TRIP & TREK โลกกว้างของคนเดินทาง

กระทู้นี้ไม่ได้มีเพื่อดิสเครดิต แต่เพื่อเตือนภัย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ขอให้ระวังไว้ค่ะ
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา เรามีธุระต้องไปเชียงรายค่่ะ แต่ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้ และอยากรีบกลับ จึงมีทางเลือกเหลือไม่มาก รถที่แบรนด์ดี ก็เต็มหมด จึงต้องเลือกใช้บริการเชิดชัยทัวร์ รถออก 20.15 ปรับอากาศชั้น 1 ค่ะ
เริ่้มจากการขึ้นรถก็รู้สึกถึงบรรยากาศในการบริการแปลกๆ มีเด็กเดินรถคนเดียว ไม่มีพนักงานบริการสาวสวยเหมือนรถคันอื่น คนขับรถมีคนเดียว และพาใครผู้หญิงขึ้นมาด้วย 1 คน เหมือนมาช่วยงานเด็กเดินรถ... เหตุการทุกอย่างปกติ จนกระทั่งหลังเที่ยงคืน เส้นทางบนเขาจังหวัดอุตรดิตถ์ คนขับมีอาการขับรถส่ายไปมา ตอนแรกเข้าใจว่าเพราะถนนกำลังก่อสร้างอยู่... แต่มีคุณป้าคนนึงเค้าลุกขึ้นมาแล้วพูดว่าคนขับหลับในรึเปล่า แล้วคุณป้าก็เดินไปดูพยายามคุยกับคนขับซึ่งเราไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน

คุณป้าพยายามถามหากาแฟ หรือ เครื่องดื่มเพื่อไม่ให้คนขับหลับ แล้วบ่นว่าเด็กเดินรถว่าหลับทำไม ทำไมไม่อยู่คุยกับคนขับ.... แล้วมีผู้ชายคนนึงเค้าเดินไปนั่งเป็นเพื่อนกับคนขับเลย โดนคนขับพูดใส่อีกว่า ผมทำงานมาเป็น 10 ปี ไม่มีประวัติ นั่งให้สบายเถอะ.... แต่ขณะนั้นทุกคนที่ทราบเรื่องก็นอนไม่หลับกันแล้วค่ะ

ลงจากเขาได้ พี่ที่ไปนั่งเป็นเพื่อนคนขับกลับมานั่งที่เดิม คนขับขับรถช้ามากๆๆ และส่ายไปมานิดหน่อย คนที่นั่งข้างหน้าก็บอกให้พี่เค้าจอดพักก่อน รอได้ ซึ่งพวกเราบอกคนขับมาตั้งแต่บนเขาแล้วแต่เค้าไม่ยอมจอด แถมยังโชคร้ายไม่มีด่านไหนเรียกตรวจรถเราเลย

ชั่วอึดใจหลังจากลงเขา คนขับหลับค่ะ เกือบตกข้างทาง แต่หักรถกลับมาทัน ขณะนั้นเวลาประมาณตี 5 ทุกคนตะโกนให้เค้าหยุดรถ และเดินลงจากรถ เราไม่รู้จะทำยังไง ดูในตั๋วมีเบอร์ของสายเหนืออยู่ก็โทรไปแจ้ง ไม่มีคนรับค่ะใจเสียมากเลย เห็นข้างรถมีเบอร์สายด่วน 1584 โทรไป 2 รอบมีคนงัวเงียรับสายซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย บอกว่าก็ให้คนขับเค้าพักก่อนแค่นั้น พึ่งพาไม่ได้เลย

หลังจากลงรถมาซักพัก เด็กเดินรถบอกว่าโทรไปแจ้งเจ้าของรถแล้ว จะหาคนมารับ หรือหารถมาเปลี่ยน ตอนแรกบอกว่ารถอีกคันที่ออกมา 3 ทุ่ม แต่พอมาถึงก็ไม่ได้ช่วยอะไรคนขับคันนี้มี 2 คน เลยงงว่าสรุปรถเรามันเป็นรถเสริมรึเปล่า ไม่มีการแจ้งอะไรจากคนขายตั๋วเลย มีคนขับคนเดียว พนักงานบริการก็ไม่เหมือนกับที่เห็นที่หมอชิตเลยค่ะ

ชั่วโมงนึงผ่านไปมีตำรวจมาดู 2คน รถทัวร์จอดประมาณ 3 คัน แต่ช่วยอะไรไม่ได้ และคนขับรถตู้มาถามว่าไปเชียงรายคนละ 150 เอามั้ย.....

รออยู่อย่างนั้นจนประมาณ 7 โมงเช้ามีคนขับรถคนใหม่มาเปลี่ยน

ครั้งนี้เราโชคดีมากค่ะที่มีคุณป้าคนนั้นช่วยชีวิตไว้ ไม่งั้นก็คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ
ถามหาความรับผิดชอบจากบริษัทรถคงไม่มี เพราะถึงที่หมายก็ไม่ได้มีการขอโทษหรือแสดงความเสียใจอะไร ทั้งที่คุณชุ่ยจนเกือบจะเอาชีวิตของคนอื่นไปทิ้ง เพราะเห็นแก่เงินเท่านั้น โทรไปติดต่อใครก็ไม่ได้

หากใครต้องใช้บริการรถทัวร์ ก็สังเกตุดูก่อนนะคะว่ามีคนขับกี่คน และที่สำคัญอย่าลืมดูแลตัวเองด้วยค่ะ

แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 14:56:43

จากคุณ : กระต่ายน้อยจอมซน   
เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:28:03   


จาก : http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9873214/E9873214.html

ขอบคุณครับ

... เราอยากไปกราบ สรีระหลวงตา มหาบัว ...

ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยไปจังหวัดอุดรธานีเลยค่ะ จึง หาข้อมูลจากอินเตอร์เนตว่า จากจังหวัดที่เราอยู่(ลำปาง)มีช่องทางไหน บริษัทรถทัวร์อะไร ที่เดินทางถึงจ.อุดรธานี สะดวกที่สุด สุดท้ายได้ทางรถยนต์ มีบริษัททัวร์อยู่ 2 บริษัท อ.ศึกษาทัวร์(วิ่งวันเว้นวัน) กับ จักรพงษ์ทัวร์...เราสุ่มเลือกบริษัทจักรพงษ์ทัวร์(เรายังไม่เคยใช้บริการทั้งสองบริษัทค่ะ)

    8 กุมภาพันธ์เราเก็บผ้าใส่กระเป๋า เดินเข้าไปซื้อตั๋ว

เรา .... ไปอุดรเท่าไหร่คะ
คนขายตั๋ว....  613 บาท
เรา .... รถv.i.pหรอ  (20.45ในตารางเวลารถเป็นรถป.1ค่ารถสามร้อยกว่า)
คนขาย.... ไม่ใช่ค่ะเป็นรถธรรมดาแต่ราคา v.i.pค่ะ
เรา.... แล้วรถ v.i.pล่ะ(เที่ยว3ทุ่ม)
คนขาย.... เต็มแล้วค่ะคันนี้เป็นรถธรรมดาแต่ราคา v.i.p(เธอย้ำ)
เรา....อ้าวทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ
คนขาย....หนูก็ไม่รู้เจ้าของเค้าสั่งให้ขายราคานี้

เราก็ยอมซื้อตั๋วตามราคาที่เธอบอกนะ...คิดในใจว่า อืมมม...ช่วงนี้เค้าคงเปลี่ยนรถเปลี่ยนการบริการ เพราะช่วงนี้ใครๆก็เดินทางไปอุดรธานีเพื่อกราบสรีระหลวงตา มหาบัวกัน แต่เราคิดผิดค่ะ...

พอถึงเวลา รถมาถึง...เราเห้นสภาพรถแล้วอยากร้องไห้ เก่าก็เก่า พอขึ้นไปบนรถคนเต็มเลย เบาะก็ปรับนอนไม่ได้ ผ้าห่มไม่มีแจก มีน้ำปล่าวแจก 1 ขวด ขนมปังถุงละ5บาท1ถุง ...

เราได้นั่งข้างหลังคนขับพอดี จึงเห็นสภาพทั่วๆ แล้วมีโอกาสได้ชวนโชเฟอร์คุย...รถวิ่งออกจากขนส่งลำปางได้ไม่ถึง5ก.ม.เราเห้นโชเฟอร์เอาเงินออกมานับเราคิดในใจคงเป็นผลกำไรจากการที่เค้าเอาเปรียบผู้โดยสารในครั้งนี้...

ช่วงที่แฟนโชเฟอร์เค้านอนหลับ(เอาเสื่อมาปูนอนตรงบันไดขึ้นลงนั่นแหละ)เราจึงชวนโชเฟอร์คุย
เรา.... ถึงอุดรกี่โมงคะ
โชเฟอร์....7โมงกว่าๆก็ถึงแล้วครับ
เรา....ขับคนเดียวหรือคะ มีใครเปลี่ยนมั้ย
โชเฟอร์ ....ขับคนเดียวครับ นี่พอไปถึงพักไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยววันนี้ผมขึ้นเชียงใหม่ต่อเลย

โอ้วว พระเจ้าช่วย...เรากับผู้โดยสารอีก50กว่าคนต้องเอาชีวิตมาฝากไว้กับผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้(อายุน่าจะไม่เกิน40)
ตลอดทางเราไม่กล้าหลับเลยค่ะ ยิ่งตอนขึ้นเขาภูเรือที่จะไปด่านซ้ายจ.เลย เขาสูงมาก...(เรากลัวว่าถ้าหลับมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเรากลัวเก็บคอ งอเข่าไม่ทันอ่ะ555)

เรานั่งรถไปด้วยใจระทึก...แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรจนถึงจ.อุดรธานีเกือบ8โมงเช้า...
ขากลับ เราไม่กล้านั่งเลยค่ะ จักรพงษ์ทัวร์ เราเปลี่ยน บริษัทรถ

ราคาเท่ากันค่ะ แต่การบริการช่างห่างกันราวฟ้ากับเหว...

