กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
ทำอย่างไรเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อเงินสด
ลองอ่านดูนะคะ...
คัดลอกมาจาก

pantip.com/cafe/silom/topic/B5201751/B5201751.html
โดยคุณ ฮานาเล [2007-03-16 12:44:53] Bookmark and Share

โดยคุณ ฮานาเล [2007-03-16 12:46:00] #22041 (1/4)
เพื่อน ทำอย่างไรให้ผ่านพ้นวิกฤตการ เป็นหนี้เพวกบัตรเครดิตกับสินเชื่อต่างๆ บ้างคะ มาแชร์กัน{แตกประเด็นจาก B5201434}

กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก B5201434

เราทำผิดพลาดในชีวิตครั้งใหญ่ด้วยการเป็นหนี้บัตรเครดิต คือสาเหตุในการเป็นหนี้คือถูกที่บ้านกวนเงิน + กับเวลาเราเครียดเราก็เอาเงินไปซื้อของ อยากได้ อะไร ก็คิดว่าไหว ซื้อๆๆ สุดท้าย เรามีหนี้บัตรเครดิต +สินเชื่อเงินสด เกือบ 2 แสน ตอนแรกเราก็หมุนอันนี้โปะอันนั้น เงินเดือนเราแค่ 2 หมื่นนิดๆ คิดดูนะคะ ขั้นต่ำต่อเดือน ล่อไป เกือบ หมื่นนิดๆ

มีอยู่ช่วงโปะไปโปะมา เราก็ยังใช้ชีวิต แบบเหมือนไม่มีหนี้อยากได้อะไร ก็ซื้อไม่คิดว่าหนี้เก่าไม่หมด ที่บ้านกวนก็ไปรูดมาเพิ่ม เงินหมุนไม่ทันเจ้าค่ะ.....

สุดท้าย สินเชื่อเงินสด ....ทางเลือกสุดท้าย แต่มันคือนรก ค่ะ ***้มาโปะ บัตร +เอาเงินมาใช้อีก ไปๆ มาๆ หนี้จาก แค่แสน กลายเป็นเกือบ 2 แสน

มาคำนวนตังค์จ่ายแต่ละเดือน ตายล่ะ เงินเดือนแค่ 20000 นิดๆ ให้ที่บ้าน +ค่าหอพัก เหลือแค่ 10000 นิดๆ ยังไม่พอ หนี้บัตร+สินเชื่อ รวมๆ หมื่น เหลือกิน 2 พันท้างเดือน

ตายๆๆๆ เราจะเอาอะไรกินอ่ะ เราตายแน่ๆ โฮๆๆๆๆ ตอนนั้นเราเครียดมากเลยนะ เข้าใจเลยว่า คนจนตรอกเป็นไง แทบอยากตาย


เราไม่รู้จะทำไง ไม่อยาก***้หนี้เพิ่ม ตอนนั้นเราตัดสินใจแล้ว เราต้องจบหนี้ตรงนี้ให้ได้ เราเกลียดตัวเองมาก ที่ทำพลาด ชีวิตต้องลำบาก แบบนี้

เราเปลี่ยนไปเลย ตัดสินใจประหยัดแบบเด็ดขาด อาหารก็ทำกินเองทุกมื้อ ได้แรงบันดาลใจมาจากรายการแข่งกินอยู่ 1 หมื่นเยน ของญี่ปุ่นด้วย เราทำอาหารมากินที่ทำงานทุกวัน ประหยัดค่าอาหารได้เยอะ ตกเดือนละ 1 พัน ไม่กินข้าวนอกบ้านเลย งกมาก ขนมไรไม่กิน ไปไหนไม่ไกลเกินเดินๆๆๆอย่างเดียว เชื่อไหม เราทำอาหารแบบประหยัดมากใส่เศษหมู เศษผัก แอบนั่งมองเพื่อนร่วมงานกินของเต็มโต๊ะ แต่ไม่กล้าแจม เพราะเราไม่ได้ทำมาให้ใครกิน โดนเหน็บแนมว่างก ไม่เคยซื้ออะไร หรือ ทำอะไรเผื่อใคร (ก็เราจนจะตายแล้วอ่ะ) เสื้อผ้า เก่าๆๆๆ ไม่ซื้อมาจนทุกวันนี้ เกือบปี กระโปรง 199 ใส่จนซีด ชายหลุด รองเท้า สึก ส้นร่อนเป็นแผ่น ๆ ทุกวันนี้ก็ไม่ซื้อ

