พี่ป้อมมีออกทริปไปดำน้ำที่แสมสาร ในวันหยุดสุดสัปดาห์หน้าครับ ถามว่าอยากไปไหม อยากมากๆครับเพราะถ้าจำไม่ผิดพลาด นี่เป็นครั้งที่สอง ที่แกจัดทริปไปที่นี่(ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา)
ในครั้งแรก ผมก็ได้ออกทริปไปด้วย(รายละเอียด ติดตามได้ในเรื่อง เปิดโลกทะเล
สัตหีบ) ยังจำความใสของน้ำทะเลที่เกาะจวง ความยิ่งใหญ่ของเรือจมสุทธาทิพย์(Hardeep) และความสวยงามของเรือจมเพชรบุรีเบรเมน ได้อย่างดีครับ
แต่ด้วยภาระหน้าที่ และในวันแรกของสัปดาห์หน้าต้องพาคุณแม่ไปทำเคโม จึงเป็นเรื่องยากที่จะปลีกตัวไปได้ในสัปดาห์หน้า(ช่วงทำเคโม อาการแพ้จะเริ่มมีหลังจากการรักษา 1-2สัปดาห์ ก่อนจะดีขึ้นในสัปดาห์ที่สามครับ)
เหลือบเห็นในมัลติพลายของพี่ Yingor ซึ่งเป็นผู้ช่วยของครูปรีชาแห่ง Happydive จะพานักเรียนออกไปสอบดำน้ำที่พัทยาในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้(ผมเจอครูปรีชาบนเรือโชคศุลี เมื่อวันปีใหม่ครับ รายละเอียดติดตามได้ในเรื่อง อันดามันเหนือ
สวรรค์แห่งการดำน้ำ ครับ)
ที่สำคัญ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ผมและครอบครัวจะต้องพาคุณแม่ไปพักผ่อนที่พัทยาอยู่แล้วนี่นา!!! หากจะไปดำน้ำในวันอาทิตย์ก็คงไม่ยากนัก จากที่พักไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงท่าเรือแหลมบาลีฮายแล้วครับ(ก็ Pattaya Port ที่ผมไป บ่อยๆนั่นแหละครับ พึ่งทราบว่าใช้ชื่อนี้น่ะ)
ส่วนตามชื่อเรื่องที่ว่า แบบ
มิได้นัดหมาย นั้น มีสิ่งที่ไม่ยังไม่แน่นอนและสิ่งที่คาดไม่ถึง(เข็มขัดสั้น) ดังนี้ครับ
ประการแรก คิดไว้ว่าคงไม่ไปดำน้ำจนถึงเดือนตุลาแน่นอน อีกทั้งยังไม่ทราบเลยครับว่าจะได้ไปพัทยาหรือเปล่า เพราะหากคุณแม่เปลี่ยนใจ ก็คงไม่ได้ไป(อันนี้ก็จบนะ คงไม่มีเรื่องนี้มาให้อ่านกันครับ)
ประการที่สอง ถ้าได้ไป ก็ยังไม่ทราบเลยครับ ว่าจะได้ไปดำที่ไหน หมายไกลหรือหมายใกล้ แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญครับ ประเด็นอยู่ที่ ผมอยากดำน้ำน่ะ(มองไปด้านบน มีฟองอากาศด้วยครับ 55)
ประการสุดท้าย เป็นเรื่องแปลก ในห้าครั้งที่ผมไปดำน้ำแบบ Fun Dive ที่พัทยา ตรงกับเดือนกรกฎาคม ถึงสี่ครั้ง ทั้งๆที่ไม่เคยคิดไว้ก่อนว่าจะไปดำน้ำเดือนไหน ซึ่งก็บังเอิญดีครับ(อืม เป็นไปได้ด้วย)