นำมาเล่าให้ฟังค่ะ ไม่อยากให้ท่านเป็นเหยื่อรายต่อไปของบริษัทนี้

จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ   
เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 03:21:30

จาก : http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10269847/E10269847.html

เล่าสู่กันฟัง


เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมจะนั่งรถกลับกรุงเทพ จากนครศรีธรรมราช


เมื่อไปถึง บขส. นครศรีธรรมราช ก็ไปหาตั๋ว VIP ปรากฎว่าไม่มีแล้ว ต้องรออีกวัน รถน้อยมาก แต่มันรอไม่ได้แล้ว ต้องรีบกลับ ก็เลยโอเค ไป ป.1 ก็ได้ ตั๋วถูกลงอีกเป็น 538 บาท จาก 908


รถออก 18.40 ช่วงว่างๆก็หาอะไรทำนู่นนี่นั่น รอรถ


~18.40 น. รถยังไม่มา ก็ได้แต่บ่นกับเพื่อนที่กลับด้วยกัน


~19.00 น. หรือว่ารถจะไปแล้วแล้วเราตกรถ? เลยไปถามพนักงาน เค้าก็บอกว่า "อีกประมาณครึ่งชั่วโมง" แล้วทำไมท่านไม่บอกแต่แรกว่ามันจะมาช้า ปล่อยให้นั่งง่อยรออยู่ได้ ถ้าแต่แรกจะได้ออกไปเี่ที่ยวซักพัก อืม อาจจะไม่รู้ก็ได้เนอะว่ารถจะเลท


~19.30 น. รถยังไม่มา...


~19.45 น. รถมาแล้ว หน้ารถมีป้ายติดว่า 07.15 อ๋อ นี่รถจากกทม.หรอ แสดงว่าเพิ่งเข้าเลยดิ คนขับได้นอนรึยังเนี่ย!


และแล้วก็ได้ขึ้นรถซักที พอขึ้นไปบนรถ พนักงานเปิดทีวี เป็นการแสดงคอนเสิร์ตของวง the who


??? เออ ก็สงสัยเหมือนกันว่าวงเหวอะไรวะ วงใคร เปิดทำไม ซักพักก็เห็นเบอร์โทรติดต่อวงไว้


อ๋อ โฆษณาให้ สงสัยได้ตังค์


คนบนรถก็เริ่มเบื่อ เปิดมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เพลงก็ไม่เพราะ นักร้องก็หน้าโหดมาก เลยมีคนบอกพนักงานว่า อยากดูหนัง พวกผมก็บอกว่า "เห็นด้วยครับ เห็นด้วย" พนักงานก็เดินไปบอกตรงคนขับ พวกผมนั่งหน้าสุด ได้ยินหมดแหละเค้าพูดอะไรกัน "ผู้โดยสารบอกว่าเปิดหนังให้หน่อย"


3 ชม.ต่อมา ทีวีปิดลง โดยที่ได้ดูแต่วงดนตรีแมวๆนั่นแหละ ผมสาบานว่าจะไม่มีวันจ้างวงเอ็งเด็ดขาด และเชื่อว่าคนบนรถวันนั้นหรือวันไหนๆที่เอ็งทำแบบนี้ก็คงจะคิดเหมือนผม


เอาวะ เซ็ง ไม่มีอะไรทำ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน


เหมือนรู้ ปิดไฟซะงั้น.. นี่ท่านตั้งใจกวนผมปะเนี่ย


ตลอดทาง:-)เปิดเพลงลูกทุ่งในรถตรงคนขับอะ แต่ดังมาในรถทั้งคันเลย ไม่ทราบจะเผื่อแผ่ไปทำไม คนจะหลับจะนอน


พอเริ่มง่วงได้ที่ก็ถึงจุดพักพอดีที่ครัวสาหร่าย


ยัง ยังไม่จบ ขับๆอยู่ดีๆพนักงานก็เดินมาบอกคนขับ


พนักงานรถ : พี่ๆ ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ เหมือนล้อจะหลุด (!!! เอ่อ..คุยกันเบาๆก็ได้นะ ผมได้ยิน)


คนขับ : ไหนไอx ไปฟังดิ๊ (xนี่ชื่อสมมุตินะครับ ผมจำไม่ได้ xเป็นเด็กรถผู้ชาย)


x ก็เดินไป แล้วเสียงออดก็ดังมาสองสามครั้ง รถก็ค่อยๆเข้าจอดข้างทาง x ก็เดินลงไปดู


ช่่วงนี้คุยอะไรกันผมจำไม่ได้ แล้วผมก็หลับไป


รถขับไปถึงเพชรบุรีแล้วก็เข้าจอดที่ข้างปั๊มแห่งนึง ผมก็ตื่น ได้ยินเสียงคนขับคุยโทรศัพท์บอกว่าให้เอารถมาเปลี่ยน ซึ่งแน่นอน รถจะต้องมาจากกรุงเทพนู่น!!


คนก็ต้องลงรอซึ่งตอนนี้ผมได้ถ่ายรูปรถเก็บไว้ด้วยเป็นที่ระทึกเล่นๆ


เพื่อนผมบอกว่า พนักงานคุยกัน บอกว่าแหนบหักไปอันนึง!!!! โห ดีนะรถไม่พลิกลงข้างทาง


แล้วก็ต้องรอรถกันที่ข้างนอก อุณหภูมิประมาณ 20 องศา และแน่นอน ทั้งพระ ทั้งเด็ก หนาวกันถ้วนหน้า


1 ชม.กับอีก 17 นาที รถก็มา เฮ้อ....


รถมาแล้วคนก็รีบขึ้นไปนั่งกัน แล้วรถก็ออก ไปได้ซัก 1 กิโล พนักงานก็ขึ้นมาเชคคนว่าครบมั้ย ซึ่งมันน่าจะเชคก่อนขึ้นแล้วจริงปะครับ นี่แหละเลยเป็นปัญหาต่อมา


ผู้โดยสารหายไป 1 คน รถต้องถอยหลังกลับไป แล้วพนักงานก็ลงไปหา


และคำที่ผมได้ยินจากปากพนักงานตอนกลับมาที่รถ


พนักงาน : "หาไม่เจอ ไปเหอะ เดี๋ยวแม่Jหารถกลับเองแหละ"


อืม.. เนอะ เหอๆ


กว่ารถจะไปถึงกรุงเทพ บวกเวลาเพิ่มจากปกติประมาณ 3 ชม. กลับไปทำงานไม่ทัน


สาบานว่าจะไม่ใช้บริการของท่านอีก "นครศรีราชาทัวร์"


จากคุณ : jonokoibito   
เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 11:37:42   
จาก : http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10354988/E10354988.html

   

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราจำเป็นต้องเดินทางด้วยรถทัวร์เพื่อกลับไปทำงานที่ระยอง หลังกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดช่วงวันเสาร์-อาทิตย์

หลังจากที่ไม่ได้นั่งรถโดยสารมานานจึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันจะเกิดกับตัวเอง แบบนี้

เข้าเรื่องเลยค่ะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พ.ย. 54 เรานั่งรถจากลำปลายมาศถึง บขส. โคราช เวลา 14.50 น.

จากนั้นเดินไปสอบถามซื้อตั๋วรถเพื่อที่จะไปลงปากร่วม บ่อวิน คนขายตั๋วของ บริษัท วิศวกรเสนา จำกัด บอกว่า ตั๋วเที่ยว 15.40 น. เต็ม ให้รอรถเที่ยว 17.40 น

โดยให้มาติดต่อซื้อตั๋วอีกทีในเวลา 15.30 น เพราะไม่เปิดขายก่อนเวลา จากนั้นเราก็ไปห้องน้ำ ซื้อขนม ของฝาก

และกลับไปซื้อตั๋วเวลา 15.30 น ตามที่คนขายแจ้ง จ่ายค่ารถ 230 บาท คนขายย้ำว่ารถออก 17.40 น. ตามตารางที่ระบุไว้

เราเห็นว่าเหลือเวลาอีกตั้ง 2 ชม. ก็เลยไปนั่งที่ร้าน DUNKIN DONUTS ทำงานที่หอบมาด้วยแล้วก็หาอะไรกิน เพื่อรอเวลาขึ้นรถ เที่ยว 17.40 น.

เวลาผ่านไป เราเดินไปที่ขึ้นรถ เวลา 17.30 น. เด็กรถของบริษัททัวร์ถามว่าไปไหนๆ เราบอกว่าไปบ่อวิน เด็กรถบอกว่า อ้าว ว่าแล้วผู้โดยสารผู้หญิงที่ยังไม่มาขึ้นรถ เร็วๆ ไปที่เคาเตอร์

.....จากนั้น.....

