มือใหม่หัดดำ

[G-girl]

        เกือบร่วมปีเลยทีเดียว หลังจากจบหลักสูตร Open water ของ Padi มา และได้ไป Fun dive ที่พัทยา พอติด Logbook อยู่นิดหน่อย และแล้วด้วยวาระและโอกาสที่เหมาะสมเลยได้มีโอกาสโดดงานไป Live Aboard จริงจังเป็นครั้งแรก กับเรือฟ้าใส

มือใหม่ อุปกรณ์ใหม่   
       ทริปนี้เรานัดกันไปเปิด Season กันที่อันดามันใต้โดยนัดลงเรือกันที่ท่าเรือรัษฎา ภูเก็ต  ด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้น และเพื่อความจริงจัง (สนองกิเลสตัวเอง  ) ทริปนี้ก็เลยลงทุนอุปกรณ์ใหม่เกือบยกชุดเลยคับ   สรุปค่าทริป + ค่าอุปกรณ์ เล่นเอาหมดตัว    (เอานะ ลงทุนครั้งเดียว จิงอะ! ) และโชคดีที่ตอนนี้เหล่าบรรดา Low cost Airline พากันจัดโปรโมชั่นกันกระหน่ำเลยทำให้เรามีโอกาสเดินทางกันได้รวดเร็วและราคาถูกมั่กๆๆ (แบบไม่กลัวตายคับผ๋ม เพราะเราถือคติคนมันจะตายอยู่ที่ใหนมันตาย  ) 

First Dive First Trip
       7 โมงเช้า นั่นเป็นเวลาที่ Leader นัดกับเราก่อนเข้านอน แต่ด้วยความที่ไม่เคยนอนในเรือมาก่อนทำให้การนอนของคนกลับยากในคืนแรกเป็นไปด้วยความลำบาก แม้ก่อนนอนจะโดปทั้งยาแก้แพ้ และแก้เมาเรือ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย   ทุกครั้งที่เรือเจอคลื่นๆ ใหญ่ๆ ต้องสะดุ้งตื่นทุกที พอเสียงระฆังดังขึ้นในตอนเช้า(เหมือนอยู่โรงเรียนประจำเลย อิอิ  ) จึงเดินโสร่เสร่ออกมาจากห้องด้วยสีหน้าง่วงงุนเต็มพิกัด เพื่อฟัง Leader Brief แบบไม่เต็มสติสักเท่าใดนัก (เดียวค่อยไปตื่นเอาตอนอยู่ในน้ำ)
Dive แรกของทริปนี้ จะเป็นบริเวณ "หมู่เกาะห้าลากูล" ซึ่งจะเป็นการ Check dive สำหรับทุกคนด้วย  เพื่อ
  • สร้างความคุ้นเคยของบัดดี้มือใหม่
  • สร้างความคุ้นเคยระหว่าง Lead กับลูกทริป
  • มือเก่าร้างมือมานานฟื้นวิชา
  • สร้างความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ใหม่
  • สร้างความคุ้นเคยกับกระแสน้ำ
  • อื่นๆ อีกมากมาย 
แต่สำหรับมือใหม่ร้างมือมานานจึงถูกจับคู่กับ Leader ไปเลยอิอิ เพราะต้องทบทวนและรื้อฟื้นกันหนัก

[G-girl]

มือใหม่ & อุปกรณ์ใหม่
          จากความสนุกกลับกลายเป็นความตื่นเต้น ความเหนื่อยจากการใส่  Wetsuit ตัวใหม่(ที่ใช้เวลาลองร่วมชั่วโมง) บวกความอึดอัดกับไม่คุ้นเคยเริ่มสร้างความเครียด 
เมื่อทุกคนพร้อม เรือพร้อม เสียงแตรจากเรือก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนโดดลงน้ำ
ตูมแรก!
           ความอึดอัดจากชุดใหม่ การหายใจทางปากที่ห่างหายไปนาน ความกังวลเรื่องเคลียร์หูได้มั๊ย(คนเป็นภูมิแพ้และการพักผ่อนไม่เต็มที่จะมีผลต่อการเคลียร์หูของนักดำน้ำ) ความเหนื่อยที่หลับไม่เต็มที่ ดูเหมือนทุกอย่างมันจะประดังเข้ามาเมื่อต้องลอยคออยู่ผิวน้ำเพื่อรอให้ทุกคนในทีมพร้อมที่ลงสู่ใต้น้ำ
    "ทำไม! มันอึดอัดอย่างงี้ว่ะ  "
   “ เหนื่อยจัง! ” "
    ”ชักไม่สนุกละ ขึ้นดีมั๊ยตรู"  กลับขึ้นไปนอนดีก่า
แต่ดูเหมือน Leader จะดูออก ก็เลยตีฟินเข้ามาใกล้ๆ (อืม! สมแล้วที่เป็น ครู Lead นี้ชมนะเนี๊ยะ  ) พร้อมยื่นมือมา ด้วยความรวดเร็วคว้าหมับเลยคับ (หุหุ เสร็จตู) แล้วบอกให้ลองก้มมองดูใต้น้ำคับ  อืม! ดีขึ้นมาหน่อย  เมื่อทุกคนพร้อม Leader ก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนปล่อยลมออกพร้อมค่อยๆลงสู่ใต้น้ำ 

