ทริปเดินทางครั้งนี้ หยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าแค่สองครั้ง เลยไม่มีภาพประกอบการเดินทางทั้งหมด เพื่อน ๆ ที่ร่วมเดินทางช่วยมาแจมด้วยค่ะ โดยเฉพาะนักข่าวสาวสวยจากสำนักข่าวหลังเขา ที่เก็บภาพบรรยากาศตลอดเวลา รวมไปถึงภาพอาหารการกินของพวกเราด้วย
วันพฤหัสบดี 12 มิ.ย. 51
รถตู้เดินทางมาถึงเร็วมากเลย กระจายกันสองทาง สายแรกรับสมาชิกชาวหระรี งานนี้บ้านซาไกเดินทางทั้งบ้าน ส่วนบ้านพี่แบม ส่งตัวแทนมาคนเดียว ตะโกขับรถมาส่งสมาชิกขึ้นรถตู้ หน้าตาซึม ๆ หงอย ๆ เพราะติดงานร่วมเดินทางไม่ได้ ไว้เดือน ก.ค. ไปเจอกันที่เจ็ดคตนะพี่
คืนนี้ฝนตกพรำ ๆ ไปตลอดทางเลย รถตู้อีกสายนำหน้าไปรวมครึ่งชั่วโมง พวกเราที่ออกนอกเส้นทางก็ไล่กวดไปทันกันที่โน่นสลกบาตร จากนั้นก็วิ่งตามกันไปเรื่อย ๆ สมาชิกพูดคุยกันค่อนคืนตามประสาคนไม่เจอกันนาน แต่ที่ไม่ยอมพูดเท่าไหร่ก็นายโตน ที่ไม่ใช่เด็กโตนเหมือนก่อนแล้ว เป็นหนุ่มโตนไปซะแล้ว
ยิ่งดึกฝนก็พรำ คนขับรถก็ทำท่าจะหลับใน เอาซะรถเกือบตกถนนไปตั้งหลายรอบ เซี๊ยววววววเสียว แต่ก็เข็นกันมาจนถึง อช. แม่ปิง จนได้ตอนเกือบ ๆ หกโมงเช้า
วันศุกร์ 13 มิ.ย. 51 ( จริง ๆ ชอบเขียนว่าวันสุข )
เช้านี้คุณเปี๊ยกเปิดบ้านพักที่บริเวณที่ทำการ ฯ ไว้บริการสองหลัง พวกเราล้างหน้าล้างตา ยกเว้นคุณนายจี ที่ถูกไล่ไปอาบน้ำเพราะว่าเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อาบน้ำก่อนเดินทาง หลังจากจิบกาแฟและทานข้าวต้มร้อน ๆ พวกเราแยกของบริจาคออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งไว้เป็นรางวัลสำหรับค่ายสื่อความหมายธรรมชาติ ของทาง อช. แม่ปิง อีกส่วนเตรียมไว้ให้เด็ก ๆ ที่ศูนย์เด็กเล็กตำบลก้อ
หลังจากนั้นมีวีดีทัศน์แนะนำ อช. แม่ปิง คุณเปี๊ยก ผู้ช่วยหัวหน้า อช. แม่ปิง บรรยายสรุปเกี่ยวกับแม่ปิง โดยมีนายเกย และ นายโตน คลานไปมาบนโต๊ะตลอดเวลา หุ ๆ