คนขายตั๋ว :  น้อง หายไปไหนมา รถเค้ารออยู่ตั้งนาน เนี่ย รอน้องคนเดียวเลย

เรา : หนูก็นั่งรอที่ร้านอาหาร เห็นว่ารถออก 17.40 น. หนูก็มาก่อนรถออกนี่คะ เวลา 17.30 น. แล้วทำไมพี่ให้รถออกล่ะ

คนขายตั๋ว: ก็ผู้โดยสารเต็ม จนไม่มีที่ยืน แล้ว ก็รอน้องอยู่ตั้งนาน แล้วก็ประกาศเรียกแล้วด้วย เนี่ย รถเพิ่งจะออกไปได้เดี๋ยวเดียวเอง

เรา: พี่ทำงี้ได้ไงอ่ะ ตอนหนูซื้อตั๋ว พี่ก็บอกเองว่ารถออก 17.40 น. ไม่เห็นบอกเลยว่า รถเต็มจะออกก่อน

คนขายตั๋ว: (ยกหูโทรศัพท์) น้องจะตามมั้ย ตามรถทัวร์ไป เนี่ย ออกไปได้ไม่ไกลหรอก

เรา: แล้วพี่จะให้หนูตามยังไง หนูไม่มีรถมาส่งนะ

คนขายตั๋ว: นั่งมอเตอร์ไซค์ตามไปเลย รถยังไปได้ไม่ไกล

เรา: โมโหสุดๆ แบบว่าจะให้นั่งมอเตอร์ไซค์ไปเอง งั้นหนูขอเงินค่าตั๋วคืนด้วย ไม่ไปแล้ว

คนขายตั๋ว: งั้นน้องจะไปรอบ 23.00 น. มั้ย

เรา: ไม่ไปแล้วคะ ขอเงินคืน แบงค์ร้อยกะแบงค์ยี่สิบนะ (แอบเหลือบไปเห็นว่าเค้านับเหรียญให้)

เรา: คิดในใจ นี่ฉันผิดใช่มั้ย ที่ไม่มายืนรอรถเหมือนผู้โดยสารคนอื่นๆ ขอบอกว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเคยขึ้นรถบริษัทนี้

เคยนั่งเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 54 เที่ยว 15.40 น. แต่กว่ารถจะออก ก็ 15.50 – 15.55 น. เพราะรอผู้โดยสารให้เต็มรถก่อน (ทั้งนั่งและยืนเบียดกันเป็นปลากระป๋อง แถมผู้โดยสารยังที่ยืนยังบ่นว่าซื้อตั๋วราคาเท่ากัน

แต่ได้ยืนไปตลอดทาง 5 ชม. ไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะต้องทำงาน เราก็ยิ้มแห้งๆ ให้ ไม่รู้จะช่วยยังไง อ้อ! ลืมบอกว่ารถปรับอากาศ ป.1 แอร์ไม่เย็นเลย ต้องซับเหงื่อตลอดทาง) ตกลงว่า รถออกตามตารางเวลา หรือ รอให้ผู้โดยสารเต็มกันแน่


           อีกอย่างนะรถสายโคราช – ระยอง ที่วิ่งผ่านเส้นบ่อวิน ก็มีบริษัทเดียว ถ้ามีให้เลือกมากกว่า 1 เราคงไปนั่งรถของบริษัทอื่น โดยไม่มาสนใจตั้งกระทู้นี้เลย


ที่เขียนมาทั้งหมด อยากให้บริษัทวิศวกรเสนา ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น โดย
1. ป้องกันผู้โดยสารตกรถ โดยขอชื่อ และเบอร์มือถือผู้โดยสาร จากนั้นพิมพ์ลงในตั๋วต้นขั้ว เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน สามารถติดตามได้ (บริษัทอื่นๆ เค้าก็ทำกันนะ ไม่เสียเวลาขายตั๋วเท่าไหร่นัก)


2. เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคน เมื่อที่นั่งบนรถเต็ม ไม่ควรรับผู้โดยสารเพิ่ม (โปรดเห็นใจด้วย ถ้าเป็นคุณซื้อตั๋วในราคาเท่ากัน แต่ต้องมายืนไปตลอดทาง แล้วคุณคิดว่ามันยุติธรรมมั้ย)


3. กำหนดระเบียบปฏิบัติการเดินรถของบริษัทไปเลย ว่า
  3.1 รถออกตรงเวลาตามตารางเที่ยวรถ หรือ
  3.2 รถจะออกจากบขส. เมื่อผู้โดยสารนั่ง และยืนจนเต็มคันรถ
แล้วติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน


4. สำหรับผู้โดยสารเอง ก็ควรมาก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนรถออกนะคะ เพื่อเป็นการป้องกันไว้อีกทางหนึ่ง


5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้เข้ามาช่วยตรวจสอบการบริการของรถทัวร์ รวมถึงระบบการจัดการด้านความปลอดภัยของบริษัทรถด้วยคะ อย่านิ่งดูดายไปเลยคะ เพราะเท่าที่สังเกตดู เห็นมีการร้องเรียนครั้งใด ก็เงียบหายไปหมด ไม่มีการติดตามปัญหา 


  ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่บ้าน ต้องโทรไปขอลาหยุดกับหัวหน้า ต้องนั่งทำงานผ่าน Internet และ โทรศัพท์ ที่สำคัญต้องเสียวันลาหยุดพักร้อนไปโดยเปล่าประโยชน์

ปล.ต้องรอรถส่วนตัวที่เอาไปเปลี่ยนยางต้องลาหยุดงานสองวันเลย เพราะเราจะไม่ขึ้นสายนี้อีกแล้ว


จากคุณ    : อาพูห์
เขียนเมื่อ    : 7 พ.ย. 54 22:30:00
จาก : http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11302598/E11302598.html

1. สิทธิ ที่จะได้รับข้อมูลข่าวสาร รวม ทั้งคำพรรณาคุณภาพเกี่ยวกับบริการรถโดยสาร รวมทั้งความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ถูกต้องเป็นจริง ครบถ้วน
2. สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในด้านสัญญา และราคาค่าบริการ
3. สิทธิในการเลือกใช้บริการรถโดยสารด้วยความสมัครใจ และปราศจากการชักจูงอันไม่เป็นธรรม
4. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยในทุกๆด้านจากการใช้บริการรถโดยสาร
5. สิทธิที่จะได้รับการบริการจากรถโดยสารและผู้ให้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน
6. สิทธิ ในการร้องเรียน หรือฟ้องร้องเพื่อให้ผู้ให้บริการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไข ปัญหา เยียวยา หรือชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น
7. สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายทั้งทางร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอื่นๆที่ถูกละเมิด
8. สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายจากการประกันภัยโดยไม่มีการประวิงเวลา หรือบังคับให้ประนีประนอมยอมความ
9. สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายด้วยหลักแห่งพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
10. สิทธิที่จะรวมตัวกันเพื่อพิทักษ์สิทธิของตนและผู้อื่น

(http://htmlimg4.scribdassets.com/bx5se9cyiqf2jk0/images/16-2fa9194c81/000.jpg)(http://htmlimg2.scribdassets.com/bx5se9cyiqf2jk0/images/17-aefc7c6db0/000.jpg)(http://htmlimg2.scribdassets.com/bx5se9cyiqf2jk0/images/18-0c75391c32/000.jpg)(http://htmlimg1.scribdassets.com/bx5se9cyiqf2jk0/images/9-25c57f28e8/000.jpg)

 
 
จาก :  ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2554 16:21 น.   
 
 
 
       เลย-รถบัสสายอุดรฯ-เชียงใหม่ ขึ้นเนิน เบรกแตก 30 ชีวิต บาดเจ็บ สาหัสจำนวนมาก
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (25 พ.ย.) ได้เกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสาย อุดรธานี-เชียงใหม่ หม้อลมแตกพลิกคว่ำ มีผู้บาดเจ็บ 30 คน เกลื่อนบนถนน สายเลย-อุดรฯ กิโลเมตร ที่ 18 วังสะพุง-เอราวัณ
       
       เมื่อเดินทางไปจุดเกิดเหตุพบรถบัสโดยสารปรับอากาศอุดรฯ-เชียงใหม่ สีส้ม-ขาว หมายเลขทะเบียน เลขข้างรถ 636-1 พลิกข้างกลางถนน มีผู้บาดเจ็บเกลื่อนถนน รถพยาบาลกำลังลำเลียงผู้ป่วยไปโรงพยาบาล
       
       นายชัยยุทธ ชูสกุล คนขับรถ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุรถบัสโดยสารปรับอากาศดังกล่าวได้เดินทางออกจากเชียงใหม่มาถึงจังหวัดเลย ไปยังอำเภอเอราวัณ และไปยังอุดรธานี
       
       ก่อนถึงตัวอำเภอเอราวัณประมาณ 1 กิโลเมตร หน้าศาลเจ้าปู่หลุบ ซึ่งเป็นทางโค้งขึ้นเนิน นายชัยยุทธ ซึ่งเป็นผู้ขับรถ ได้ขับรถขึ้นไปยังเนินดังกล่าว จากนั้นมีการเบรก เนื่องจากมีรถข้างหน้าขึ้นเนินช้า แต่ไม่สามารถควบคุมระบบเบรกของรถได้ มีเสียงหม้อลมรถแตกเสียงดังเหมือนล้อรถระเบิด จากนั้นรถก็เสียหลักลงจากเนินแต่ไม่สามารถควบคุมรถได้
       
       จึงทำให้รถนั้นพลิกกลับหัวเชิดล้มตะแคง ทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งหมดประมาณ 30 คน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ หลายคนร่วมรถคันนี้ด้วย ขณะนี้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย
       
       เป็นที่น่าสังเกต ตรงจุดรอยต่อระหว่างหม้อลม กับสายลมเบรกนั้นมีการใช้สายยางรัด ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบเบรกของรถเกิดระเบิด เนื่องจากทนแรงอัดไม่ได้และไม่มีการซ่อมบำรุงรถที่ดีพอ อาจเป็นสาเหตุทำให้รถประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้
 
 

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2555  ผมได้ซื้อตั๋วรถทัวร์ของรุ่งประเสริฐทัวร์เดินทางจากจังหวัดมหาสารคามเข้ากรุงเทพมหานคร เที่ยวเวลา 10.30 น. ซึ่งรถทัวร์เที่ยวนี้มีผู้โดยสาร 30 คน มีพระคุณเจ้าอยู่ 1 รูป รวมอยู่ด้วย