   และแล้วก็ลงสู่ใต้น้ำ
      แต่ด้วยความที่นอนไม่เต็มที่บวกกับการร้างมือมานาน การเคลียร์หูในวันนี้จึงเป็นไปด้วยความลำบาก กว่าจะลงไปที่ 10 เมตร เล่นเอาเกือบ 15 นาที ทีเดียว แต่ Lead ที่น่ารักก็คอยดูและสอบถามด้วยสัญลักษณ์ OK อยู่เสมอทุกครั้งที่หยุดหรือตีขาเพื่อขึ้นมาเคลียร์หู(จนตอนหลังเริ่มติดคับ ทุกครั้งที่ Leader หันมามองต้องยกมือ OK ก่อนเลย เหมือนระบบอัติโนมัติ) และหันไปถามคนอื่นๆ ในทีมเช่นกันจนมาอยู่กันที่ประมาณ 10 กว่าเมตรนิดๆ  Leader ก็ให้ทุกคนปรับการทรงตัว พร้อมตีฟินเดินหน้าดูบรรดาเหล่าตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายอยู่รอบๆๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นปลาสีสวยๆ หน้าตาน่ารัก Nudi สีสันสดใส เมื่อ Leader เจออะไรที่น่าสนใจก็จะเคาะแท็งค์ให้ทุกคนไปสุมหัวกันรุมดู   แต่ด้วยความที่ยังปรับการทรงตัวไม่ค่อยดี และเคลียร์หูไม่ค่อยได้เท่าไร บวกหน้ากากใหม่ก็มักจะเป็นฝ้าทำให้ต้องเคลียร์อยู่เรื่อยๆๆ    จึงทำให้ผลาดสิ่งที่หน้าสนใจไปแยอะเลย อะไรที่สวยที่น่าจะดูก็กลับไม่เห็นไปซะงั้น
        เมื่อดำไปได้สักพัก Leader ก็ส่งสัญญาณให้อยู่เฉยพร้อมกับว่ายไปข้างหลังและไปยุกยิกๆ อยู่ตรงบริเวณแท็งก์อากาศ ก็เลยคาดการว่า แท็งก์อากาศคงหลุดจากตัว Lock แน่เลย แต่เมื่ออยู่ใต้น้ำอะไรที่มันน่าจะง่ายก็เลยไม่ค่อยง่ายเท่าไร เมื่อ Lead หายไปนาน แถมเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหน้าก็เริ่มหายไป ความรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวใต้น้ำเริ่มก่อตัวขึ้น มือใหม่อย่างเราก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขละ เริ่มหันซ้ายแลขวาหาพวก ปากก็อยากถาม Leader ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ถามไม่ได้ ^_^” จน Leader ต้องจับให้อยู่เฉยๆ(กลับมาคิดดูก็น่าสงสาร Lead เหมือนกันเนอะ คงเหมือนจับปูมัดอะ *0*) ง่วนอยู่สักพักก็กลับมานำต่อ   
       Dive แรกจึงทำให้สิ่งที่น่าสนใจจะมีอยู่น้อยเหลือเกิน ยิ่งตอนพักน้ำหลังจากที่ดำมาได้เกือบๆ ชั่วโมงพวกบรรดามือใหม่ที่ไม่ค่อยคุ้น จนลืมปล่อยลมออกจาก BCD กับพวก Wetsuit ใหม่จะคอยจะ Shoot ขึ้นเหนือผิวน้ำก่อนเวลาอันควร อยู่เรื่อยๆ จน Lead ต้องคอยดึงให้มาจับเชือกอยู่รวมกัน(ถ้าจับมัดรวมกันได้คงทำไปแล้ว)     
และแล้วก็จบลงสำหรับ Check dive ที่ Lead บอกว่า เป็น Check dive จิงๆๆ 

[G-girl]