ราวสิบโมงปลุกคนขับรถที่อดนอนจนตาแดงเป็นนกกระปูด เดินทางไปตำบลก้อเพื่อมอบของเล่นให้กับเด็ก ๆ จุดแรกที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านก้อทุ่ง ซึ่งคนเปี๊ยกประสานงานไว้ให้ก่อนแล้ว พอรถเข้าไปจอดเด็ก ๆ ออกมายืนออหน้าห้องเรียน เพื่อรอคอยของขวัญจากพวกเรา หลังจากที่ทะยอยขนของเล่นลงจากรถบรรทุก (ได้รับความอนุเคราะห์จาก อช. แม่ปิง) สายตาทุกคู่ก็เปล่งประกายความสุขออกมา ทำให้พวกเราทุกคนพลอยอิ่มใจไปด้วย
จากนั้นก็มอบของเด็กเล่นให้ที่โรงเรียนประถมของตำบลก้อ โรงเรียนก้อจัดสรร ปิดท้ายด้วยศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลก้อ ที่นี่พวกเราเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวราดหน้ากลางวันให้กับเด็ก ๆ และ ร่วมรับประทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้ากับเด็ก ๆ ด้วย อิ่มใจ อิ่มท้อง โดยนายเกยดูจะคุ้มค่ามากสุด เพราะร่วมตั้งแต่กิจกรรมก่อนทานอาหารกับเด็ก ๆ ไปเข้าแถวล้างมือ มานั่งโต๊ะรอทานก๋วยเตี๋ยว และ เข้านอนกลางวัน วันนี้นายเกยได้ฉายาใหม่ "น้องเนียน"
หลังมื้อกลางวันกับเด็ก ๆ พวกเราออกเดินทางสู่ทุ่งกิ๊ก ซึ่งมีเพื่อนร่วมทางบางคนอยากเก็บภาพป้ายทุ่งกิ๊กไว้เป็นหลักฐาน และมีเพื่อนสมาชิกบางคนบ่นอุบว่าจะมาทุ่งกิ๊กก็ไม่บอก จะได้ไม่พาสามีมาด้วย อ้าววววววววววว... ระหว่างทางเข้าสู่ทุ่งกิ๊กพวกเราวิ่งรถบนถนนเส้นเล็กที่ตัดผ่านป่าเบญจพรรณที่สมบูรณ์ เต็ง - รัง ที่อื่นต้นเล็ก แต่ที่นี่ต้นใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก
ราวครึ่งชั่วโมงพวกเราก็มาถึงค่ายเยาวชนทุ่งกิ๊ก ที่ออกแบบอาคารอย่างดีไว้รองรับเยาวชนที่เข้ามาอบรมธรรมชาติ แต่ที่น่าแปลกใจคือที่นี่ไม่มีมุ้งลวด พวกเราคืนนี้นอนรวมกันทั้งหมด ยกเว้นคนขับรถตู้สองคนที่ถูกเนรเทศไปนอนเรือนพักอีกหลัง ด้วยเกรงว่าพวกเราจะรบกวนการพักผ่อนของพี่ท่านทั้งสอง
บ่ายนี้คุณเปี๊ยกให้พวกเรานอนพักผ่อนกันก่อนเพราะหลับ ๆ ตื่น ๆ กันมาทั้งคืน ว่าแล้วพี่ป้าน้าอาทั้งหลายก็ล้มตัวลงหลับปุ๋ยกันไปตามระเบียบ ยกเว้นนายโตนกับนายเกย ที่สนุกสนานกับการวิ่งเล่นในเรือนนอนกว้างใหญ่ แถมมีตู้เสื้อผ้าอีกหลายสิบใบให้เปิด ๆ ปิด ๆ เล่นตามใจชอบ ข่มตาให้หลับอยู่นานไม่หลับ เลยเป็นคนดีล่อหลอกให้หลานทั้งสองออกมาจากเรือนนอน (ตั้งในว่าจะเอาไปส่งตัวให้พ่อมัน) แต่จนแล้วจนรอดก็หาคุณพ่อของคุณหลานไม่เจอ ก็เลยเดินเล่นชมธรรมชาติกันไป
