขึ้นเป็นค่ากระพริบๆ ในจอภาพบริเวณนั้น เมื่อเรานำไฟล์ภาพมาเปิดในโปรแกรมตกแต่งภาพในคอมพิวเตอร์ เช่น โฟโต้ชอป จะอ่านค่าได้ RGB = 255 คือไม่มีข้อมูล เราจะไม่สามารถ ปรับแต่งแก้ไขอะไร กับบริเวณนั้นได้เลย เช่นภาพถ่ายทิวทัศน์ตรงบริเวณท้องฟ้า เมื่อเรานำไปprint ก็จะกลายเป็นพื้นขาวๆ แทน เพราะเครื่องprint ก็จะไม่มีการฉายแสง หรือพ่นหมึกบริเวณนั้น ถ้าเป็นรูป portrait สาวๆ ถ้าเราใช้วิธีถ่ายแบบฟิล์มคือ โอเวอร์ให้หน้าเด้งนั้น ก็จะกลายเป็นเหมือนรอยขี้กลาก บริเวณโหนกแก้ม หรือสันจมูกแทน ดังนั้น ในซีนที่มีความเปรียบต่างของแสงมากๆ เราควรให้ความสำคัญในการเก็บรายละเอียดบริเวณ highlight หรือ expose for highlight แล้วมาดึงเนื้อบริเวณเงามืดในขั้นตอนการ develop ไฟล์ (develop for shadow) เพราะดิจิตอลสามารถดึงรายละเอียดในส่วนเงามืดได้ถึง 4-5 stop ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้เวลาถ่ายภาพขาวดำ ควรจะถ่ายให้ under นิดหน่อยเพื่อไมให้ ส่วน highlight โอเวอร์ไป ส่วนจะแค่ไหนนั้นควรทดลองด้วยกล้องของแต่ละคนกันเองละกันนะ

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 17:16:40] #5655 (5/26)

การตั้งค่า ISO กับกล้องดิจิตอล
ทีนี้เรามาดูการเซ็ตค่ะ ISO กันบ้างดีกว่า
กล้องดิจิตอลในปัจจุบันนั้นจะมีค่า ISO ให้เราเลือกตั้งได้หลายค่า คือเราสามารถเปลี่ยน ISO ระหว่างการถ่ายได้แบบรูปต่อรูป ถ้าเป็นฟิล์มนั้นเราต้องเปลี่ยนฟิล์มม้วนใหม่ก่อน ทำให้มีความสะดวกกว่าฟิล์มมาก แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราต้องการงานที่มีความประณีตสูง เพื่อที่จะได้ไฟล์ภาพที่มีคุณภาพสูงสุด ควรตั้งไว้ที่ค่าต่ำสุดของกล้อง เช่น ISO 100 เพราะจริงๆ แล้วตัว Image Sensor มี ค่าความไวแสงเพียงค่าเดียวคือค่าต่ำสุด แต่กล้องจะใช้วิธีปรับเปลี่ยนระดับ หรือขยายตัวสัญญาณอิเล็คโทรนิกส์ที่ได้ โดยใช้ชิป เพื่อเพิ่มความไวแสง ดังนั้นมันจึงขยายสัญญาณรบกวนที่ติดมาด้วย หรือที่เราเรียกว่า noise นั่นเอง

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 17:18:52] #5656 (6/26)

ที่เห็นเป็นเกรนเล็กๆ บริเวณเงามืดเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ยิ่งเพิ่มค่าความไวแสงมากขึ้น noise ในภาพก็จะเพิ่มมากขึ้น สำหรับกล้องคอมแพ็คที่มีตัวรับภาพที่เล็กๆ จะมี noise เกิดขึ้นได้ง่ายเมื่อเราเพิ่มค่า ISO แต่สำหรับกล้อง D-SLR ที่มีตัวรับภาพ ที่ใหญ่ใกล้เคียงกับฟิล์ม เราอาจจะเพิ่มค่า จาก 100 ไปถึง 400 โดยมีการเกิด noise น้อยมากจนแทบสังเกตไม่ได้