Second dive เมื่อขึ้นมาพร้อมเลือด
      เมื่อขึ้นมาพร้อมเลือด Dive ที่สองเรายังอยู่กันที่หมู่เกาะห้า เพราะตรงบริเวณนี้มีกันอยู่ 5 เกาะ แถมมีปะการังอ่อนและสัตว์ต่างๆ น่าสนใจอยู่แยอะเราจึงตกลงกันว่าเราจะลงที่บริเวณนี้ทั้ง 3 dive พร้อม 1 night dive ก่อนที่วิ่งเรือไปยังหมู่เกาะตะรุเตาในคืนนี้ dive ที่สองนี้ความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ต่างๆ เริ่มที่จะมีมากขึ้นและปัญหาที่เกิดขึ้นใน dive แรก ก็น้อยลง การมองหาสิ่งน่าสนใจก็มีมากขึ้น แถมเรายังโชคดีได้เจอเต่าขี้เซาที่มีตะไคร่เกาะอยู่เต็มตัวอีกตะหาก จึงทำให้การดำน้ำในทริปนี้จึงเริ่มสนุกและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่อย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่าเคลียร์หูไม่ค่อยได้เมื่อลง dive สองก็ยังคงเป็นอยู่แต่ก็พยายามค่อยๆ เคลียร์ และไม่ค่อยเปลี่ยนระดับความลึกมากนัก แต่พอขึ้นมาจากน้ำและถมน้ำลายทิ้งก็เริ่มแปลกใจเมื่อน้ำลายตนเองมีสีน้ำตาลออกแดงปนออกมาด้วยคับ   
เลยเล่าให้ Lead ที่ใจดีฟังก็คาดการณ์ได้ว่าน่าจะเกิดจากตอนที่ลงไปใต้น้ำหูที่เคลียร์ไม่ได้ แล้วเราพยายามเคลียร์ทำให้เส้นเลือดฝอยแตก แต่ไม่เป็นอะไรมาก   (คำปลอบใจป่าวหว่า) เดี๋ยวค่อยลองดูอีก dive ละกัน 

[G-girl]

Short Seamoth (ปลาผีเสื้อกลางคืน)
      เครื่องบินร่อนลำจิ๊ว น่าจะบอกคุณลักษณะของเจ้าปลาหน้าตาน่ารักตัวนี้ได้กระมัง ซึ่งเราพบใน Dive แรก ของวันที่ 2 บริเวณลานทรายของเกาะหินซ้อน หรือสาวัง ตามภาษาชาวบ้าน เจ้าตัวเล็ก แต่ทำให้ผู้พบเห็นหัวใจพองโตได้ทีเดียว กับความน่ารักที่เหมือน เครื่องบินร่อนลำจิ๋วแล่นหาที่ลงจอด หรือบินหนีศัตรูตัวยักษ์ ที่นี้เราได้พบถึง 4 ตัวด้วยกัน ทำเอา Driver อารมณ์ดีและกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเลยทีเดียว

ปล. เนื่องจากทริปนี้ไม่มีกล้องลงไปด้วย ขออนุญาติขโมยรูปของเว็ปมาสเตอร์มาประกอบน่ะค่ะ 

[G-girl]

กระแสน้ำไหลที่แปดไมล์
   เหล่าบรรดา Lead ถกกันอยู่พักใหญ่เลยที่เดียวก่อนที่เราจะทำการลงดำน้ำในจุดนี้ เพราะที่นี้ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องความแรงของกระแสน้ำพอกับความสวยงาม และในกลุ่มมีมือใหม่หลายคนแต่ก็แพ้เสียงเรียกร้องของ Divers ที่อยากจะลงไปชมความงามของหินแปดไมล์
   Leader พาเราลงไปที่ความลึกประมาณ 20 เมตร จากนั้นจึงค่อยๆ ว่ายทวนกระแสไปทางสันเกาะ แต่วันนี้วิสัยทัศน์ของที่หินแปดไมล์ ไม่ค่อยใสเท่าที่ควรแถมกระแสน้ำค่อนข้างแรงเล่นเอาเหนื่อยกันเลยทีเดียว ดำกันมาสักพัก Leader ก็ตีแทงค์รัวเรียกพร้อมทำมือให้ค่อยๆ ว่าย และชี้นิ้วไปข้างหน้า แต่ท่าทางจะไม่เงียบพอเจ้า LeoPard ตัวเคื่องประมาณเมตรก่าๆ จึงยกตัวและบินจากไปทำให้เราได้เห็นเพียงชั่วแว็ปเดียวพออิ่มใจ 
   เมื่อเจ้า LeoPard จอมยิ่งจากเราไป ความสนใจก็เลยเปลี่ยนมาเป็นฝูงปลากระมงฝูงใหญ่ และปลาสากตัวเคื่องอีก 3 ตัวแทน แต่ดูเหมือนกระแสน้ำจะไม่เป็นใจให้เราได้ดูอย่างเป็นสุขนักเพราะระหว่างที่ลอยตัวเงยหน้าดูเจ้าปลาฝูงใหญ่อยู่นั่นเองก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ ลอยออกจากกลุ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนต้องมุดหัวและตีขา    เข้าไปจับมือ Leader เอาไว้ แล้วเพื่อนอีกคนก็มีอาการเช่นเดียวจน Leader ต้องเอามืออีกข้างไปดึงไว้เช่นกัน แล้วพาลากไปยังก้อนหินเพื่อหาที่ยึด เมื่อมองไปยังเพื่อนอีกคนที่เกาะอยู่หินข้างๆ ก็เริ่มจะหลุดจากก้อนหิน แต่โชคดีที่อยู่ไม่ไกลจากกันมากจึงเอื้อมมือไปคว้าไว้ทันก่อนที่เพื่อนจะหลุดปลิวตามกระแสน้ำไป ในตอนนี้จึงกลาย Driver สี่คนจับมือกันตัวปลิวบนก้อนพร้อมเงยหน้าฝูงปลากระมงที่ดูเหมือนจะโรแมนติก (ก๊ากกกก คิดไปได้ ) แต่ดูเหมือน Leader  จะเริ่มรู้สึกไม่โรแมนติกแล้วเพราะมือที่เกาะเชือกเริ่มจะเกาะไม่อยู่แล้ว ถ้าปล่อยไว้นานคงได้หลุดตามกระแสกันไปทั้งกลุ่มแน่ๆๆ แถมใกล้ติด DCOM แล้วอีกต่างหาก จึงพาเราตีฟินหลบไปตามซอกเกาะเพื่อหนีกระ แสน้ำหาที่มุมสงบพักน้ำเตรียมขึ้น
   