"นี่ต้นอะไร" อากุ้งถาม
"ต้นไผ่" หลานโตนตอบ
"หมีแพนด้าชอบกินใบไผ่" หลานโตนแถมให้เป็นวิทยาทาน
"แล้วลุงตรีล่ะชอบกินอะไร" อากุ้งถามชี้นำ
"ลุงตรีชอบกินใบไผ่" หลานโตนตอบ
หลังจากนั้น ลุง ป้า น้า อา อีกหลายคนก็ชอบกินใบไผ่ไปตาม ๆ กัน เดินวกกลับมาที่เรือนนอนเจอคุณพ่อของคุณหลาน ก็เลยแตะมือส่งต่อหลานไป แล้วรีบชิ่งไปนอนเอาแรงสักงีบ เพราะอดนอนมาทั้งคืน
บ่ายสามโมงได้เวลานัดไปคืนเหลืองแม่ปิงสู่ป่าทุ่งกิ๊ก จำยอมตื่นทั้ง ๆ ที่หลับไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง วิบากทริปอีกแล้วน้อ... คุณเปี๊ยกเตรียมกล้าเหลืองแม่ปิงมาให้ พวกเราทั้ง 19 ชีวิต รวมคุณเปี๊ยกอีกหนึ่งเป็น 20 ชีวิต แปลงร่างเป็นปลากระป๋องอยู่บนรถกระบะ 4WD ของ อช. แม่ปิง ซึ่งพาพวกเราตัดเข้าสู่ป่าเบญจพรรณใกล้ ๆ กับบริเวณค่ายพัก นายเกยที่มานั่งตักหลับไปภายในสามนาทีหลังจากที่รถเคลื่อนออกไป
ถึงที่หมายพวกเราคว้าจอบเสียม ขุดดินปลูกต้นเหลืองแม่ปิง กล้วยไม้ดินเฉพาะถิ่น อช. แม่ปิง คุณเปี๊ยกว่าถ้าหมูป่าไม่ขุดกินหัวมันซะก่อน ก็จะได้ดูดอกเหลืองแม่ปิงในปีถัด ๆ ไป เสร็จภารกิจปลูกเหลืองแม่ปิง คุณเปี๊ยกนำชมต้นเป้ง หรือ ปาล์มโบราณอายุนับร้อยปี และ ชมบ่อน้ำซับที่อยู่กลางทุ่งหญ้าซึ่งน่าแปลกว่าอยู่ในป่าเบญจพรรณได้อย่างไร
ค่ำแล้วพวกเรากลับมาอาบน้ำท่า เย็นนี้มีอาหารพื้นบ้านให้ทาน แกงแคที่นี่อร่อยเข้มข้น น้ำพริกหมู+หน่อไม้ต้ม และ สารพัดผัก แกงจืดหน่อไม้หวาน ผัดผัก อร่อยเหาะกันไปตามระเบียบ
คืนนี้มีสภาเปิดอภิปรายท่ามกลางสมาชิกฝ่ายยุง ข้าเจ้าขอนอนเอาแรงก่อนไม่งั้นพรุ่งนี้ร่วงแน่ ไปนอนตบยุงหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ที่ค่ายพัก นึกกังขาใครออกแบบอาคารทำไมไม่ใส่มุ้งลวดด้วย ทั้ง ๆ ที่เห็นว่ามีแผ่นฉนวนกันความร้อนในห้องน้ำด้วยซ้ำ กว่าจะหลับอีกทีก็ตีสองแว้ว ...