เรื่องความสวยงาม เมื่อก่อนเรารักใบหน้าเรามาก หาหมอสิวก็เยอะ เป็นสิว ทนไม่ได้ ทำทรีตเมนต์ก็บ่อย นวดตัว ขัดผิว งดหมด ไปหาหมอเท่าที่จำเป็น ยอมรับนะ ว่าผิวก็หมองๆ ไปบ้าง แต่ก็ดีกว่า หนี้บาน เมื่อก่อนนะ ไม่ยอม เท่าไรเท่ากัน

สารพัดที่เราประหยัด.. จนคนที่เรียกว่างก มาเห็นเราจะหนาว ข้าวหุงครั้งเดียว กินเป็นอาทิตย์ แช่ตู้เย็นมาอุ่นเว็ปที่บริษัทเพื่อไม่เปลืองไฟ ถ้าจะเล่นคอมก็ไม่เปิดทีวีเลือกอย่างเดียวเปลืองไฟ คิดดูเราอยู่หอ ค่าไฟ แค่ 400 บาท ผ้าซัก อาทิตย์ละครั้ง ยัดจนเต็มตู้ซักผ้า น้ำกินน้ำก๊อกกะทน

บางทีเราแอบร้องไห้ด้วย คือ อยากกินอะไรดีๆ อยากเที่ยวก็ไม่ได้ แต่เรามานึก เราทำตัวเองนี่นา สมน้ำหน้า ต้องยอมรับความทรมาน

ผ่านมา 6 เดือน สภาพการเงินเริ่มดีขึ้น พอจ่ายขั้นต่ำโดยไม่ต้องถอนนี้มาโปะอันนี้ เราได้โบนัสมาไม่ใช้อะไรสักบาท โปะหนี้ทั้งหมด ทำให้หนี้ลดลงไปครึ่งนึง

ทุกวันนี้เงินเดือน 2 หมื่นนิดเหมือนเดิม เหลือหนี้ที่ต้องผ่อนแค่เดือนละ 3000 บาทอีก ปีครึ่ง- 2 ปี แต่เราตั้งใจจะโปะ ให้มันหมด ภายในปีนี้คือ คือจะผ่อนจ่ายให้มากกว่า 3 พัน ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้น ปีหน้า เราจะอยู่อย่างปลอดนี้ 100 เปอร์เซ็น ทำให้ทุกวันนี้เรายังอดเหมือนเดิม ถือว่า แม้หนี้จะลดลงจนเรา สบายขึ้น แต่ตราบใดที่ไม่หมดเหลือ 0 เราจะไม่หยุดการประหยัดแบบสุดๆๆ

เชื่อไหม เชื่อ ที่ผ่านมาเราประหยัดจนเรียกว่า เคยควักเงินซื้อหูฟังซาวเบาว์ไป 300 บาท+ค่าถ่านชาร์ท 200 เป็น 500บาท เราร้องไห้ต่อหน้าแฟนเลยบอกว่าเงิน 500 มันเยอะจัง มีคุณค่าจัง เวลาเห็นมันจ่ายออกไป ใจหายเลย เพราะตลอดเวลาที่เราอด เราจ่ายแต่แบงค์ 20 กะแบงค์ร้อยตลอด 20 บาทยังคิดแล้วคิดอีกๆๆๆ