            แปดไมล์ ถึงแม้กระแสน้ำจะแรง น้ำจะไม่ใสปิ๊ง แต่ความอิ่มใจที่ได้ก็ไม่แพ้จุดดำน้ำอื่นๆ เลย เพราะอย่างน้อยมิตรภาพ และน้ำใจที่หยิบยื่นให้กันก็สร้างความสุขใจกันเพียงพอแล้ว

[G-girl]

The Fist Night Dive
   
          หลังจากสำรวจกระแสน้ำในหลายๆ ที่แล้ว เหล่าบรรดา Leader จึงลงมติกันว่าคืนนี้เราจะลง Night Dive กันที่บริเวณหลีแป๊ะ ซึ่งสวยไม่แพ้ที่อื่นและไม่ต้องเสี่ยงต่อกระแสน้ำอย่างคืนแรกด้วย Dive นี้ ในกลุ่มเหลือเพียงแค่ 3 คน เพราะพี่นะขอ Skip เพราะเป็น Night dive อุปกรณ์ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ไฟฉายนั่นเองที่ขาดไม่ได้และหลักการดำ Night Dive ที่ดีก็คือการค่อยๆ ส่องไฟฉายไปและมองตามไฟที่เราส่องไป ไม่ควรที่จะส่องกลาดเหมือนเราอยู่บนบกเพราะจะทำให้เหล่าบรรดาตัวเล็ก ตัวน้อยที่เพิ่งออกหากินพากันแอบหนีหายหมดและเหล่าบรรดาปลาน้อยใหญ่ที่พากันเข้านอนจะตื่นขึ้นมา
          ความไม่คุ้นเคยกับสถานที่และความมืดที่ต้องใช้สมาธิเพ่งมองหาเจ้าตัวเล็กตัวน้อยเป็นพิเศษทำให้เกือบหลายครั้งที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังจะทิ่มเข้าไปในประการัง และหอยเม่นแต่โชคดีที่ Leader ดึงเอาไว้ทัน และพาออกมาในแนวหินที่ไม่เสี่ยงมากนัก เราเพลิดเพลินกับเจ้าตัวเล็กตัวน้อยอย่างเจ้ากุ้ง และปู ไม่ว่าจะเป็นปูปะการัง ปูแต่งตัว หรือเจ้ามอนเลย์ตัวเคื่องลายแปลก จนได้เวลาขึ้นเหนือผิวน้ำ
   เมื่อขึ้นมาเหนือน้ำจึงได้รู้ว่าระหว่างที่เรากำลังเพลิดเพลินดูเจ้าตัวเล็กตัวน้อยอยู่นั้นขากำลังจะพลาดไปโดนเจ้าหอยแม่นทะเล แต่ Leader เอาแขนไปบล็อกเอาไว้ (ความจริงตอนอยู่ใต้น้ำก็รู้สึกเหมือนกันว่า Leader เอาแขนมายกขาเราไว้ แต่มันพูดไม่ได้หนิ ก็เลยนึกว่ายกไม่ให้โดนปะการัง เลยไม่ได้สนใจ T_T) ทำให้ Leader โดนแม่นทะเลทิ่มไปเต็มๆ  T_T  (ขอโทษคร๊าบๆๆๆ คราวหน้าหนูจะระวัง T_T) เมื่อขึ้นมาบนเรือถกเสื้อดูก็พบร่องรอยขนาดฝามือที่บริเวณต้นแขนของ Leader