ผมขึ้นรถทัวร์จากจังหวัดมหาสารคาม สังเกตุว่าไม่มีพนักงานต้อนรับบนรถเลย เวลาที่รถทัวร์จอดรับผู้โดยสารจากจุดขายตั๋วตามอำเภอต่างๆ ผู้โดยสารต้องเดินหาที่นั่งเอง จนเกิดเหตุการณ์โต้เถียงกันเรื่องที่นั่งผิด เพราะไม่มีพนักงานมาคอยจัดที่นั่งให้ทั้งๆที่เป็นรถ VIP 30 ที่นั่ง  แต่เหตุการณ์ก็ลงเอยด้วยดี

เมื่อรถทัวร์ถึงสถานีขนส่งโคราช  ก็จอดให้ผู้โดยสารลงไปทานข้าว เข้าห้องน้ำ ซึ่งพระคุณเจ้าที่นั่งอยู่เบาะหลังสุดท่านก็ลงไปด้วย คนบนรถก็ลงเกือบหมดรวมถึงผมด้วยที่ลงไปซื้อน้ำอัดลม

เวลาล่วงเลยไปสักพักผู้โดยสารท่านอื่นๆก็เริ่มทยอยขึ้นรถกันเกือบหมด พระคุณเจ้าก็ยังไม่กลับขึ้นรถ สักพักผมก้เห็นพนักงานต้อนรับขึ้นมาบนรถแล้วสอบถามผู้โดยสารว่าจะลงที่ไหนบ้าง (เห็นตอนแรกยังนึกสงสัยเลยว่ามาได้ไง สงสัยเพิ่งขึ้นรถที่โคราช) จนสุดท้ายผู้โดยสารท่านอื่นๆก็ขึ้นรถหมดจนเหลือที่นั่งสุดท้ายคือ ที่นั่งของพระคุณเจ้า

พนักงานก็ถามว่าใครที่ยังไม่มาเดี่ยวจะลงไปให้เจ้าหน้าที่ประกาศเรียก ผมเลยบอกว่าที่นั่งตรงนั้นเป็นของพระคุณเจ้า สงสัยท่านลงไปเข้าห้องน้ำ ยังไม่ขึ้นมา  พนักงานก็ถามอีกว่าท่านจะลงไหน  พี่ที่นั่งอยู่ข้างๆก็บอกว่าลงกรุงเทพ จากนั้นพนักงานก็หายลงจากรถทัวร์ไป

สักพักพนักงานต้อนรับก็กลับมาขึ้นรถแล้วพูดว่า เดี่ยวรถจะออกแล้วไม่ต้องรอพระคุณเจ้า เดี่ยวท่านก็หารถไปกรุงเทพเองได้ ท่านซื้อตั๋วครึ่งราคาอยู่แล้ว รถมีเยอะไม่จำเป็นต้องรอ.....หลายคนถึงกับเอ่อ  ไรว่ะ!

ผมฟังแล้วจี๊ดเลยยยยยย....เพราะท่านซื้อตั๋วเครึ่งราคาเรอะจึงไม่รอท่าน ถึงแม้ท่านจะซื้อตั๋วครึ่งราคา นั่นเพราะเป็นสิทธิที่ท่านจะพึงได้ และก็สมควรส่งท่านให้ถึงจุดหมายปลายทางเหมือนกับผู้โดยสารอื่นๆด้วย

สมควรแล้วหรือ....ที่พนักงานรุ่งประเสริฐทัวร์จะทำอย่างนี้กับพระคุณเจ้า  ปล่อยท่านทิ้งกลางทาง  ผมขอประณามในการกระทำครั้งนี้ของคุณครับ

จากคุณ   : baokalasin
เขียนเมื่อ   : วันแรงงาน 55 20:44:06 
จาก   : http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12035631/E12035631.html

---

 
 
ซื้อตั๋วรถจาก กรุงเทพฯ จะไปจังหวัดน่าน วันที่ ๑ มิ.ย. ๕๕ มีรถเหลือให้นั่งเพียงรถ ปรับอากาศชั้นสอง ไม่มีห้องน้ำในรถ แน่นอนก็ต้องอาศัยลงเข้าตามสถานีที่รถจอด  แต่ก็ต้องเอาเพราะไม่มีเที่ยวอื่นแล้ว
พอขึ้นรถก็ดูเหมือนจะปกติ และแล้วก็เกิดเรื่อง พนักงานโวยวายขึ้นมาว่ามีตั๋วที่นั่งซ้ำกัน ไอ้เราก็ไม่นึกว่าจะเป็นตัวเองเลยเฉยๆ สักพักพนักงานเดินมาบอกว่าน้องขอดูตั๋วอีกครั้งและก็บอกว่า น้องเป็นตั๋วที่ซื้อกับ ไทยทิกเก็ดไม่ได้ซื้อกับ บขส. โดยตรง พอดีอาจจะมีความผิดพลาด ขอให้เราย้ายที่นั่ง
ตอนแรกนึกในใจ ก็ บขส เขาประชาสัมพันธ์โครมๆบอกให้โทรซื้อตั๋ว ได้ทาง ๑๔๙๐ ตอนแรกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซื้อผ่านไทยทิกเก็ต จนเวลาจ่ายตังค์ถึงรู้ แล้วยังมาโดนกล่าวหาว่าซื้อไม่ผ่าน บขส ต้องเปลี่ยนที่นั่ง งงๆเลยทีนี้ เราก็เลยถามไปว่า ที่นั่งที่จะให้เปลี่ยนอยู่ไหน เขาบอกอยู่ชั้นบน เราเลยตอบกลับไปว่า เราไม่นั่งชั้นบน เขาก็โวยวายขึ้นมาอีก พร้อมกับไปตามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงมา บอกว่า น้องซื้อผ่านตัวแทน น้องต้องย้ายที่นั่งตามผังที่ บขส เขาพิมพ์ออกมา ที่นั่งน้องคือ D9  ไม่ใช่ D13  เพราะเขามาซื้อคู่กัน ถ้าน้องไม่ย้าย เขาก็จะต้องนั่งแยกกัน สรุปฉันผิดที่ดันซื้อตั๋วผ่านไทยทิกเก็ต แล้วฉันก็ยังผิดด้วยที่ดันซื้อตั๋วเดี่ยวไม่มีคู่

เราก็เลยยืนยันว่าไม่ย้าย และเราถามกลับไปว่า เจ้าของที่นั่งเขาซื้อตั๋วเมื่อไหร่ ได้คำตอบว่า เราซื้อตั๋วและบุ๊คที่นั่งก่อน ก็เลยสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ขายตั๋วต้องการเอาใจคนมาซื้อตั๋วเลยเล่นสลับที่นั่งคนที่มาคนเดียวให้ไปนั่งคู่กัน เพื่อให้เหลือที่นั่งคู่ไว้ขายนั่นเอง เราเสียงแข็งขึ้นเรื่อยๆไม่ยอมอย่างเดียว ผลสุดท้ายก็คือมีน้องผู้หญิงอีกคนมานั่งข้างเรา

และประสบการณ์ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ เมื่อ เรามาถึง ขนส่งเวียงสา หลังจากผ่านป่ามาจากจังหวัดแพร่ เรารีบวิ่งเข้าห้องน้ำ และคาดว่าใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่เกินห้านาที กลับออกมาอีกที รถคันที่เรานั่งมาได้ออกไปแล้ว
ถามไปถามมาบอกวันนี้มีสองคนแล้ว และได้รับคำแก้ตัวว่า ทำไมจะเข้าห้องน้ำไม่บอกก่อน เราก็อยากบอกเหมือนกันว่า รถ ป. ๒ ที่ไม่มีห้องน้ัำ คุณควรจะรู้แก่ใจว่าจะต้องมีคนขึ้นลงเข้าห้องน้ำตลอด และเด็กรถเองก็จดสถานที่ลงของผู้โดยสารทุกคนไว้แล้ว ทำไมคุณถึงไม่ตรวจนับผู้โดยสารก่อน และอีกอย่างจะบอกได้ไง จอดรถปุ๊บ คนขับหาย เด็กรถไปไหนก็ไม่รู้ เรากลัวคนอื่นจะเสียเวลา เลยรีบวิ่งลงไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ

อยากให้ บขส ปรับปรุงบริการ น่าจะมีการอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ของตนเองบ้างเรื่องการบริการ เพราะว่าตั๋วก็ไม่ได้ถูกกว่า รถร่วมเลยสักนิด อยากจะใช้บริการรัฐวิสาหกิจ แต่เจออะไรแย่ๆแบบนี้ก็ไม่ไหวจะเคลียร์

จากคุณ   : luksawkhonklang
เขียนเมื่อ   : 2 มิ.ย. 55 09:12:38
จาก : http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12181168/E12181168.html


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2349945) (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2349944)

       เกิดอุบัติเหตุหมู่! รถโดยสาร ป. 2 สายโคราช-สุรินทร์ พลิกคว่ำ บนถนนราชสีมา-โชคชัย ผู้โดยสารบาดเจ็บระนาวกว่า 30 ราย สาหัส 2 ราย เผยวิ่งแซงรถบรรทุกต้นเทียนพรรษา แต่ถูกกระบะตัดหน้ากระชั้นชิดเบรกกะทันหันทำให้รถพลิกคว่ำ คนขับบาดเจ็บ ตำรวจแจ้งดำเนินคดี เชื่อบารมี “หลวงปู่แหวน” ช่วยรอดตายหมู่
       
       วันนี้ (2 ส.ค.55) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ต.เกียรติศักดิ์ ไชยสุข ร้อยเวรสอบสวน สภ.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางพลิกคว่ำ บน ถนนราชสีมา-โชคชัย หลัก กม.ที่16-17 บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านท่าอ่าง หมู่ 6 ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิพุทธธรรมการกุศล นครรราชสีมา (ฮุก 31) เข้าช่วยเหลือ
       