เอาเป็นว่า ผมได้ไปพัทยาครับและได้ไปดำน้ำด้วย(ดีใจกับผมหน่อยซิ 55) จึงลองโทรชวนคนที่น่าจะอยากไปกับผม ซึ่งก็ไม่มีใครไปครับ ไม่ว่าจะเป็น พี่หมอนัท ครูเอ๋ พี่หมอหมู(อันนี้ติดต่อบ่ได้ พี่หมอไม่โทรกลับน่ะ) หรือคุณปุ้ยแห่งเวบทะเลไทยก็ตาม
ไม่มีปัญหาหาครับ คนเดียวก็ไปได้น่ะ คนรู้จักก็มี(ไม่มีก็ทำความรู้จักใหม่) สิ่งสำคัญที่พี่ป้อมเคยสอนอยู่เสมอ คือ ควรดำน้ำอย่างปลอดภัย ระมัดระวังตัว เคร่งครัดในกฎระเบียบอยู่เสมอและให้มีสติทุกครั้ง เช่น
ถ้า ภพดู Depth Gate ดูอากาศอยู่บ่อยๆ จะมีปัญหาเรื่องอากาศหมดไหม(จริงครับ อย่างน้อย หาก Depth Gate มีปัญหา เราจะรู้ได้ทันที ดังเช่นพี่โหน่ง เมื่อทริปปีใหม่ไงครับ ลงมาตั้งนาน อากาศไม่ลดเลยน่ะ 555)
ส่วนเรื่องความลึกและการดำน้ำแบบ Multi-level หากตามติด Leader หรือ ดู Dive Computer ก็คงลดปัญหาไปได้เยอะครับ(ถ้าไดฟ์คอม เสีย ก็จะรู้ได้ทันที)
หากพร้อมแล้ว ตามผมไปผจญภัยในโลกใต้ทะเลอีกครั้งนะครับ
26 กรกฎาคม 2551
มาถึงพัทยาช่วงเย็นๆครับ หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว มีการฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้ผมด้วย เป่าเค๊กเสร็จก็เป็นอันจบพิธี(ในวันเกิดที่จะถึง สมาชิกอยู่กันไม่ครบครับ วันนี้จึงเหมาะที่สุดน่ะ)
เล่นเกมกับพี่ชายดึกไปหน่อย(นานๆทีอยู่กันครบ) กว่าจะนอน ตีสามแน่ะ(ก่อนนอนไม่ลืมที่จะทาน แอคติเฟดไว้ด้วยครับ)
27 กรกฎาคม 2551
นัดครูปรีชาไว้ที่ท่าเรือตอนแปดโมงครึ่ง ตอนแรกว่าจะนั่งมอเตอร์ไซด์ไปครับ แต่คุณพ่อซึ่งตื่นเช้าอยู่แล้ว ขับรถมาส่งให้
ตรงมาที่สะพานเรื่อยๆนะ เลี้ยวซ้ายแล้วตรงมา ครูจะอยู่ทางฝั่งซ้ายมือน่ะ ครูปรีชาบอก
เฮ้ย นั่นครูต้องแห่ง Dive-evolution นี่นา ผมพูดผ่านโทรศัพท์
นั่นแหละครับ ถัดจากล๊อคของครูต้อง ครูจะอยู่ล๊อคถัดไปครับ ฝั่งซ้ายมือนะ
เมื่อคืน มีลมแรงและมีฝน โชคดีที่ว่า เช้านี้อากาศดี แม้จะไม่ดีที่สุด แต่ดีพอที่จะดำน้ำได้ครับ ผมยืนคุยกับคุณลุงโดยมีเด็กน้อยลูกชาวประมงอยู่ใกล้ๆ(อนาคตเป็นกัปตันเรือแน่ๆ)
เรือของเรา แน่นอนครับ(เห็นเขียนว่า ป้าเต้า ครับ คงเป็นชื่อเจ้าของเรือ) เป็นเรือประมงดัดแปลง มี 2 ชั้น ถือเป็นเรือยอดฮิต ที่นักดำน้ำชาวไทยส่วนใหญ่มักจะใช้บริการ มาแบบนี้ ผมว่าดีครับ ฝึกให้เราได้ประกอบอุปกรณ์ด้วยตัวเองและการเช็คอุปกรณ์ด้วยตนเอง ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะ
ไม่นานนัก ผมก็เจอพี่(Yingor)ครับ เลยเข้าไปทักทายก่อนเพราะจำได้ พึ่งเจอกันเมื่องาน TDEX ที่ผ่านมานี่เองครับ(อืม ดูน่ารักกว่าในงานเยอะเลยนะเนี่ย)
ครูปรีชากำลังเช็คจำนวนสมาชิกบนเรือครับ พร้อมแนะนำผมให้ทุกคนรู้จัก เท่าที่สอบถาม มีทั้งนักเรียนใหม่และมาดำน้ำแบบ Fun Dive เช่น เรียนมาก่อนแต่พาแฟนมาเรียนอีกที , ไม่ได้ดำน้ำมาสองปี อยากออกมาเคาะสนิมซะหน่อย เป็นต้น
เห็นพี่หญิงอ้อกำลังสอนเข็มทิศให้กับกอลฟ์ นักเรียนใหม่ที่มาเก็บไดฟ์ ผมก็ชำเลืองมองด้วยความสนใจเพราะยังดูเข็มทิศไม่เป็นเหมือนกัน คงต้องหาเวลาทำความเข้าใจอีกทีครับ ช่วงนี้ตาม Leader ไปก่อน หากหลงก็ขึ้นครับ Sausage ก็มีนี่นา
ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูปบรรยากาศบนเรือ มีพี่คนหนึ่งมาทักเพราะทราบว่าผมรู้จักกับพี่เอ เธอชื่อว่าพี่โอ๋ครับ เป็นลูกศิษย์ครูต้อง ทำงานอยู่ใกล้ๆบริษัทพี่เอนั่นเอง(คราวนี้มาแบบ Non-Dive ครับ)
ใช้เวลาซักพัก เรามาถึงเกาะสาก ผมไม่รู้มาก่อนครับแต่ดูแล้วคุ้นจริงๆ สังเกตจากแนวสันปันน้ำ(เอ้ย ไม่ใช่ ดูจากภูเขาและรูปร่างของอ่าวครับ) มีเรืออยู่หลายลำจอดให้นักดำน้ำลงที่นี่
มีอยู่ลำหนึ่งแย่มากๆ ครับ มีชาวต่างชาติหย่อนเบ็ดตกปลา ทั้งๆที่ใต้ทะเลมีนักดำน้ำอยู่นะ(มันน่าเอากรรไกรไปตัดเบ็ดจริงๆครับ นิสัยแย่มาก)
ครูปรีชาบอกว่า ที่นี่มีปลาบู่สีเหลือง(Goby) ด้วย สีสวยกว่าที่สิมิลัน โดยปลาบู่จะอยู่ในโพรงคู่กับกุ้งตาบอด และพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน(เกี่ยวกับการหาอาหารและการป้องกันระวังภัยนี่ล่ะครับ) ก็เป็นความรู้ดีครับ
มองเห็นเรือของกลุ่มครูต้องครับ มีคนบนเรือและบนผิวน้ำเยอะจริงๆ(รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 30 คน) ผมได้ยินเสียงพี่หนุ่ย และ พี่นิ้ม Staff ของกลุ่ม ชัดเจนครับ
ผมเตรียมอุปกรณ์ ประกอบเข้ากับแท๊งค์ เช็คอากาศ ร้อยสายตะกั่ว และไม่ลืมที่จะเอาไส้กรอกสัญญาณไปด้วย แม้น้ำจะไม่ลึกแต่ การที่มีเรือวิ่งฉิวบนหัวแบบนี้ ขึ้นผิวน้ำโดยมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ ย่อมดีกว่าไม่มีครับ
เอาล่ะ เราไปสำรวจใต้ทะเลของเกาะสากกันอีกครั้งดีกว่า ครับ
Dive 1 พบเจอ ปลาปักเป้ากล่องนอใหญ่!!