   Leader  เราน่ารัก ที่สุ๊ดดดด

[G-girl]

ตามล่าหาแมนต้า ที่หินม่วง-แดง
   หินม่วง-แดง จุดชมปะการังอ่อนที่สวยที่สุดและพบแมนต้าได้บ่อยที่สุดแห่งอันดามันใต้  มาช้านานจนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ท่านปรมาจารย์ทางด้านทะเลไทย ได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อต่างๆ ว่า ได้โดนอิทธิพลของกระแสน้ำเย็นทำให้ปะการังอ่อนสวยงามมอดม้วยหมดแล้วจนเหลือเพียงโขดหิน เล่นเอาเหล่าบรรดานักประดาน้ำห่อเหี่ยวกันตามๆ ไปเลยที่เดียว แต่เหล่าบรรดาคนเรือและ Leader ที่คุ้นเคยกับบริเวณนี้เป็นอย่างดี บอกกับว่าลองลงไปพิสูจน์ดูก่อน
   และแล้วในวันที่ 3 ของทริปนี้เราจีงลงมติกันที่ลงที่บริเวณ หินแดงเพื่อพิสูจน์พร้อมถ่ายรูปเป็นพจักพยานว่าสภาพของบริเวณ์หินแดง เป็นอย่างไร โดยเรือจะจอดบริเวณใกล้ๆ ทุ่นจากนั้นก็ให้พวกเราลงไปตามสายทุ่น จนถึงจุดนัดหมายของเราที่ประมาณ 10 กว่าเมตร
   เมื่อไต่ไปได้ถึงระดับที่เราตกลงกันไว้ เมื่อมองไปรอบๆ ก็ทำให้ Diver อย่างเราตื่นตาตื่นใจเป็นยิ่งนัก เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าก็คือฝูงปลาหลากสีที่แถบแยกไม่ออกว่าเป็นปลาอะไรบ้าง แต่ที่โดนเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นเจ้าปลากัดทะเลสีสันสดใสที่เราเพิ่งจะเปิดหนังสือดูอยู่เมื่อคืน รวมทั้งเจ้าปลานกแก้วปลาวัวรูปร่างและสีสันแปลกตาว่ายมาโฉบมาโฉบไปอยู่ดาดดื่นจนแทบแยกจำพวกไม่ออก Leader พาเราดำใต่หน้าผาตามกระแสน้ำไปเรื่อยๆ ชมเจ้าปะการังอ่อนต้นเล็กบ้างใหญ่บ้างที่เริ่มมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งอยู่ทัวไป จนกระทั่งถึงกองหินกองหนึ่ง(ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตรงใหนอะ) เจ้า Barracudas ที่เราเคยเจอแค่ 3 ตัว Dive ก่อน ตอนนี้เราไม่สามารถนับได้เลย แถมเจ้า BatFishs และเจ้ามอนเลย์ยักษ์ตัวยาวเกือบ 2 เมตรที่ว่ายออกมาล่าเหยื่อระหว่างที่เราดำใต่หน้าผาอยู่ ทำเอาหัวใจ Diver หัวใจพองโตไปเลย 

เมื่อแมนต้ามาส่งข่าว   
    ระหว่างที่สวนทางกับเพื่อนอีกกลุ่ม ได้ส่งสัญญาณบอกว่าเจอแมนต้า แต่ทุกคนไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งขึ้นเรือและนำรูปมาโชว์ให้ดู เราจึงลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะเปลี่ยนกำหนดการทั้งหมดเป็นวันนี้เราจะลงที่ หินม่วง – แดง กันทั้งหมด 4 ไดว์เลย โดยไม่ย้ายไปใหน เพื่อคอยเจ้าแม้นตามาทักทายเรา 