       ในที่เกิดเหตุพบรถโดยสารประจำทางปรับอาการชั้น 2 (ป.2) สีขาวฟ้าคาดส้ม สายราชสีมา-สุรินทร์ หมายเลขทะเบียน 10-6289 นครราชสีมา หมายเลขข้างรถ 274-4 ซึ่งเป็นรถร่วม บขส. พลิกตะแคงอยู่ข้างทาง สภาพด้านหน้ากระจกแตกยับเยิน สิ่งของผู้โดยสารหล่นกระจัดกระจายและมีรอยเบรกก่อนถึงจุดที่รถพลิกคว่ำเป็นทางยาวกว่า 10 เมตร พบผู้ได้รับบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยและรถพยาบาลได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งรักษาที่ โรงพยาบาลโชคชัย จำนวนกว่า 30 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 ราย รวมทั้ง นายสุเทพ ปะเวลาปี อายุ 40 ปี ชาว จ.นครราชสีมา คนขับรถทัวร์ได้รับบาดเจ็บไหล่ซ้ายหลุดและมีแผลถลอกตามร่างกายด้วย
       
       จากการสอบสวน นายรัฐพล ศุภเศรณี อายุ 38 ปีอยู่บ้านเลขที่ 39 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าของรถโดยสารที่เกิดเหตุ ให้การว่า ตนได้นั่งโดยสารมากับรถโดยสารคันนี้ด้วย ซึ่งรับผู้โดยสารออกมาจาก จ.สุรินทร์ รวมกว่า 45 คน เพื่อนำไปส่งปลายทางที่ จ.นครราชสีมา ก่อนถึงจุดเกิดเหตุด้านหน้ามีรถบรรทุกขบวนต้นเทียนพรรษา ที่จะนำต้นเทียนเข้าไปประกวดในงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาประจำปี 2555 จ.นครราชสีมา ที่ ทางเทศบาลนครนครราชสีมาจัดขึ้น บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา วิ่งอยู่เลนในขวาสุด
       
       ฉะนั้นคนขับรถโดยสารจึงพยายามใช้ช่องทางเลนซ้ายขับแซงรถขบวนต้นเทียนที่ขับช้า ขณะกำลังวิ่งแซงขึ้นไปรถกระบะที่วิ่งมากับรถขบวนต้นเทียนได้วิ่งออกมาเลนด้านซ้ายตัดหน้ารถโดยสารในระยะกระชั้นชิด คนขับจึงเหยียบเบรกกะทันหันทำให้รถโดยสารเสียหลักพลิกคว่ำเป็นเหตุให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว
       
       ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย ได้ควบคุมตัวคนขับรถไปทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเมื่อได้นำเอาสัมภาระที่ติดอยู่ในรถโดยสารคันประสบเหตุออกมาได้แล้วทางบริษัทเจ้าของรถโดยสาร ได้จัดรถมารับเพื่อไปส่งยังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา ต่อไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่อาสาสมัครกู้ภัยได้เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บออกมาจากตัวรถโดยสารคันประสบเหตุ นั้น ถึงกับตะลึงเมื่อพบรูปหล่อของ “หลวงปู่แหวน” ที่ตั้งอยู่บริเวณหลังกระจกหน้ารถ กระเด็นมาตั้งอยู่บริเวณด้านหลังคนขับในลักษณะเดิม โดยไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งหน่วยกู้ภัยหลายคนเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีหลวงปู่แหวน ที่ทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหมู่เกิดขึ้น

ตาก- ทัวร์ 999 พลิกคว่ำบนถนนริมผาระกา บริเวณ “โค้งไก่ย่าง” เส้นทางสายตาก-แม่สอด ทำผู้โดยสารตายคาที่ 4 ศพ โดย 1 ใน 4 เป็นนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ อีกรายเป็นพม่า และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 30 คน สาหัส 10 ราย
       
       วันนี้ (11 ธ.ค.) พ.ต.ท.บุญศรี หอมนาน พนักงานสอบสวน ทำหน้าที่สารวัตรเวร สภ.พะวอ อ.แม่สอด จังหวัดตาก รับแจ้งเหตุมีรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ บริษัทขนส่ง 999 จำกัด ทะเบียน 14-6158 กรุงเทพมหานคร พลิกคว่ำสภาพรถหงายท้อง พังยับเยิน บริเวณหลัก กม.ที่ 28-29 หรือผาระกา ต.พะวอ อ.แม่สอด ถนนสายแม่สอด-ตาก ซึ่งเป็นทางโค้งหักศอก หรือที่ชาวบ้านบริเวณนั้นเรียกว่า “โค้งไก่ย่าง” เนื่องจากมีการเกิดอุบัติเหตุตายหมู่บ่อยครั้ง
       
       หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพ-กู้ภัย และหน่วยบรรเทาภัยต่างๆ รวมกว่า 100 นาย พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต โดยนำรถยก จำนวนนับ 10 คัน มาเคลียร์เส้นทาง-กู้ซากรถ ซึ่งพบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้การจราจรเป็นอัมพาตยาวนับ 10 กม.
       
       ที่เกิดเหตุพบมีผู้เสียชีวิตคาที่ 4 ราย ทราบว่า เป็นนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ เป็นชายทราบชื่อคือ นายเทนมาร์ค อายุประมาณ 40 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตอีกรายเป็นชาวพม่าถือพาสปอร์ตเข้ามาทำงานในประเทศไทย และผู้เสียชีวิตอีก 2 รายเป็นชาย-หญิงไทย ไม่ทราบชื่อ ส่วนคนขับทราบชื่อคือ นายพินิจ สวัสดิ์ภูมิ อายุ 52 ปี มีอาการเจ็บ และอยู่ในอาการตกใจ นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 30 ราย ถูกนำตัวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอำเภอแม่สอด ซึ่งในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 10 ราย
       
       ทั้งนี้ รถทัวร์คันดังกล่าวได้เดินทางจาก อ.แม่สอด เพื่อไปยังกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่า 10 คน
       
       ผู้โดยสารคนหนึ่งที่เดินทางมากับรถทัวร์โดยสารคันที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ระหว่างออกเดินทางจากสถานีขนส่งนั้น รถทัวร์โดยสารคันที่เกิดเหตุบรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคัน มีชาวต่างชาติไม่น้อยกว่า 10 คน ที่เพิ่งเดินทางมาท่องเที่ยวที่ชายแดนไทย-พม่า ช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ซึ่งเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งลาดชันมาก และคนขับขับมาด้วยความเร็วสูง เมื่อคนขับเหยียบเบรกทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับโค้งไก่ย่างจุดที่เกิดเหตุนี้ เคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหลายสิบครั้ง และมีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการขยายช่องทางจราจร


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   11 ธันวาคม 2555


เพชรบุรี - รถทัวร์สายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ตะกั่วป่า พุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาด 115,000 โวลต์ ขาด 2 ท่อน ผู้โดยสารเจ็บ 12 รายที่เพชรบุรี
       
       เมื่อเวลา 03.20 น.ของวันนี้ (12 ธ.ค.) พ.ต.ท.ธีรเดช เดชศิริ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เขาย้อย ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์ชนเสาไฟฟ้าบริเวณหมู่ 3 ต.หนองชุมพล อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายรายจึงรุดตรวจสอบ
       
       ที่เกิดเหตุอยู่ริมไหล่ทางฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร พบรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ สีฟ้า-ขาว สายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ตะกั่วป่า หมายเลขทะเบียน 15-3999 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ ม.4 ข 63 อยู่ในสภาพพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาด 115,000 โวลต์ จนขาด 2 ท่อน รถทัวร์อยู่ในสภาพหน้าลอยชี้ฟ้า บริเวณส่วนท้ายตกอยู่ในบ่อน้ำริมไหล่ทาง สภาพพัง โดยมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในรถอีก 1 ราย จึงเร่งประสานขอกำลังสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสรรเพชญธรรมสถานเพชรบุรี และรถโรงพยาบาลเขาย้อย รถโรงพยาบาลบ้านปากท่อ จ.ราชบุรี เข้าช่วยเหลือสนับสนุนที่เกิดเหตุ
       
       พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าเพื่อตัดกระแสไฟฟ้าด้วย เนื่องจากเสาไฟฟ้าถูกรถชนจนขาดสองท่อน อีกทั้งเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูงหวั่นจะเกิดอันตราย การช่วยเหลือสามารถลำเลียงนำผู้บาดเจ็บ ทั้งสิ้น 12 ราย ส่งโรงพยาบาลเขาย้อย 8 ราย และโรงพยาบาลปากท่ออีก 4 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเข้าช่วยเหลือเนื่องจากขาทั้งสองข้าง และแขนด้านซ้ายถูกอัดติดแน่นอยู่กับเสาไฟฟ้าแรงสูง โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถช่วยเหลือออกมาได้ และพบว่าขา และแขนหัก
       
       จากการสอบถามผู้ที่โดยสารมากับรถทัวร์คันดังกล่าวทราบว่า คนในรถมีทั้งหมด 25 คน ซึ่งรถได้ออกมาจากท่ารถทัวร์ จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเวลา 13.30 น. จนมาประสบเหตุซึ่งคาดว่าคนขับน่าจะเกิดอาการหลับในเนื่องจากมีคนขับเพียงคนเดียว และไม่มีพนักงานขับรถมาสับเปลี่ยน ส่วนคนขับหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   12 ธันวาคม 2555


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   24 ตุลาคม 2555


       รถทัวร์อีสานเสยท้ายบรรทุกจอดข้างถนนบนดอยขุนตาล ทำพนักงานประจำรถติดคาซาก ต้องใช้เครื่องตัดถ่างร่วมชั่วโมงกว่าจะนำตัวออกมาได้ พบขาซ้ายถูกไม้เสียบขาด ล่าสุดได้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลแล้ว
       