แม้จะกดปุ่มเพื่อเอาอากาศออกจาก BCD แล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่ลงสู่ใต้น้ำอย่างที่ตั้งใจครับ(ลงมานิดเดียวเองน่ะ เพียงเมตรกว่าๆ)
อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น Wetsuit แบบยาว ที่ไม่ได้ผ่านการแช่น้ำและเหยียบก่อนลง(พิ่พิชเคยทำให้ดูน่ะครับ ,พักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจจะใช่หรือแม้กระทั่งการหายใจ เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม ผมลองงอเข่าขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมทำสมาธิ หายใจช้าๆ จากนั้น ร่างกายก็ค่อยๆจมลงสู่ใต้น้ำ
เริ่มรู้สึกว่า มีน้ำทะเลไหลผ่านเข้ามาใน Regulator ระหว่างการหายใจเข้า แต่ไม่เยอะมากนัก ต้องกดปุ่มเพื่อไล่อากาศอยู่เรื่อยๆ คิดว่าคงไม่เป็นปัญหานัก ผมยังทนได้ ดำตามติดครูปรีชาอยู่แล้วนี่นา มีอะไรก็ค่อยเรียกแล้วกัน
น้ำที่เกาะสากในวันนี้ ไม่ใสนัก มีตะกอนค่อนข้างเยอะ จึงไม่ควรดูสัตว์ทะเลเพลิน จนไม่มอง Leader นะ
Dive Site ของที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นทรายครับ แต่ก็มีอะไรให้ดูเยอะพอสมควรเลยล่ะ แต่ต้องช่างสังเกตหน่อย
ผมไม่มี Pointer คู่ใจเหมือนเคย(ทำตกไปที่บริเวณรูปปั้น 12 นักษัตร ที่สิมิลันครับ) จึงต้องใช้ Depth Gate จิ้มที่พื้นทรายแทนฝ่ามือ ป้องกันหากมีสัตว์ทะเลที่มีอันตราย(อันนี้ พี่ป้อมก็สอนไว้ครับ)
แว่บ! ผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ ครูปรีชาชี้ให้ผมดูปลาปักเป้าตัวหนึ่ง มีลายจุดโดยรอบ รูปร่างคล้ายปลาปักเป้ากล่องเหลืองขนาดโตเต็มวัย ซึ่งจริงๆก็อยู่ในครอบครัว Ostraciidae นั่นแหละครับ
ผมรู้จักเพราะเคยเห็นรูปจากคำถามที่เคยตั้งไว้ โดยมีพี่ Wat ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลา มาไขข้อสงสัย นี่คือ ปลาปักเป้ากล่องนอใหญ่(Largenose Boxfish)
สังเกตจากลำตัวที่มีสีน้ำตาล มีจุดสีดำรอบตัว มักพบตามพื้นทรายและในบริเวณที่มีน้ำขุ่น พี่ wat เคยเจอบริเวณน้ำขุ่นที่เกาะยูงครับ แต่รูปที่ผมเคยถาม พี่ดาวเคยถ่ายไว้ที่ ระยอง ฉะนั้น การมาพบที่เกาะสาก จึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย แต่ทำให้รู้จักพวกเขาได้ดีขึ้น
ถ้าถามผม ด้วยความที่สีไม่สวย พวกเขาคงจะได้รับความนิยมสู้ปลาปักเป้ากล่องเหลือง(วัยเด็ก)ที่แสนน่ารักไม่ได้ แต่นั่นอาจเป็นข้อดีที่ทำให้เขาถูกคุกคามน้อยกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปอยู่ในตู้โชว์ในอควอเรี่ยมล่ะ