เสาร์ 14 มิ.ย. 51
หกโมงเช้ากระเด้งตัวตื่นจากที่นอน ตายละหว่านัดดูนกไว้ตอนหกโมงเช้า เพื่อน ๆ หลายคนไปกันหมดแล้ว มีเราคนเดียวที่ยังหลับปุ๋ยไม่ได้ยินเสียงอะไร เพราะเมื่อคืนพยายามยัดที่อุดหูให้แน่นสุด ๆ เพราะมีอึ่งอ่างยักซ์สองตัวร้องระงมทั้งคืน พอเช้าเลยไม่ได้ยินเสียงเพื่อน ๆ ที่ตื่นนอน ขายหน้าจิง ๆ
หลังจากจิบกาแฟจะตามเพื่อน ๆ สมาชิกไปดูนก ฝนก็พรำสายลงมาซะก่อน ก็เลยรอเพื่อน ๆ อยู่ที่โรงอาหาร ไม่นานมีหนุ่มสาววัยใส ใส่เสื้อ สีส้ม สีชมพู เดินนำกลุ่มดูนกมาแต่ไกล โอ้โห ... กลมกลืนกับธรรมชาติซะจิง เล่นเอาคุณโอ่งคนนำดูนกค้อนเอาซะหลายที ไหน ๆ เมื่อฝนพรำดูนกไม่ได้ ก็กินข้าวเช้าอย่าให้เสียเวลากันเลย
หลังมื้อเช้าฝนหยุด พวกเราออกเดินเล่นกันไปตามเรื่อง เก้าโมงก็เคลื่อนพลออกจากทุ่งกิ๊ก มุ่งหน้าสู่น้ำตกก้อหลวง น้ำตกหินปูนขนาดกลางหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวของ อช. แม่ปิง เป็นที่สังเกตุว่าป่าหน้าฝนไม่ได้มีดอกไม้สวย ๆ ประดับป่าเหมือนหน้าแล้ง เพราะกลไกธรรมชาติจะออกแบบให้พรรณไม้ออกดอก ติดเมล็ดก่อนหน้าฝน เพราะเมื่อฝนพรำสายมาเมื่อไหร่ เมล็ดแห่งชีวิตเล็ก ๆ ก็จะพร้อมที่จะเติบใหญ่ดำรงสายพันธุ์ต่อไป ธรรมชาตินี่ช่างลึกซึ้งจริง ๆ
พวกเราเก็บภาพน้ำตก ส่วนเราและนายโตนก็เล่นน้ำตกกัน ใกล้เที่ยงหิวข้าวก็ออกมาทานข้าวผัดกระเพราไข่ต้ม ที่ทางทุ่งกิ๊กจัดมาให้ในบรรจุภันฑ์รักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อน ๆ หลายคนเพลิดเพลินกับการทานมื้อกลางวัน ในขณะที่อีกหลายคนก็เก็บภาพผีเสื้อกันอย่างมีความสุข
บ่ายโมงพวกเราแวะปล้นสะดมร้านค้าในหมู่บ้าน ได้ขนมขบเคี้ยวและน้ำแข็ง ไอศครีม มาหลายถุง จากนั้นมุ่งหน้าสู่แพแก่งก้อ ของ อช. แม่ปิง พอมาถึงแก่งก้อเราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะทะเลสาปแก่งก้อที่เราเห็นจนคุ้นตามาหลายปี เหลือเพียงสายน้ำเล็ก ๆ เท่านั้น งงเป็นไก่ตาแตกเลย ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะพาเพื่อน ๆ มาเสพบรรยากาศดี ๆ ที่แก่งก้อ พลาดอีกแล้ว ... หวังว่าคราวหน้าเพื่อน ๆ คงจะให้โอกาสแก้ตัวอีกทีนะขอรับกระผม
หลังจากที่ขนย้ายสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย บ่าย ๆ แดดร่มลมตก นั่งเรือล่องแม่ปิง ตามหาต้นไม้ที่หายไปนับร้อยปี และ ต้นไม้พันธุ์ใหม่ถิ่นเดียวในโลก แม่ปิงยามน้ำลงเช่นนี้ มีหินงอกหินย้อยให้เห็นแปลกตา นั่งเรือเพลิน ๆ หลานก็ฉี่รดตักไปเพลิน ๆ มีความสุขจัง
กลับถึงที่พักพวกเราก็ตั้งวงกันหลายวง วงสนทนาประสาสมัคร เอ๊ย .. ประสา tnt อีกวงก็ลงเล่นน้ำบ้าง พายเรือคายัคบ้าง สนุกสนานกันไปตามระเบียบ งานนี้น้องเนียนดูจะใช้โอกาสคุ้มกว่าใคร ๆ อีกแล้ว เพราะเล่นน้ำกรี๊ดกร๊าดสนุกสนานนานเป็นชั่วโมง ในขณะที่ลุง ๆ ป้า ๆ ฝึกพายเรือด้วยเท้าแบบชาวพม่าที่อินเล งานนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเปียกแน่นอน
เย็นนี้ล้อมวงทานมื้อเย็นที่มีปลานิลธรรมชาติตัวใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดินทางมาเยือนแม่ปิงในรอบ 8 ปี มีทั้งปลาเผาเกลือ ปลาทอด ยำปลากรอบ และน้ำพริกอ่องรสดี ให้อิ่มหนำกันแทบพุงระเบิด
คืนนี้พวกเราล้อมวงแนะนำตัว พูดคุยถึงเส้นทางความสุขอันยาวนานของพวกเรา แจกรางวัลนักโพสต์ และกระทู้ยอดนิยมกันไป ดึกดื่นคืนนี้ทะเลสาบแม่ปิงไม่เงียบเหงา เพราะมีเสียงหัวเราะแห่งสุขกังวานไปทั้งหุบเขา คืนนี้เราได้รู้ว่าถ้ารวยล้นฟ้า แล้วสมาชิกแต่ละคนจะไปทำอะไรกัน..