       เมื่อเวลาประมาณ 05.40 น.วันนี้ (24 ต.ค.55) ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบริเวณถนนสายลำปาง-เชียงใหม่ ทางขึ้นดอยขุนตาล (ขาขึ้น) ผ่านศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้าง จ.ลำปาง ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยรถทัวร์ของบริษัทอีสานทัวร์ เดินทางออกจากจังหวัดขอนแก่น เมื่อเวลาประมาณ 19.20 น.คืนที่ผ่านมา(23 ต.ค.55) มุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงใหม่ มาถึงที่จังหวัดลำปาง ณ จุดเกิดเหตุประมาณ 05.40 น. อากาศยามเช้ามืดหมอกลงจัด ประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นทางขึ้นเขา-โค้ง ทำให้คนขับรถทัวร์มองไม่เห็นรถบรรทุกของบริษัทบุญยงค์ฯ ที่บรรทุกเครื่องปรุงประเภทซอสหอยนางรมมาเต็มคัน และคนขับ คือ นายชำนาญกิจ ภู่เหล็ก อยู่บ้านเลขที่ 103 ม.3 ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จอดพักอยู่ข้างทาง ทำให้รถทัวร์ชนท้ายรถบรรทุกอย่างจัง จนข้างรถบรรทุกด้านขวาที่เป็นไม้พังลงมาทั้งแถบและไม้ได้เสียบเข้าบริเวณด้านหน้ารถทัวร์ ทะลุขาพนักงานประจำรถที่เป็นสาวประเภทสองนั่งอยู่ติดคาอยู่เบาะหน้ารถ ส่วนคนขับคือ นายสมชาย เวชอรุณ ได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ
       
       จากการสอบถามผู้โดยสารคนหนึ่งที่เดินทางมากับรถทัวร์คันดังกล่าวทราบว่า ออกจากจังหวัดขอนแก่น เมื่อเวลาประมาณเกือบ 20.00น. โดยมีผู้โดยสารมาเต็มคัน คือ 24 คน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ได้ยินแค่เสียงดังโครมแล้วรถก็หยุด หลังจากนั้นจึงได้ยินคนขับพูดว่า มองไม่เห็นรถบรรทุกที่จอดข้างทาง เนื่องจากรถบรรทุกไม่ได้ทำสัญญาณใดๆไว้ ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวยังมืดคนขับรถทัวร์จึงมองไม่เห็น เมื่อถึงทางโค้งจึงหักหลบไม่ทัน
       
       ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เด็กท้ายรถที่ติดคาแบะหน้ารถทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยนครลำปาง ต้องนำเครื่องตัดถ่างมาตัดเหล็กและไม้ที่เสียบคาออก ซึ่งใช้เวลากว่าชั่วโมง จึงทำให้กระเป๋าซึ่งเป็นสาวประเภทสองเสียเลือดมาก พยาบาลของโรงพยาบาลห้างฉัตร ต้องนำน้ำเกลือมาเติมให้กับผู้บาดเจ็บ เนื่องจากผู้ป่วยเริ่มมีอาการอ่อนเเรงหน้าซีด สุดท้ายหลังจากช่วยชีวิตออกมาได้ปรากฏว่า ขาซ้ายเลยเข่าของพนักงานประจำรถคนดังกล่าวถูกไม้เสียบจนขาด แพทย์ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
       
       ทั้งนี้ มีรายงานล่าจุดแจ้งว่า พนักงานประจำรถที่ถูกไม้เสียบจนขาขาด ทราบชื่อภายหลังคือ นายอดิศร ยุพาพรรณ เสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล แล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   2 มกราคม 2556

      ผู้โดยสารบนรถ บขส.เชียงใหม่-กรุงเทพฯ กว่า 40 ชีวิตหนีตายอลหม่าน หลังเกิดไฟลุกไหม้ห้องเครื่องยนต์ โชคดีไม่ลุกลาม
       
       วันนี้ (2 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ลำปาง ว่าเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 1 มกราคม ศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดลำปาง รับแจ้งเหตุเกิดเหตุไฟไหม้ห้องเครื่องรถโดยสารประจำทาง (ป.1) ของบริษัท ขนส่ง จำกัด สายเชียงใหม่-กรุงเทพมหานคร ทะเบียน 14-0850 กรุงเทพมหานคร บริเวณ กม. 17-18 ถนนลำปาง-เชียงใหม่ ขาเข้าลำปาง หน้าที่ว่าการอำเภอห้างฉัตร ผู้โดยสารที่เดินทางกลับกรุงเทพฯ กว่า 40 คนต่างหนีตายลงจากรถกันอย่างอลหม่าน การจราจรติดขัดกว่า 7 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลเวียงตาล อ.ห้างฉัตร พร้อมรถดับเพลิง 2 คันเข้าดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ห้องเครื่องท้ายรถ โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ไม่ลุกลามเข้าไปภายในห้องโดยสาร
       
       นายปวิช โพธิ์แก้ว คนขับรถกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจาก จ.เชียงใหม่ เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มองดูกระจกหลังพบควันไฟโชยออกมาจากห้องเครื่องจึงจอดรถกลางถนนเพื่อให้ผู้โดยสารทั้งหมดลง พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ส่วนผู้โดยสารบางคนที่ยังมีสติได้ช่วยนำขวดน้ำภายในรถมาช่วยดับไฟ
       
       อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้คาดว่าเครื่องยนต์ถูกใช้งานอย่างหนักจนทำให้เกิดความร้อนสูงและไฟลุกไหม้ขึ้น




      เรื่องที่จะเล่านี้เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนา ที่ผ่านมาคะ ที่เพิ่งจะมาแชร์วันนี้ก็เพราะเพิ่งจะเสร็จธุระ และเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงด้วย
คือเมื่อวันที่9 ดิฉันมีธุระด่วนที่ จ.บึงกาฬและต้องถึงที่บึงกาฬก่อนวันที่10 และถ้านั่งเครื่องบินญาติก็ไม่สามรถมารับที่สนามบินอุดรได้ เลยต้องใช้บริการรถทัวร์ เดินหาอยู่2-3บริษัทที่รถผ่านหน้าบ้านก็เต็มหมดเพราะเป็นช่วงปิดเทอม มาได้รถของ บ.407พัฒนา
        กำหนดออกจาก กทม.7โมงเช้า ถึงจุดหมาย 4โมงเย็น เราซื้อได้2ที่ พอดีเพราะน้องสาวมาด้วย 1 คน(6ขวบ)  ในความคิดและที่ได้คุยกับคุณแม่ที่จองตั๋วให้ท่านบอกว่ารถจะแวะพัก1ครั้งให้เรารีบทำธุระให้เสร็จและให้จำรถให้ได้ แต่ในความเป็นจริงคือ รถจอดครั้งแรกที่โคราชเพื่อลงไปเอาข้าวกล่องและป้าที่มาตรวจตั๋วก็ตะโกนสั่งห้ามคนลงจากรถ เพราะรถจอดไม่นาน เราก็คิดว่าเค้าคงไปจอดพักรถที่อื่น
        ครั้งที่2คือต่อคิวเติมก๊าซที่โคราชแต่คิวยาวเลยไม่รอ
        ครั้งที่3จอดส่งคนที่ขอนแก่น 
       ครั้งที่4 ที่ปรับอากาศอะไรสักอย่างที่ขอนแก่นแป๊บเดียวอีกแล้ว  น้องสาวปวดท้องหนักก็ไม่กล้าให้ปลดทุกบนรถเดี๋ยวกลิ่นมันจะไปรบกวนอื่น (เป็นนักศึกษามัคคุเทศก์อาจารย์วาให้หลีกเหลี่ยงการถ่ายหนักบนรถ)  เพราะขนาดยังไม่ต้องไปถ่ายหนักห้องน้ำบนรถก็เหม็นมากอยู่แล้วและไม่มีใครฉีดสเปรย์ดับกลิ่นเลยให้เลย  นั่งดมห้องน้ำมา3-4 ชม.แล้ว อยากได้อากาศบริสุทธิ์
       ครั้งที่5 จอดเติมก๊าซที่ขอนแก่นแต่ก๊าซหมด!!!   และก็ได้ยินเขาคุยกันว่าเปลี่ยนรถที่อุดรอะไรสักอย่างฟังไม่ถนัด ไม่ได้ใส่ใจก็เลยนอนต่อจนมาถึงหน้าห้างแลนด์มาร์คที่อุดร(ถ้าจำไม่ผิด ชื่อประมาณนี้แหละ) ทุกคนในรถก็โดนปลุกให้ตื่นและให้แยกคนที่จะเข้าตัวอำเภอบึงกาฬให้ไปขึ้นรถทัวร์ที่จอดรออยู่อีกคัน ส่วนคนที่จะไปอำเภอย่อยๆให้ไปรถตู้ คุณพระ!!!!นับแล้วคนที่ต้องขึ้นรถตู้20คน(รวมดิฉันกับน้อง) ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถตู้คันเดียวไม่พอแน่ ไหนจะกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารอีก  แต่พนักงานบริษัทนี้ทำได้!!!   ยัดเราทั้ง20คนและกระเป๋าสัมภาระเข้าไปในรถตู้คันเดียว
        ตัวดิฉันเอง+น้องสาว+ผู้รวมชะตากรรมเดียวกัน1ท่าน+คนขับนั่งหน้า4ชีวิต  เบียดจนไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแทนคำว่าเบียด ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกโมโหมาก  แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องตามน้ำไปก่อน  และหันไปถามพี่คนขับว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่ที่ขับรถตู้บอกว่าก๊าซรถทัวร์หมด !!! แกตอบแบบนี้ดิฉันเลยรู้จะถามต่อยังไงดี เลยถามกลับไปว่ารถบริษัทพี่เค้ามีจอดพักรถหรือเปล่า แกตอบกลับมาว่าเมื่อก่อนมี แต่เดี๋ยวไม่มีเพราะเป็นนโยบายของผู้จัดการ ดิฉันถามต่อว่าถ้าปวดนักทำไงคำตอบคือ”บนรถไง”  ไม่น่าหล่ะเรานั้งดมมาสุดทางเลย  คนบ่นระงมกันทั้งรถ   แต่พอเราลงรถหมดคนที่ตรวจตั๋วกลับเดินมาฉีดสเปรย์ดับกลิ่น!!