ตรงนั้น มีเม่นทะเลเคลื่อนไหวอยู่ครับ แปลกแฮะ ปกติเม่นทะเลไม่เคลื่อนไหวเร็วแบบนี้นี่นา สังเกตดู บริเวณใต้เม่นทะเล มีปูอยู่ครับ เขาแบกเม่นทะเลเอาไว้ด้วย(ประมาณว่าอาจเป็นการแต่งตัวเพื่อป้องกันระวังภัยหรือก็จะเอาเม่นทะเลไปทำอะไรซักอย่างนี่แหละครับ) ก็แปลกดีนะ ไม่เคยเห็นเท่าไรครับ เคยเห็นแต่พวก ปูแต่งตัว(Decorate Crab) ที่เอาฟองน้ำมาตกแต่งตามร่างกายน่ะ น่าเสียดายว่าไม่ทราบว่าเป็นปูชนิดไหนครับ คงต้องดูให้ใกล้กว่านี้น่ะ
ว่ายต่อไป ครูปรีชาชี้ให้ดูม้าน้ำ(Sea Horse) ตัวแรกครับ สีตุ่นๆ ตามสไตล์น้ำที่เกาะสาก ซึ่งม้าน้ำเกาะอยู่กับสิ่งๆหนึ่ง(เอ่อ ลืมครับ) จากนั้นไม่นานก็เจออีก 1 ตัวครับ แต่ตัวหลังนี่ ดูอนาถายังไงก็ไม่รู้นะ(เกาะกับวัตถุที่แย่กว่าตัวแรกอีกครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นเศษขยะหรือเปล่านะ) (แล้วจะเล่าทำไมเนี่ย จำก็จำไม่ได้ 555)
เอาเป็นว่ามาเกาะสาก เดี๋ยวนี้ รับประกันว่าเจอม้าน้ำแน่ๆครับ ใครอยากเห็นไม่ต้องไปไกลถึงอันดามัน
อีกสิ่งหนึ่งที่รับประกันว่าเจอ คือ ปลาวัวหนาม Fan-bellied leatherjacket(Filefish) ตัวที่กำลังเห็นอยู่นี้หน้าตาค่อนข้างแปลกกว่าที่เคยเห็นครับ(แปลกที่สีบนลำตัว) ส่วนอีกตัวนั้น คุ้นเคยครับ เหมือนที่เคยเห็นเป๊ะ
มักจะพบที่อ่าวไทยอยู่บ่อยๆครับ ที่ชุมพรผมก็เคยเห็นมาแล้ว ตรงบริเวณสายทุ่น หน้าหาดทุ่งวัวแล่น แต่ต้อง Shore Dive ลงไปนะครับ ไม่ก็จะลอง Free diving ก็ได้ ผมยอมแพ้คนนึงล่ะครับ กลั้นหายใจนานๆไม่ได้น่ะ(หากใครได้ลงไปดู จะมีม้าน้ำเป็นของแถมด้วยนะครับ)
ปากกาทะเล(Sea Pen) สัตว์ทะเลอีกชนิด น่าจะหยิบเอาไปเขียนทำข้อสอบจริงๆ 55 ล้อเล่นครับ ปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่แหละ เท่าที่เห็นมีเยอะครับ แต่ขนาดไม่ใหญ่มากนัด
ต่อจากนั้นเจอหอยชนิดหนึ่งครับ คุ้นจริงๆ ตัวนี้ชื่อ หอยสังข์จุกพราหมณ์(NOBLE VOLUTE) ครับ รูปร่างและเปลือกสวยมากๆเลยล่ะ
ผมเจอขยะครับ มือมันอยู่ว่างๆ เลยเก็บขึ้นมา มองไปด้านข้าง เห็นครูปรีชาก็เก็บขยะขึ้นมาเหมือนกัน แต่รูปร่างเหมือนเสื้อกันฝนเลยนะ(ช่วงเก็บขยะ หน้าต้องก้มลงไปขนานพื้นครับ ท่านี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่า น้ำทะเลมันเริ่มเข้าปากมากขึ้นแล้วนะ ยังอดทนครับ กดปุ่มไล่อากาศต่อไป จริงๆตอนนั้นไม่ได้นึกเลยครับว่า ผมเอา Octopus มาหายใจแทนก็ได้นี่นา โง่จริงๆ 555 )
ครูปรีชาเขียน สเล๊ด บอร์ด ให้ดู 2 ครั้งครับ ครั้งแรก บอกว่า Baracuda 2 ตัว แต่ผมตาถั่วมองไม่เห็นครับ น้ำก็ขุ่น ปลาสากก็ว่ายน้ำเร็วซะด้วย
อีกครั้งเขียนว่า ตัวจับยัด กำลังกินอาหาร มองดูแล้ว ลักษณะคล้ายดาวขนนก หรือดอกไม้ทะเล(ซักอย่างนี่แหละครับ) แกบอกว่า มันกำลังใช้หนวดที่ยาวๆออกมา จับแพลงตอนกินน่ะ
ปิดท้ายด้วยปลาอื่นๆเท่าที่พอจำได้ เริ่มจาก ปลาผีเสื้อปากยาว(Beak Buttelflyfish) ขนาดใหญ่ มาเป็นคู่ครับ ต่อด้วยปลากระรอกลายแดง(Redcoat) ปลาอมไข่(Cardinalfish) และปลาแพะ(Goatfish)