โดยคุณ G-girl [2006-08-10 17:22:25] #5657 (7/26)

การถ่ายภาพขาว-ดำ หรือ การถ่ายภาพสีนั้น ก็ไม่แตกต่างกัน แต่ในการถ่ายภาพขาว-ดำนั้น ภาพจะต้องสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของช่างภาพในการจัดองค์ประกอบของภาพ รวมทั้ง tone และ texture ของภาพที่ต้องการถ่ายด้วย

หมดละ

เป็นไงค่ะ อ่านแล้วพอจะเอาไปประยุกต์ ใช้ได้บ้างมะ

ถ้าไม่ดี ก็โทษเว็ปมาสเตอร์ ละกันนะ

โดยคุณ อ๋องน้อย [2006-08-10 17:45:48] #5659 (8/26)

ยิง เข้าไป... ไม่ต้องคิดอะไรมาก เดี๋ยวรูปก็ออกมาสวยเอง อิ.. อิ..

โดยคุณ คนคุ้นเคย [2006-08-10 18:04:45] #5660 (9/26)

สุดยอดเลยครับ อาจารย์

อ่านแล้วมึน แต่ก็ได้มามั่งล่ะ

โดยคุณ ตะโก [2006-08-10 19:07:45] #5662 (10/26)

โดยคุณ ฮานาเล [2006-08-10 21:46:03] #5663 (11/26)

เคยบอกแล้วว่ากล้องเราเป็นแบบ PHS ( Press Here Stupid= กดตรงนี้นังโง่) มันเลยไม่มีฟังก์ชั่นอะไรๆ อย่างว่าอ่ะค่ะ รู้แต่ว่ามันมีโหมดให้เลือกๆ B&W เลือกไปตรงนี้ แล้วเล็งให้ดีๆ หยุดหายใจ 5 วินาทีแล้วกดเลย....แต่ก็ตั้งใจอ่านนะคะ...เผื่อไว้โม้กะคนอื่น...ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ตั้งใจค้นหามาฝากค่ะ

โดยคุณ นายซาไกทัดดอกฝิ่น [2006-08-10 22:46:21] #5670 (12/26)

ซาไก....พึ่ง โฟโต้ ช็อบ...

โดยคุณ PinKy Mail to PinKy

[2006-08-11 01:11:39] #5672 (13/26)

โดยคุณ Ducky [2006-08-11 07:38:54] #5682 (14/26)

น้องโตนหล่อจังเลย

ขอบใจจะก้อยจัง แต่มีรายละเอียดของกล้องฟิมล์น้อยจัง แล้วพี่จะถ่ายได้อะเปล่าหนะ

โดยคุณ ดอกเสี้ยว [2006-08-11 08:08:23] #5685 (15/26)

ถ่ายสียังไม่ค่อยจะรอด แล้วขาว-ดำจะรอดไหมเนียะ สงสัยต้องใช้วิธีเดียวกับอ๋องน้อยสะแล้วสิเรา

โดยคุณ G-girl [2006-08-11 08:53:09] #5687 (16/26)

สรุปแล้ว ก็ใช้หลักการคล้ายๆ กะ ถ่ายสีละค่ะ เพียงแต่ต้องระวังเรื่องแสงหน่อยหนึ่งเพราะ ถ้าภาพ Over เกินไป มันจะกลายเป็นแสงสีขาวไปซะ และ PS ไม่สามารถ แก้ไขสีขาวใด้ค่ะ นอกจากจะใส่สีลงไปใหม่ ซึ่งจะยากกว่าภาพสีก็ตรงนี้เอง
ส่วนเรื่องอื่นๆๆ ไม่ว่าจะ Composition หรือการจัดวางองค์ประกอบ และการถ่ายทอดเรื่องราว ก็ใช้หลักการเดียวกะการถ่ายภาพสีเลยค่ะ

ลูกครายนะ ช่างน่ารักจิง