        สรุปคือวันนั้นดิฉันนั่งอยู่บนรถอย่างเดียว10 ชม. หลีกเหลี่ยงการเดินทางตอนมืดแต่ถึงบ้าน2ทุ่มในกรุงเทพคงเป็นเพียงหัวค่ำแต่ที่ตจว.คือเขาเริ่มนอนกันหมดแล้ว มาถึงบ้านสะบักสะบอมทั้งพี่ทั้งน้องทั้งเหนื่อยทั้งหิว  เพราะบนรถแจกข้าวกล่องเดียว  ดีหน่อยที่ยังตุนขนมมาบ้างกะมาซื้อเอาข้างหน้าด้วย
ตอนนี้ดิฉันไม่ได้ติดใจอะไร แค่ไม่อยากให้เกิดเหตุการ์ณแบบนี้ขึ้นอีก

โดย คุณ คิ้วต่ำ หน้าผากสูง, 28 มีนาคม เวลา 01:22 น.
http://pantip.com/topic/30303426




       หญิงสาวเข้าห้องสุขาตกเลือดเข้าห้องน้ำบนรถทัวร์ ถึงปลายทางสถานี เด็กรถพบซากทารกในกล่องอุจจาระ
       
       วันนี้ (23 ม.ค.) ร.ต.อ.เจริญ เดชพ่วง ร้อยเวร สภ.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง รับแจ้งมีผู้พบศพทารกอยู่ในกล่องเก็บอุจจาระ และปัสสาวะบนรถทัวร์ สายมุกดาหาร-ระยอง ที่บริเวณลานจอดรถบริษัท รถรุ่งเรือง (มุกดาหาร) จำกัด เลขที่ 11/11 บ้านโขดหิน ถ.สุขุมวิท เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด จึงไปตรวจสอบบริเวณด้านหลังห้องขายตั๋วรถทัวร์สายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อม พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.มาบตาพุด พ.ต.ท.ธนิต เสนีวงศ์ ณ อยุธยา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ (ผนพ.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างพรกุศลระยอง
       
       พบรถทัวร์โดยสารยี่ห้ออีซูซุ สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 10-3986 ชลบุรี ข้างรถหมายเลข 815-12 ม.4 (ข) มุกดาหาร-ระยอง มีผู้โดยสารยืนมุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก เข้าตรวจสอบบริเวณข้างรถซึ่งเป็นกล่องพักอุจจาระและปัสสาวะของผู้โดยสาร พบศพทารกอยู่ในถุงน้ำคร่ำ อายุประมาณ 4 -5 เดือน จึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำซากทารกออกมาตรวจสอบ
       
       จากการสอบสวน นายสมรักษ์ สืบท้วม อายุ 29 ปี พนักงานขับรถทัวร์คันดังกล่าว ให้การว่า ได้รับผู้โดยสารชื่อ น.ส.วิชดา ไม่ทราบอายุ นามสกุล มาจาก บขส.จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้โดยสารคนดังกล่าวได้นั่งเบาะ B13 ขณะมาถึงที่ บขส.บุรีรัมย์ ผู้โดยสารคนดังกล่าวบอกว่ามีอาการเจ็บท้อง จึงได้ให้ยาแก้ปวดรับประทาน จากนั้นผู้โดยสารได้เข้าไปทำภารกิจในห้องน้ำ และได้ยินเสียงร้องจึงได้สอบถามอาการ แต่ผู้โดยสารคนดังกล่าวบอกว่าไม่เป็นอะไร จึงไม่ได้สนใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
       
       ต่อมา น.ส.วิชดา ได้ลงรถที่ อ่าวอุดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และมาทราบว่า มีซากทารกอยู่ในกล่องเก็บอุจจาระและปัสสาวะของรถทัวร์ขณะกำลังจะทำความสะอาดที่บริเวณลานจอดรถทัวร์ของบริษัทฯ เมื่อเปิดออกมาก็พบซากทารกดังกล่าว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการ
       
       พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.มาบตาพุด กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหาข่าว ขณะนี้ทราบชื่อผู้โดยสารชื่อ น.ส.วิชดา ที่เข้าไปทำภารกิจในห้องน้ำบนรถทัวร์ได้ซื้อตั๋วรถทัวร์ของ บริษัท รถรุ่งเรือง (มุกดาหาร) จำกัด จากจังหวัดร้อยเอ็ดมาลงที่อ่าวอุดม จังหวัดชลบุรี จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาภาพ น.ส.วิชดา เพื่อติดตามตัวมาสอบสวนปากคำ
       
       เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำซากทารกส่งตรวจสอบอีกครั้งที่ รพ.มาบตาพุด ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นเพศชาย หรือเพศหญิง และให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำไปเก็บรักษาที่สุสานต่อไป

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2633697) (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2633701)

       รถทัวร์สายเหนือซิ่งกลางสายฝน ถนนลื่นเสียหลักพุ่งชนกัน 3 คันรวดบนถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วง กม.9-10 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา บาดเจ็บเกือบ 50 ราย เสียชีวิต 1 ราย
       
       เมื่อเวลา 05.00 น. วันนี้ (23 เม.ย.) พ.ต.ท.โกมิน พงษ์วิเชียร พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ชนกัน จำนวน 3 คัน บนถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วง กม.9-10 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตหลายราย จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยมูลนิธิพุทไธศวรรย์
       
       ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์สีฟ้าขาว กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ หมายเลขทะเบียน 14-2373 กทม. ล้มตะแคง สภาพพังยับเยินขวางอยู่กลางถนน มีผู้ได้รับเจ็บ 1 ราย เป็นหญิงถูกรถทับอยู่ เจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยเหลือนำร่างออกจากซากรถนำส่งโรงพาบาล ใกล้กันพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงถูกรถทัวร์ทับสภาพแหลกเหลวไม่ทราบชื่อ
       
       นอกจากนี้ ยังมีรถทัวร์สีฟ้าขาวสายกรุงเทพฯ-แม่สอด หมายเลขทะเบียน 15-2997 กทม. พุ่งชนสภาพด้านหน้าพังยับเยิน การ์ดแลนได้รับความเสียหายจำนวนมาก และพบผู้บาดเจ็บกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บ 1 รายแขนขาด เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลต่างๆ รวมกว่า 45 ราย
       
       ห่างไปอีกประมาณ 10 เมตร พบรถทัวร์สีฟ้าขาวสายกรุงเทพฯ-ลำปาง หมายเลขทะเบียน 10-2863 สภาพด้านหน้าพังยับเยิน อุบัติเหตุส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวเหยียดกว่า 5 กิโลเมตร
       
       สอบสวนนายนิรุต ประเสริฐ อายุ 32 ปี คนขับรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนขับรถทัวร์ผลัดที่สอง พอขับมาถึงใกล้จุดเกิดเหตุเกิดมีฝนตกลงมาอย่างหนักตลอด และถนนลื่น ทำให้รถเสียหลักส่ายไปส่ายมา ตนพยามดึงรถจนไปกระแทกกับการ์ดแลนจนตนเองกระเด็นหลุดทะลุกระจกออกไปนอกรถไถลไปล้มตะแคงขวางถนน ทำให้รถยนต์บัสอีก 2 คันที่วิ่งตามกันมาพุ่งชนท้ายอย่างจัง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ถนนลื่น รถทัวร์ที่วิ่งตามกันมาในเลนขวาสุดจึงเกิดการพุ่งชนกันทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนคนขับรถทั้ง 3 คน และผู้บาดเจ็บอีกครั้งต่อไป



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   6 พฤษภาคม 2556 09:29 น.

       แพร่ - เกิดอุบัติเหตุรถโดยสารเชิดชัยทัวร์ กำลังออกจากสถานีแพร่มุ่งหน้าเข้าเมืองน่าน แหกโค้งพลิกคว่ำกลางถนน ป้าวัย 55 กับหลานวัย 10 เดือน ร่างหลุดออกนอกรถถูกทับเละจนเสียชีวิตคาที่ มีผู้โดยสารเจ็บอีก 20 ราย
       
       เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันนี้ (6 พ.ค. 56) ได้เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์บริษัท เชิดชัยทัวร์ ทะเบียน 30-2056 นครราชสีมา แหกโค้งพลิกคว่ำขวางถนนช่วงทางขาเข้าจังหวัดแพร่ บริเวณ กม.144 บนทางหลวงหมายเลข 101 ต.แม่หล่าย อ.เมือง จ.แพร่ ห่างจากตัวจังหวัดแพร่ไปทาง จ.น่าน ประมาณ 10 กม. โดยมีผู้บาดเจ็บจำนวน 20 คน และเสียชีวิต 2 คน
       
       โดยผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นางสร้อย อินปัญญา อายุ 55 ปี และน้องใบเตย อายุ 10 เดือน ทั้งสองอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 1 บ้านน้ำเลียง ต.ปอน อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ซึ่งร่างของทั้ง 2 หลุดออกจากตัวรถ และถูกรถทับจนร่างแหลกเละ
       
       หลังเกิดอุบัติเหตุ ร.ต.ท.ณัฐดนัย สิทธิสาร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ พร้อมกับหน่วยกู้ภัยจังหวัดแพร่ เดินทางไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 20 คนนำส่งโรงพยาบาลแพร่โดยเร่งด่วน
       