หินม่วง
   พอตกสายเราก็ย้ายเรือมาบริเวณหินม่วงซึ่งเราจะลงตามสายทุ่นอีกเช่นเดิม โดยบริเวณหินม่วงนี้จะเป็นกองหินที่อยู่ใต้น้ำที่ต้องไต่ระดับลงไปประมาณ 18 เมตร จึงจะถึงยอดกองจากนั้นเราจะทำการดำไต่หน้าผาไปเรื่อยๆ แต่เนื่องจากเป็นเวลาสายแล้วและจุดหินม่วง-แดง ค่อนข้างขึ้นชื่อของอันดามันใต้ เราจึงมีเพื่อนมาร่วมแจมกันอีกหลายกลุ่มทีเดียว (ความสนุกมันมีตอนท้าย)
   ระหว่างที่ลงเพื่อนๆ ลงมาพร้อมกันอยู่ที่ผิวน้ำก็มีเสียงตะโกนมาว่า เจ้าแมนต้าอยู่ข้างล่าง เมื่อก้มลงไปดูก็พบเงาขาวๆ อยู่เบื้องล่าง ก่อนจะจางหายไป ทำเอาหัวใจพองโตมีความหวังขึ้นมาทีเดียว [*O*]
   เมื่อเราดำไปได้สักพักก็พบ Diver กำลังก่อไทยมุ่งกันที่ใต้น้ำ    ด้วยความสงสัยเราก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปร่วมแจมด้วยทันที สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือ เจ้า Octopus 2 ตัว กำลังจู๋จี๋กันนั่นเอง เมื่อมีคนมาดูกันมากเข้าเจ้า Octopus ก็ทนอายไม่ไหวเปลี่ยนสีและว่ายน้ำจากบรรดาไทยมุงไป
   เราดำกันไปสักพักจนได้เวลาที่จะขึ้นจากน้ำก็ยังไม่มีวี่แววที่จะได้พบเจ้าแมนต้าที่ตามหา จนได้ยินเสียงเคาะแท็งค์รั่วที่บริเวณทุ่น Leader ของเราใส่เกียร์ 3 เตรียมสปีดเต็มที่ แต่ Diver อย่างเรามือไวกว่าคว้าเข้าที่ฟิน เกาะตามติด Leader ไปด้วยก่อนที่จะถูก Leader ทิ้งหายไป (ลูกทริปสำคัญที่สุด แต่แมนต้าสำคัญกว่า ^O^) เมื่อมายังต้นกำเนิดเสียงเราก็ทำการเกาะเชือกทุ่นแล้วทำการมองหา ต้นเหตุของเสียงเคาะ เงียบ มีเพียงฝูงของนักประดาน้ำที่ได้ยินเสียงเคาะแล้วตีฟินมาด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน ซึ่งนับๆ แล้วคาดว่าน่าจะประมาณครึ่งร้อยที่เดียว (แล้วแมนต้ามันจะกล้วโผล่มาโชว์ตัวมะเนี๊ยะ)
   ด้วยสัญญาณที่ดี ของ 2 ไดว์ ที่ผ่านมา Dive 3 เราจึงลงซ้ำกันที่หินม่วงอีกรอบเผื่อหวังว่าจะโชคดีอีกสักครั้ง เมื่อแต่งตัวเสร็จระหว่างยืนรอสัญญาณจากเรือที่บริเวณแท่นท้ายเรือนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงมาจากในน้ำว่า ตอนนี้ตัวต้นเหตุอยู่เบื้องล่างแล้ว ว่าแล้ว Diver มือใหม่ ก็ทิ้งผ้าโพกหัว ใส่หน้ากาก ลืม Leader ลืม Buddy ลืมเพื่อนในกลุ่มกระโดดตามลงไปทันที แล้วลงใต้น้ำเพื่อมองหาเจ้าแมนต้าทันทีโดยลืมที่เคลียร์หูไปเลย เมื่อหันซ้ายแลขวาอยู่หลายรอบ พบเพียง Diver ไม่ปรากฏแม้เงาของเจ้าแมนต้าสักนิด (ทำกันได้นะ -_-“)

[G-girl]

เจ้าตัวน้อยในคอนโด
   หลังจากผิดหวังจากเจ้าแมนต้ามาแล้วเราตีฟินตามกระแสไต่หน้าผาไปเรื่อยๆ จนไปกระทั่งไปสายตาไปปะทะกะเจ้าตัวน้อยสีเหลืองอ่อย ทำปากจู๋น่ารักอยู่หน้าคอนโด (โพรงหิน) มองตัวประหลาดพ่นฟองอากาศผ่านหน้าไปอย่างระมัดระวัง เมื่อว่ายเข้าไปใกล้ก็จะว่ายไปแอบหลบในซอกหิน และโผล่หน้าออกมาดูเป็นระยะๆ ทำเอา Diver อิ่มใจไปได้ทีเดียว (เอาวะ ไม่เห็นแมนต้า ดูปักเป้าก็ด้ายย)

[G-girl]