เป็นบทเรียนราคาแพงมากๆๆ เราหมดสิ้นความอายแล้ว เพื่อนร่วมงานชอบถากถางว่างก เราทนได้ เพราะเพื่อปลดหนี้ ให้ทำอะไรที่สุจริตเราทำหมดไม่สนใจทั้งนั้น

มีเพื่อนและคนรู้จักอีก 2-3 คนเป็นหนี้ประมาณเรา บางคนเงินเดือนก็มากกว่าเรา แต่เค้าก็ใช้ชีวิตเหมือนคนไม่เป็นหนี้ ไม่คิดจะประหยัด เค้าไม่ยอมลำบาก ก็หมุนๆ ไป ทุกวันนี้ หนี้พวกเค้าไม่ลดสักบาท เห็นมีแต่เพิ่ม แล้วก็ได้ยินมาบ่นๆ ว่า ทำไงดีๆ หมุนไม่ทัน แถมบางครั้งมายืมเราไปหมุนอีก หุหุเราก็แนะๆ ไปว่าประหยัดสิ
แต่ก็ไม่มีใครทำ....

ตอนนี้ชีวิตเราเริ่มดีขึ้นได้งานที่ใหม่ เงินเดือนเพิ่ม แน่นอน หนี้ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนตลอดไป....

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 17:22:02

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 17:20:47

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 17:15:30

จากคุณ : ตาลด่าง - [ 7 มี.ค. 50 17:10:06 ]
โดยคุณ ฮานาเล [2007-03-16 12:47:29] #22042 (2/4)
ข้อคิดเห็นอันนี้ได้ความรู้ดีค่ะ

ความคิดเห็นที่ 27

ไหนๆ แล้วขออธิบาย การใช้ บัรเครดิต อย่างถูกต้อง เลยนะครับ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ และการเงิน

บัตรเครดิต แต่เดิม ออกให้ โดยธนาคารพาณิชย์ เท่านั้น ในกรณีประเทศไทย หรือ บริษัททางด้านการเงิน (Diner American Express) ที่เข้มงวด

การที่จะขอบัตรเครดิตได้ นั้น หลักเกณฑ์พอๆ กับขอเงิน***้เลยครับ เงื่อนไขเยอะมาก มีการตรวจสอบหลายขั้นตอน และอาจจะต้องเป็นลูกค้า ธนาคารมา ก่อนด้วย

ฐานเงินเดือน ไม่ได้ต่ำ เหมือนปัจจุบัน แถม อัตราดอกเบี้ยสูง อีกต่างหาก

จุดประสงค์ของการออกบัตรเครดิต คือ การให้ความสะดวกแก่ลูกค้า ที่ มี credit ดี จ่ายเงินสม่ำเสมอ ไม่เบี้ยวหนี้ หรือ ลูกค้า ที่ มีความสามารถที่จะชำระเงิน แน่ๆ แล้ว จ่ายตอนหลัง

โดยหลักการใช้บัตรเครดิตนั้น คนไทยเข้าใจผิด อย่างมาก ว่า เอาไว้ ผ่อน

ผิดมากๆ ครับ

มันมีไว้สำหรับ ซื้อ ของ ที่จะต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่ เราไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินสด จ่ายเป็น credit แทน

เช่น การจ่าย ค่าน้ำมันรถ ซึ่งแน่นอน เราจะต้องจ่ายอยู่แล้ว ถ้าคิดเดือน หนึ่งเราจะต้องจ่ายค่าน้ำมันรถ 7000 บาท แล้วเงินเดือนเรา 30000 บาท แทนที่เราจะเสีย 7000 เราใช้ credit จ่ายแทน แล้วสิ้นเดือนจ่าย

เรา จะมีเงิน 7000 ซึ่งเป็นเงินสด และที่สำคัญ สำหรับคนที่ค้าขาย การมีเงินสดแล้วสามารถที่จะเอาไปต่อเงินได้ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ของเขาเลยครับ

แล้วธนาคารเขาได้ อะไรหละครับ ในเมื่อ ถ้าชำระเงินให้ธนาคารในเวลาที่กำหนด แล้ว ชำระแค่เงินต้น ...

