
ลมหนาวมาถึงแล้ว ตอนนี้หัวใจของเพื่อน ๆ คงโบยบินออกไปไกล ไปค้นเจอกระทู้นี้มาค่ะ เลยอยากเอามาเตือนใจนักเดินทางทุกคน ปลายปี 2547 มีโอกาสไปเยือนเมืองปาย แล้วก็ไปได้รับอุบัติเหตุมาอย่างไม่คาดฝัน
ขอให้ฤดุหนาวนี้ เที่ยวกันอย่างมีความสุขค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------
"จ๊ากกกกกกกก..." เสียงฉันดังลั่นห้องฉุกเฉิน เมื่อคุณพยาบาลพยายามใช้นิ้วมือควานเอาเศษดินเศษหินออกจากหัวเข่า
ตามด้วยน้ำเกลือที่ราดลงมาไม่ขาดสายเพื่อชะล้างเอาสิ่งสกปรกออกจากบาดแผล แต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฉัน
เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนที่ "ทนพิษบาดแผลไม่ไหว" ตายอย่างไร น้ำตาฉันไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ... นานเท่าไหร่ไม่ทันรู้ตัว
"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวฉีดยาชา แล้วจะต้องตัดเอาหนังที่มันวิ่น ๆ ออกนะคะ ไม่งั้นเย็บแล้วแผลไม่สวย" คุณพยาบาลพูดขณะ
ฉีดยาไปรอบ ๆ แผลที่หัวเข่า จากนั้นเธอก็เริ่มใช้กรรไกรตัดหนังวิ่น ๆ รอบ ๆ แผล
"จ๊าก... ยังเจ็บอยู่เลยคุณพยาบาล" ฉันร้องสุดเสียงอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว" คุณพยาบาลยังตั้งหน้าตั้งตาตกแต่งแผลต่อไปโดยไม่สนใจเสียงร้องของฉันที่ดังตามมาทุกครั้ง
ที่เธอตัดหนังออกไป
"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวเย็บแผลกันเลยค่ะ" คุณพยาบาลพูดขณะที่เตรียมเข็มเย็บ
"จ๊าก.. " ฉันร้องเสียงดังอีกครั้ง เมื่อคุณพยาบาบร้อยเข็มเข้าไปที่ขอบแผลข้างหนึ่ง
"จ๊าก..." เข็มร้อยผ่านขอบแผลอีกข้างหนึ่งแล้วฉันรู้
"จ๊าก .. ยังเจ็บอยู่เลยคุณพยาบาล" เนื้อหนังฉันถูกดังรั้งขึ้นเพื่อมัดปมไหม ความเจ็บปวดยังอยู่ทุกอณูเนื้อ
"เอ.. น่าจะชาได้แล้วนะ งั้นเดี๋ยวฉีดยาชาเพิ่มนะ" คุณพยาบาลว่า เอาเลยค่ะฉีดเลยไม่งั้นตายแหง ๆ
เข็บยาชาถูกนำมาจิ้มรอบ ๆ แผลหลายจุด จากนั้นการเย็บดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว ...
ฉันพาขาที่ปวดร้าวระบมมานั่งแกร่วอยู่ร้านกาแฟ แหม่มสาวหน้าตาสะสวยเดินลาขากมาพร้อมกับรอยแผลเต็ม
ขาขวา.. นี่ถ้าหากฉันไม่ประมาทขี่จักรยานยนต์โดยระมัดระวังมากกว่านี้อีกสักนิดฉันคงไม่ได้ไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล
เพื่อนร่วมเดินทางของฉันคงไม่ต้องบาดเจ็บ และไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมรถให้กับร้านเช่ารถ หรือหากฉันแต่งตัวให้มิดชิดกว่านี้
สวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาว สวมรองเท้า บาดแผลฉันคงไม่หนักหนาขนาดนี้ โชคดีที่ฉันยังสวมหมวกนิรภัยไม่งั้น
ฉันอาจจะต้องเย็บแผลมากกว่าที่หัวเข่า ... และถ้าเรื่องทั้งหมดไม่เกิดป่านนี้ฉันคงได้เที่ยวไปรอบ ๆ เมืองปาย ได้เก็บ
ภาพสวย ๆ อย่างที่ฉันตั้งใจ คงไม่ต้องมานั่งเศร้าสลดอยู่อย่างนี้
ฉันย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว แต่ครั้งต่อ ๆ ไปฉันตระหนักแล้วว่าฉันไม่ใช่มอร์เตอไซค์รับจ้าง ฉันขี่รถไม่แข็งขนาดนั้น
ฉันจะระวังให้มากขึ้น จะไม่ประมาทอีกแล้ว และครั้งต่อไปหากฉันมีความจำเป็นต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ ฉันจะแต่งตัว
ให้รัดกุมเสมอ
ฉันหวังว่าบาดแผลและความเจ็บปวดของฉัน จะเป็นอุทธาหรณ์ให้นักเดินทางทุกท่าน.. อุบัติเหตุไม่ใช่คราวเคราะห์
อย่าถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์