ไม่สนุกเลยเรือจม
   แ ค่บอกว่า “เรือจม” ก็บ่งบอกถึงความขลังและเบื้องหลังได้ดีอยู่แล้ว ใน ไดว์แรกของวันสุดท้ายนั้นเราตกลงว่าจะลงดำกันที่เรือจม King Cruiser ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นเรือรับ-ส่ง ผู้โดยสารจากภูเก็ต (ไปใหนหว่า ลืม!) แล้วชนหินโสโครกของกองหิน Shark Point ที่เราจะลงกันใน ไดว์ต่อไป แต่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต (ค่อยยังชั่วหน่อย ^_^) แต่มีนักดำน้ำมาเสียชีวิต (เป็นงั้นไป ^_^’)  หลังเสียงกระดิ่งปลุกในตอนเช้าทุกคนก็มาร่วมตัวกันนั่งฟัง Leader Brief พร้อมทั้งเตือนเรื่องกระแสน้ำและอันตราย และคาดการณ์ว่าน้ำคงไม่ใสเท่าไรเนื่องจากฟ้าที่ขมุกขมัวและสายฝนที่เพิ่งโปรยปรายผ่านไป (เฮ้อ! แล้วจะลงทำไมเนี๊ยะ มะเห็นน่าสนใจเลย ^”^) แต่หลายคนที่เคยลงบอกว่าถ้าน้ำใสจุดนี้จะเป็นจุดดำน้ำที่สวยงามและอลังการมั่กๆ (เราก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเช่นกัน)
   เมื่อทุกคนแต่งตัวพร้อม ก็กระโดดลงไปเกาะสายทุ่นเตรียมลงใต้น้ำ (เนื่องจากกระแสน้ำค่อนข้างแรง) แต่ท่าทางวันนี้ฟ้าคงไม่เป็นใจให้เรา น้ำที่น่าจะใสกับขุ่นแทบมองอะไรไม่เห็น ไฟฉายที่ติดตัวลงไปด้วยก็ไม่ช่วยอะไรเลย แถมกระแสน้ำก็แรงมากๆ Leader พาเราว่ายทวนกระแสทักทายมอนเล ที่โผล่หน้ามาทักทายผู้มาเยือนเป็นระยะ และแวะเข้าไปทักทายเจ้า Nudi ที่อยู่ตามเปลือกหอยหลากหลายสี แต่เนื่องจากความขุ่นของน้ำทำให้เราต้องเพ่งพินิษเป็นพิเศษ
   จุดมุ่งหมายของเราในตอนแรกคือบริเวณท้ายเรือก่อนที่จะตามกระแสกลับมายังทุ่น แต่ตอนนี้กระแสน้ำที่ว่าแรงไม่น้อยไม่กว่าเดิมเลย เราตีฟินกันจนเหนื่อยมาสักพักก็ยังเห็นจุดมุ่งหมาย เนื่องจากความขุ่นของน้ำทำให้เบื้องหน้ามีเพียงสีน้ำเงินเข้ม กับกำแพงสูงด้านข้างที่ยิ่งดูก็ยิ่งน่าสพรึงกลัวยิ่งนัก เมื่อสถานการณ์เริ่มไม่น่าสนุกแถม Diver ก็เริ่มเกาะติดแจ Leader จึงพาเราหันหัวกลับตามกระแสนไปยังทางเส้นทางเดิม และไต่ระดับความสูงขึ้นมาจนถึงหัวเรือด้านหน้า แวะไปทักทายเจ้ากุ้งพยาบาลเล็กน้อย ก่อนจะพากันเกาะทุ่นพักน้ำขึ้นเรือเพราะขืนอยู่ต่อไปก็คงไม่เห็นอะไรมากนัก แถมกระแสน้ำที่แรงอาจพัดเอา Diver หมดแรงหายไปได้อีกต่างหาก
   
     เรือจมที่เคยสวยงามอลังการ แต่วันนี้จึงเป็นเพียงเรือจมที่น่าสพรึงกลัวสำหรับมือใหม่ไปเสียแล้ว...

[G-girl]

นอนคุยกับ LeoPard ขี้เซา
   ไดว์ต่อมาเราลงกันที่บริเวณ Shark Point ที่นี้เมื่อแรกลงไปมองผ่านๆ ความน่าสนใจดูไม่เท่าไรเลย แต่หากค่อยๆ พิจารณาและค่อยๆ ว่ายไปอย่างช้าๆ ความหลากหลายของที่นี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่อื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นเจ้า Nudi หลากสีที่มีอยู่เป็นระยะ เจ้าปลาฝูงที่แอบอยู่ตามแนวปะการังทั่วไป  หรือแม้แต่ Sea Fan กอมหึมาที่ใหญ่กว่าตัว Diver มีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ เราแวะชมโน่นชมนี่อยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงเคาะแท่งมาจาก Leader พร้อมทำท่าเอามือไว้ตรงหน้าผาก ที่บ่งบอกว่าเราเจอฉลามแน่แล้วเราค่อยๆ ว่ายเข้าไปหา Leader และมองไปตามมือที่ Leader ชี้ สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำเอา Diver หัวใจพองโตเลยที่เดียว เพราะเจ้า LeoPard ตัวเขื่องยาวประมาณเกือบ 2 เมตรเห็นจะได้ กำลังนอนอุตุอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่พื้นทราย ไม่สนใจผู้มาเยือนแม้แต่น้อย
   