สิ่งที่ธนาคารได้ คือค่า ธรรมเนียม ที่ได้ หรือ ที่สำคัญคือ เหมือนเป็นบริการเสริมที่ ธนาคารให้แก่ลูกค้า ที่ดีๆ ครับ

ส่วนลูกต้าก็ได้ รับบริการเสริมและได้รับความสะดวกสบาย

จากคุณ : moojiw
โดยคุณ ฮานาเล [2007-03-16 12:48:12] #22043 (3/4)
มาต่อนะครับ เหมือนกับเป็นการให้บริการเสริม สำหรับลูกค้าที่มีเงินในบัญชี แน่ๆและมากพอเหลือจ่ายด้วย

การที่ นำความสะดวกมาให้ลูกค้าได้ใช้เงิน นับเป็นอีกสิ่งที่ธนาคารแฝงวัตถุประสงค์นี้มาให้ เพราะถ้าสภาพคล่องธนาคารมีมากเกิน นอกจากจะไม่สร้างรายได้ให้แก่ธนาคารแล้ว ธนาคารยังมีภาระทางดอกเบี้ย อีก ด้วย ดังนั้นการ ดึงสภาพคล่องออกจากระบบโดยการให้ใช้บัตรเครดิต จึงมีประโยชน์ทางอ้อมแก่ธนาคาร

เอาหละ มาดูฝั่งคนใช้บาง ว่า ใช้บัตรยังไง ถึงจะไม่เป็นหนี้

1. อย่าคิดว่า บัตรเครดิตเป็นเงินอนาคต
- เพราะว่า บัตรเครดิตนั้น เป็นเงินของเราเอง ณ ตอนนี้ เพียงแต่ เราประวัติดี มีเงินพอจ่าย (จากบัญชีหลักทรัพย์) แบงค์จ่ายให้เราก่อน โดยธนาคาร รับรอง ***ลูกค้าคนนี้ เครดิตดี แบงค์จ่ายให้ แล้ว สิ้นเดือน ลูกค้าก็มาจ่ายคืน นี่คือหลักของเครดิต จริงๆ

2. เงินฝากธนาคารควรมีมากกว่าวงเงินสูงสุดของบัตร 3 เท่า
- อันนี้สำคัญครับ กรณี bank (non bank อีกกรณี) เพราะว่ามันเป็นการใช้เงินของคุณเอง ดังนั้น ถ้าคุณ จะใช้บัตรเครดิต ให้มั่นใจว่า สิ้นเดือน คุณมีจ่าย ถ้าไม่เช่นนั้น คุณจะได้ rate mor + X% ซึ่งแพงเอาการตกอยู่ที่ 12 - 17% ต่อปี ไม่รวมค่าธรรมเนียม

การที่ เราใช้เกินความสามารถที่จะชำระหนี้ ในการแยกประเภทลูกค้า คุณ คือ คนขอ***้สินเชื่อบุคคลระยะสั้น ครับ

3. อย่าสมัครบัครเครดิต NON BANK
- ทำไมผมพูดแบบนี้ เพราะ บัครเครดิต ที่ออกโดยธนาคาร ผมพูดชื่อเลยแล้วกัน กรุงเทพ กสิกร กรุงศรี กรุงไทย พวกนี้ การอนุมัติบัตรเครดิต ยากมากๆ ครับ และถ้าคุณได้ นั้นหมายถึง คุณมีความสามารถที่จะชำระหนี้คืนได้แน่ และไม่ก่อ NPL ให้แบงค์ แน่ๆ