อาทิตย์ 15 มิ.ย. 51
เช้าวันใหม่ข้าวต้มปลาร้อน ๆ เสน่ห์ของแพแก่งก้อ ส่วนเราตื่นสายอีกตามเคย หลังมื้อเช้าเก็บกระเป๋าอำลา อช. แม่ปิง มุ่งหน้าสู่มหาเจดีย์ศรีเวียงชัย สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่เคยมา ก็ตื่นตะลึงในความงดงามและความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์แห่งนี้ ส่วนสองหลานก็วิ่งเล่นสนุกสนานกันไป โดยเฉพาะเมื่อไหร่ที่ลุงมะนุดหินเคาะระฆังดังก้องกังวาน หลานเกยก็จะกรีดเสียงร้องรับทันใด เหมือนโดนน้ำมนต์จิง ๆ
หลังจากนั้นเดินทางสู่วัดพระบาทห้วยต้ม วัดเก่าแก่คู่ชุมชนกะเหรี่ยง ที่ได้รับการก่อตั้งและพัฒนาโดยครูบาชัยยะวงศา นักบุญแห่งล้านนา ซึ่งปัจจุบันนี้ท่านได้ละสังขารไปแล้ว แต่พระสรีระสังขารกลับไม่เน่าเปื่อยบรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงได้อัญเชิญมาไว้ให้เป็นที่กราบไหว้บูชา
พวกเราเดินเก็บภาพในวัดกันอยู่นานสองนาน วันนี้ได้นำเงินส่วนหนึ่งจำนวน 200 บาท บูชาพระรอดและเขียนชื่อกลุ่มสมาชิกหัวใจเดินทาง เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ที่เจดีย์ศรีเวียงชัย ทำบุญร่วมชาติกันแล้วชาติหน้าคงได้เจอกันแหงม ๆ
จากนั้นก็เดินทางสู่ศูนย์วัฒนธรรมกะเหรี่ยง ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้าย ที่ใส่มาในกระเป๋าผ้าดิบใบสวย งานนี้ทำบุญแล้วยังได้ช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วยล่ะ ใกล้เที่ยงเต็มทีแวะเที่ยววัดพระธาตุห้าดวง ที่มีคนไปถอดแว่นมองของสวย ๆ ในวัดด้วยสิ
มื้อกลางวันกับเมนูอาหารอีสานรสจัดจ้าน โดยมีสมาชิกสองคนก้มหน้าก้มตากินข้าวซอยแบบไม่กล้าสบตาใคร อิ่มหมีพีมันลาคุณเปี๊ยกเดินทางกลับสู่ กทม. ระหว่างทาง แวะชมต้นไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลก อ. บ้านตาก ชมขบวนค้างคาวออกหากินที่เขาหน่อเขาแก้ว จ. นครสวรรค์ จากนั้นแวะทานมื้อเย็นกันที่ร้านข้าวต้มนัดพบในตัวเมืองนครสวรรค์ ก่อนเดินทางกลับบ้านกันพร้อมกับความสุข
พบกันใหม่ใน 7 ปีหัวใจเดินทาง ปี 52 อ. สามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ .. แต่กว่าจะครบรอบปีคงมีทริปคิดถึงกันอีกหลายครา ราตรีสวัสดิ์