ตามล่าหาแมนต้า ที่หินม่วง-แดง หินม่วง-แดง จุดชมปะการังอ่อนที่สวยที่สุดและพบแมนต้าได้บ่อยที่สุดแห่งอันดามันใต้ มาช้านานจนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ท่านปรมาจารย์ทางด้านทะเลไทย ได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อต่างๆ ว่า ได้โดนอิทธิพลของกระแสน้ำเย็นทำให้ปะการังอ่อนสวยงามมอดม้วยหมดแล้วจนเหลือเพียงโขดหิน เล่นเอาเหล่าบรรดานักประดาน้ำห่อเหี่ยวกันตามๆ ไปเลยที่เดียว แต่เหล่าบรรดาคนเรือและ Leader ที่คุ้นเคยกับบริเวณนี้เป็นอย่างดี บอกกับว่าลองลงไปพิสูจน์ดูก่อน
และแล้วในวันที่ 3 ของทริปนี้เราจีงลงมติกันที่ลงที่บริเวณ หินแดงเพื่อพิสูจน์พร้อมถ่ายรูปเป็นพจักพยานว่าสภาพของบริเวณ์หินแดง เป็นอย่างไร โดยเรือจะจอดบริเวณใกล้ๆ ทุ่นจากนั้นก็ให้พวกเราลงไปตามสายทุ่น จนถึงจุดนัดหมายของเราที่ประมาณ 10 กว่าเมตร
เมื่อไต่ไปได้ถึงระดับที่เราตกลงกันไว้ เมื่อมองไปรอบๆ ก็ทำให้ Diver อย่างเราตื่นตาตื่นใจเป็นยิ่งนัก เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าก็คือฝูงปลาหลากสีที่แถบแยกไม่ออกว่าเป็นปลาอะไรบ้าง แต่ที่โดนเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นเจ้าปลากัดทะเลสีสันสดใสที่เราเพิ่งจะเปิดหนังสือดูอยู่เมื่อคืน รวมทั้งเจ้าปลานกแก้วปลาวัวรูปร่างและสีสันแปลกตาว่ายมาโฉบมาโฉบไปอยู่ดาดดื่นจนแทบแยกจำพวกไม่ออก Leader พาเราดำใต่หน้าผาตามกระแสน้ำไปเรื่อยๆ ชมเจ้าปะการังอ่อนต้นเล็กบ้างใหญ่บ้างที่เริ่มมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งอยู่ทัวไป จนกระทั่งถึงกองหินกองหนึ่ง(ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตรงใหนอะ) เจ้า Barracudas ที่เราเคยเจอแค่ 3 ตัว Dive ก่อน ตอนนี้เราไม่สามารถนับได้เลย แถมเจ้า BatFishs และเจ้ามอนเลย์ยักษ์ตัวยาวเกือบ 2 เมตรที่ว่ายออกมาล่าเหยื่อระหว่างที่เราดำใต่หน้าผาอยู่ ทำเอาหัวใจ Diver หัวใจพองโตไปเลย
เมื่อแมนต้ามาส่งข่าว ระหว่างที่สวนทางกับเพื่อนอีกกลุ่ม ได้ส่งสัญญาณบอกว่าเจอแมนต้า แต่ทุกคนไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งขึ้นเรือและนำรูปมาโชว์ให้ดู เราจึงลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะเปลี่ยนกำหนดการทั้งหมดเป็นวันนี้เราจะลงที่ หินม่วง แดง กันทั้งหมด 4 ไดว์เลย โดยไม่ย้ายไปใหน เพื่อคอยเจ้าแม้นตามาทักทายเรา
หินม่วง พอตกสายเราก็ย้ายเรือมาบริเวณหินม่วงซึ่งเราจะลงตามสายทุ่นอีกเช่นเดิม โดยบริเวณหินม่วงนี้จะเป็นกองหินที่อยู่ใต้น้ำที่ต้องไต่ระดับลงไปประมาณ 18 เมตร จึงจะถึงยอดกองจากนั้นเราจะทำการดำไต่หน้าผาไปเรื่อยๆ แต่เนื่องจากเป็นเวลาสายแล้วและจุดหินม่วง-แดง ค่อนข้างขึ้นชื่อของอันดามันใต้ เราจึงมีเพื่อนมาร่วมแจมกันอีกหลายกลุ่มทีเดียว (ความสนุกมันมีตอนท้าย)
ระหว่างที่ลงเพื่อนๆ ลงมาพร้อมกันอยู่ที่ผิวน้ำก็มีเสียงตะโกนมาว่า เจ้าแมนต้าอยู่ข้างล่าง เมื่อก้มลงไปดูก็พบเงาขาวๆ อยู่เบื้องล่าง ก่อนจะจางหายไป ทำเอาหัวใจพองโตมีความหวังขึ้นมาทีเดียว [*O*]
เมื่อเราดำไปได้สักพักก็พบ Diver กำลังก่อไทยมุ่งกันที่ใต้น้ำ ด้วยความสงสัยเราก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปร่วมแจมด้วยทันที สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือ เจ้า Octopus 2 ตัว กำลังจู๋จี๋กันนั่นเอง เมื่อมีคนมาดูกันมากเข้าเจ้า Octopus ก็ทนอายไม่ไหวเปลี่ยนสีและว่ายน้ำจากบรรดาไทยมุงไป
เราดำกันไปสักพักจนได้เวลาที่จะขึ้นจากน้ำก็ยังไม่มีวี่แววที่จะได้พบเจ้าแมนต้าที่ตามหา จนได้ยินเสียงเคาะแท็งค์รั่วที่บริเวณทุ่น Leader ของเราใส่เกียร์ 3 เตรียมสปีดเต็มที่ แต่ Diver อย่างเรามือไวกว่าคว้าเข้าที่ฟิน เกาะตามติด Leader ไปด้วยก่อนที่จะถูก Leader ทิ้งหายไป (ลูกทริปสำคัญที่สุด แต่แมนต้าสำคัญกว่า ^O^) เมื่อมายังต้นกำเนิดเสียงเราก็ทำการเกาะเชือกทุ่นแล้วทำการมองหา ต้นเหตุของเสียงเคาะ เงียบ มีเพียงฝูงของนักประดาน้ำที่ได้ยินเสียงเคาะแล้วตีฟินมาด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน ซึ่งนับๆ แล้วคาดว่าน่าจะประมาณครึ่งร้อยที่เดียว (แล้วแมนต้ามันจะกล้วโผล่มาโชว์ตัวมะเนี๊ยะ)
ด้วยสัญญาณที่ดี ของ 2 ไดว์ ที่ผ่านมา Dive 3 เราจึงลงซ้ำกันที่หินม่วงอีกรอบเผื่อหวังว่าจะโชคดีอีกสักครั้ง เมื่อแต่งตัวเสร็จระหว่างยืนรอสัญญาณจากเรือที่บริเวณแท่นท้ายเรือนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงมาจากในน้ำว่า ตอนนี้ตัวต้นเหตุอยู่เบื้องล่างแล้ว ว่าแล้ว Diver มือใหม่ ก็ทิ้งผ้าโพกหัว ใส่หน้ากาก ลืม Leader ลืม Buddy ลืมเพื่อนในกลุ่มกระโดดตามลงไปทันที แล้วลงใต้น้ำเพื่อมองหาเจ้าแมนต้าทันทีโดยลืมที่เคลียร์หูไปเลย เมื่อหันซ้ายแลขวาอยู่หลายรอบ พบเพียง Diver ไม่ปรากฏแม้เงาของเจ้าแมนต้าสักนิด (ทำกันได้นะ -_-)