ดังนั้น จะเห็นได้ ว่าคนที่สมัครกับแบงค์แบบนี้ ผ่านแค่ 30% ครับ ซึ่งคนพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ บัตรเครดิตด้วยซ้ำ แต่การใช้ของเขาเหล่านี้เป็นไปเพื่อ ความสะดวกที่จะไม่ต้อง
- ชำระด้วยเงินสด เก็บเงินสดทำอย่างอื่น
- ซื้อ TV LCD 42 นิ้วหร้อมโฮมเทียเตอร์ รุ่นล่า ราคา 98000 บาท โดยไม่ต้องพกเงินสด (เงินในบัญชีมี เดี๋ยวสิ้นเดือน มันก็ไปตัด)
- รักษาพยาบาบ คุณคงไม่พกเงินสด 2 แสนห้า เวลาคุณไปเที่ยว เพียงเพราะว่า คุณอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ กรณีฉุกเฉิน การมีบัตรเครดิต มันทำให้อะไรง่ายขึ้น เหมือนคุณมี เคาเตอร์ธนาคารในกระเป๋าหนังคุณ
- เวลาไปเที่ยว การโชว์ บัตรเครดิต ที่ออกโดยธนาคาร หรือ world Class non bank เช่น APEX VISA MASTERCARD ทำให้ ต.ม. ไม่คิดว่าคุณจะมาเป้น โรบินฮูด
- คุณไม่ต้องพกเงินสด เก็บเงินสด ไว้จ่าย ของกรณีที่ร้านไม่มีเครื่องรูดดีกว่า หรือเอาไว้ จ่าย ค่าของที่มาส่ง ในกรณีที่ค้าขาย พ่อค้า แม่ขาย นิยมเงินสดมากกว่า เช็ค และตั๋วแลกเงิน

ดังนั้น การใช้บัครเครดิต จริงๆ ไม่ใช่การใช้เงินในอนาคต เพราะการใช้เงินในอนาคต มีอย่างเดียวคือ การ***้ครับ

การใช้ที่ถูกต้อง ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน เพื่อที่จะมีเงินไว้จ่าย

----------------------------------------------
กรณี non bank

ด้วยข้อจำกัด และคุณสมบัติที่เรียกได้ว่า ต้องมีกิน เหลือใช้ ของธนาคารพาณิชย์ ทำให้ คนส่วนมาก ไม่ผ่านการอนุมัติการทำบัตร ออกมา

ก็เลยมี บริษัท หัวใส ที่เป็นการปล่อย***้ สินเชื่อบุคคล ออกบัตรมาเพื่อให้ คน สามารถที่จะใช้บัตร รูด เอาของไป แล้วจ่ายคืนทีหลัง

ผิวเผิน เหมือน บัตรเครดิต แต่ไม่ใช้

เพราะว่า การทำแบบนี้เหมือนการ***้มากกกว่าครับ คุณสมบัติการทำบัตรต่ำมากๆ 7000 ก็ทำได้ อนุมัติเร็ว (มากๆ 20 นาทีก็ได้แล้ว ) อัตราค่าธรรมเนียมสูง การปลอดหนี้สั้น ดอกเบี้ยแพง

สำหรับคนที่ ไม่คิดอะไรลึก การที่ได้ของง่าย และผ่อน ไม่ใช่วิถี บัตรเครดิตนะครับ มันคือวิถีการ***้เงิน

ดังนั้น ถ้าคิดจะไปใช้ บัตรพวก ชื่อ ฝรั่งๆ เนี้ย ขอให้พึงสังวรว่า มันคือ การ***้เงินระยะสั้น โดยวิธีการ ใช้ มันแค่เหมือนบัตรเครดิต

แต่โดยเนื้อแท้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ครับ


จากคุณ : moojiw
โดยคุณ อสุสิงค์ Mail to อสุสิงค์ [2007-03-20 18:13:24] #22053 (4/4)
ดีมากเลยอะคับ ได้ข้อคิดดี