        เราค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ พร้อมดูอากัปกิริยาตอบสนองของเธอ แต่เธอก็ยังคงนอนเฉยไม่สนใจสิ่งรอบข้างจนเราสามารถเข้าไปนอนเคียงข้างแอ็คท่าถ่ายรูปได้จนเสร็จ สงสัยเธอคงจะเริ่มรำคาญก็เลยยกตัวและบินจากเราไป ^_^”
   
      หลังจากนอนคุยกะเจ้า LeoPard จนเธอรำคาญจากไป เราก็เดินหน้าต่อไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงเคาะแท็งค์ ของ Leader อีกรอบพร้อมชี้มือไปข้างหน้า สิ่งที่เราเห็นคือ Eagle Ray ขนาดประมาณ 1 เมตร กำลังบินผ่านหน้าเราหายไปในน้ำลึก เราหยุดรอสักพักเพื่อเธอจะโฉบกลับมาอีกสักครั้งแต่ก็เงียบ Leader จึงพาเราดำไต่ระดับขึ้นเพื่อเตรียมพักน้ำ ที่บริเวณนี้นี้เอง ปลาหมึกกล้วยฝูงใหญ่ขนาดกำลังน่ากิน รอส่งเราอยู่....

 

[G-girl]

สุดท้ายของทริป
   ไดว์สุดท้ายเราลงกันที่ เกาะดอกไม้ซึ่งคราวก่อนที่ Webmaster ลงมาสำรวจกับเรือก่อนเปิด Season บอกไว้ว่าที่นี้สวยมาก แต่สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของเราเพราะวันนี้นอกจากกระแสน้ำที่ไม่เป็นใจแล้ว น้ำยังขุ่นอีกต่างหาก หลายครั้งที่เราลอยตามกระแสน้ำก้มหน้าก้มตาดูเจ้าตัวประหลาดอยู่นั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบโพรงถ้ำมืดที่น่าสะพรึงกลัว(กลัวสัตว์ประหลาดแบบใหนหนังโผล่มาอะ -_-“) หรือแง่งหินอยู่เบื้องหน้าจนหลบเกือบไม่ทัน 
   
           ถึงแม้การปิดท้ายจะไม่ประทับใจ แต่ทริปนี้ตั้งแต่ก้าวลงเรือจนลาจากสร้างความสนุกสนานและความประทับใจให้ Diver มือใหม่อย่างเรามากมาย  หลายไดว์ที่ลงไปเจอกระแสน้ำ น้ำขุ่น แต่ทุกไดว์ทุกคนขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มและความสนุกสนานอุปสรรคที่เราเจอไม่ได้ทำให้พวกเราเหนื่อยที่ท้อเลย กลับกลายเป็นความประทับใจของน้ำใจที่ทุกคนต่างหยิบยื่นช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
          ตั้งแต่เด็กเรือที่ต่างขมักเขม้นเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ให้เราได้ลงไปสนุกกันใต้น้ำ เมื่อขึ้นมาก็ช่วยกันหอบหิ้ว ดึง หิ้วแท็งค์ไปส่งจนถึงที่ Leader ที่น่ารักทั้ง 3 พี่เหนอ พี่หนอม และบังหนาน ที่คอยแทคแคร์ดูแล และเสาะแสวงหาสิ่งน่าสนใจให้เราได้ตื่นเต้นตลอดทริป (ถึงแม้จะไม่เจอแมนต้า ^_^”) พี่ขวัญเจ้าของเรือที่เป็นกองหลังเตรียมเสบียงไว้ให้ Dive ผู้หิวโหยที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย (แถมอร่อยด้วย *O*)
   
         ทริปนี้ทุกคนจึงปิดท้ายและลาจากกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และคาดหวังว่าคงได้มีโอกาสกลับมาเยือนอีกครั้งพร้อมความประทับใจใหม่ๆ 

[Joyful]

ฟ้าใสไปอันดามันเหนือมา  ลงริเชลิว 4 ไดฟ์  เจอฉลามวาฬทั้ง 4 ไดฟ์  ที่สำคัญบังหนานเจอเป็นคนแรกอีกตะหาก  ลองนึกดูเอาแล้วกัน  ว่าดวงกุดเนี่ยมันมาจากใคร หุ ๆ

[G-girl]

 
แต่ม่ายเจอแมนต้าอะ 

[กระโจมไฟ]

เจ้า BoxFish ปากจู๋