       จากการสอบสวนคาดว่า นายพรชัยพล ภักดี พนักงานขับรถทัวร์คันที่เกิดเหตุ มีอาการหลับในทำให้รถแหกโค้งข้ามเกาะกลางถนนไปพลิกคว่ำในช่องทางขาเข้าเมืองแพร่ และก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึงนายพรชัยพลได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปก่อนแล้ว
       
       ด้านนายวุฒิชัย อินปัญญา อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ 1 ต.ปอน อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ญาติผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาด้วยกันเปิดเผยว่า ผู้ตายทั้งสองเป็นญาติของตนได้เดินทางไปพัทยาด้วยกัน เพื่อพาน้องใบเตยไปพบกับนางเอ๊ะ อินปัญญา มารดาของน้องใบเตยที่ทำงานอยู่ในห้างโลตัสเมืองพัทยา จ.ชลบุรี แล้วนั่งรถทัวร์กลับจังหวัดน่าน ระหว่างเดินทางหลับมาตลอด จนมาเกิดอุบัติเหตุเมื่อเวลาประมาณตี 5 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้แจ้งให้แม่ของน้องใบเตยทราบแล้ว




      วันนี้ผมมีนัดเจอลูกค้าที่ อ.อรัญพัฒนา จ.สระแก้ว ก็เลยตัดสินใจไปด้วยรถทัวร์เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกสบายที่สุด ถึงหมอชิต เจอบริษัทหนึ่งที่มี่รถ ป.1 ออกตอน8โมงเช้าพอดีก็เลยตัดสินใจไปกับบริษัทนี้

      ออกมาไม่นานเริ่มรู้ตัวว่างานเข้าแล้ว รถจอดทุก15นาที ผมก็คิดไม่เป็นไรปกติก็คงเป็นแบบนี้ จอดได้สัก3-4ครั้ง คราวนี้ดับเครื่องเลยเฮ้ยไม่ใช่และปรากฏแวะเติมแก๊สครับเสียเวลาไปอีก20นาทีเต็มๆ เอ้าไม่เป็นไรแก๊สคงหมดคงเป็นเรื่องปกติ ไปต่ออีก30นาที คราวนี้เลี้ยวเข้าปั๊มอีก เฮ้ยงงมากเข้าไปทำไม ปล่อยทุกคนนั่งรอ15นาที ผมไม่ไหวล่ะลงมาถามคนขับพี่แกบอกว่า "ต้องรอเปลี่ยนรถไปอีกคันพอดีคันนี้จะเอาไปตรวจสภาพ" ตะเข้น้อยเอ้ย แล้วทำไมเอารถคันนี้ออกมา แล้วทำไมไม่บอก ผดส.  ไม่เป็นไรเปลี่ยนก็เปลี่ยน รถอีกคันมาปรากฏไม่มีที่นั่งต้องยืนถึงสระแก้ว เชร็คครก ไม่ไหวล่ะคราวนี้จะให้ยืนไม่มีทาง ผมเลยไปไฟ้วกับผจก. สรุปแกตัให้ผมรออีก30-40นาที ผมตัดสินใจขอเงินค่าโดยสารคืนหมด แล้วเรียกเพื่อนที่อยู่ใกล้มารับไปแทน

ผมอยากทราบว่าจรรยาบรรณของการให้บริการมันอยู่ที่ไหน
ขอเตือนทุกคนไว้นะครับ
 
 
โดย คุณ virgincode, 20 พฤษภาคม เวลา 12:21 น.
http://pantip.com/topic/30508490

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   7 มิถุนายน 2556 10:40 น.   


       รถโดยสารเชิดชัยทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงราย พุ่งชนเสาไฟฟ้าก่อนถึงจุดหมายปลายทางแค่ 50 กม. จนเสาไฟขาดสองท่อน ทำคนเจ็บยกคัน ขณะที่เด็กท้ายรถทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด
       
       เช้าวันนี้ (7 มิ.ย. 56) ร.ต.ท.พินิช อัฐษพล ร้อยเวร สภ.พาน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนนพหลโยธินสายพะเยา-เชียงราย บริเวณพื้นที่บ้านป่ากว๋าวใต้ ม.17 ต.เมืองพาน อ.พาน จึงไปตรวจสอบ
       
       ที่เกิดเหตุพบอยู่ห่างจากหกแยก อ.พาน ซึ่งเป็นเขตชุมชนประมาณ 500 เมตร มีรถทัวร์โดยสารของบริษัท เชิดชัยทัวร์ หมายเลขทะเบียน 10-1251 ปทุมธานี สีฟ้า-ขาว พุ่งชนกับเสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างทางจนเสาไฟฟ้าขาดเป็นสองท่อน และรถล้มตะแคงไปอยู่ในคูน้ำข้างทาง ด้านหน้ารถตรงเก้าอี้คู่คนขับพังยับเยิน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในรถร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
       
       จากการตรวจสอบพบว่า ภายในรถมีคนขับและคนขับสำรอง รวมทั้งพนักงานท้ายรถรวม 3 คน และผู้โดยสารจำนวน 15 คน ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ แยกเป็นได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คนซึ่งรวมไปถึงนายสุทธิวัฒน์ พรมบุ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นพนักงานท้ายรถ สภาพขาหักทั้งสองข้าง ร่างกายกระทบกระเทือนอย่างหนัก และนายสมพร พรมบุ อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นคนขับ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บปานกลาง 5 คน ที่เหลือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
       
       ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต่างเข้าไปช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล อ.พาน ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงด้วยความยากลำบาก เพราะต้องใช้เครื่องมือตัดถ่าง
       
       อย่างไรก็ตาม ต่อมาช่วงสายนายสุทธิวัฒน์ ซึ่งเป็นพนักงานท้ายรถ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตลงในที่สุด
       
       สอบสวนชาวบ้าน และผู้โดยสาร ให้การตรงกันว่า รถทัวร์คันดังกล่าวเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.วานนี้ (6 มิ.ย.) มีจุดหมายปลายทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 2 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุซึ่งห่างจาก อ.เมืองเชียงราย ประมาณ 50 กิโลเมตร รถที่ขับไปด้วยความเร็วสูงได้พุ่งเลี้ยวลงด้านข้างและชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางอย่างแรงจนคนขับและผู้โดยสารบางส่วนกระเด็นออกมานอกรถ ส่วนนายสุทธิวัฒน์นั่งอยู่ข้างคนขับซึ่งเป็นจุดชนพอดีจึงถูกอัดติดกับรถเสียชีวิตในเวลาต่อมา
       
       ล่าสุด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุ เพราะนายสมพรซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังให้การวกวน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   8 มิถุนายน 2556 12:47 น.



        รถโดยสารด่วนพิเศษ หรือ บีอาร์ที, 厦门BRT公车起火事故 ในเมืองเซี่ยเหมิน ในมณฑลฟูเจี้ยน ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงขณะกำลังแล่นอยู่ในช่องทางพิเศษห่างจากป้ายรถโดยสารเพียง 500 เมตร โดยไฟลุกลามไปทั่วรถอย่างรวดเร็ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 48 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 33 คน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องรุดดับไฟที่เผาไหม้รถโดยสารเหลือแต่ซาก
          ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ได้ยินเสียงระเบิดดัง หลังไฟลุกไหม้รถโดยสารไปแล้วประมาณ 5 นาที ซึ่งหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องระงับการเดินรถบีอาร์ทีบนเส้นทาง 2 สายของเมืองเพื่อความปลอดภัย
          อุบัติเหตุเกิดขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วนเย็นวานนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดินทางกลับบ้าน ทำให้มีผู้ใช้บริการรถบีอาร์ทีกันแน่นขนัด หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังคุยโทรศัพท์มือถือ และได้กลิ่นน้ำมันเบนซิน จากนั้นก็มีผู้โดยสารทุบกระจกหน้าต่างรถกระโดดหนีไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่า เกิดจากยางรถระเบิดติดไฟไปโดนถังน้ำมัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   21 สิงหาคม 2557    




- สะเทือนใจ! หนุ่มพะเยาเคราะห์ร้ายรถทัวร์ กทม.-เชียงของ ประสานงารถขนองุ่นจากจีน เจ้าตัวโพสต์รูป-ข้อความ อยากเจอหน้าลูกสาวที่เพิ่งคลอดทุกลมหายใจ พบหลักฐานรถทัวร์เสียที่อยุธยาก่อนเกิดเหตุ
       
       จากอุบัติเหตุรถเทรลเลอร์บรรทุกองุ่นจากจีนเข้าไทย แหกโค้งประสานรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-เชียงของ ที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นเชียงของ กระเด็นตกถนน ตัวถังฉีกขาด คนขับรถทัวร์ดับคาที่ พร้อมผู้โดยสารรวม 4 ศพ เป็นพระสงฆ์ 1 รูป เจ็บอีก 7 ราย ส่วนคนขับเทรลเลอร์สาหัส โดยหนึ่งในผู้โดยสารรถทัวร์คือ นายอดิพงษ์ จันทร์ติ๊บ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/1 หมู่ 4 ต.ร่มเย็น องเชียงคำ จ.พะเยา โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วานนี้ (20 ส.ค.)
       
       ขณะนี้โลกออนไลน์ได้เผยแพร่ข้อความ และภาพบุตรสาวที่เพิ่งคลอดของนายอดิพงษ์ โดยนายอดิพงษ์ โพสต์ภาพดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวก่อนเกิดเหตุเศร้าสลดเพียง 2 ชั่วโมง โดยวานนี้ (20 ส.ค.) ในเฟซบุ๊กของนายอดิพงษ์ ยังได้โพสต์ภาพแ ละข้อความขณะที่รถคันดังกล่าวจอดเสียอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
       
       “รถไม่พร้อมใช้งานเอามาบริการทำไม” นายอดิพงษ์ ระบุ โดยจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า ในเฟซบุ๊ก นายอดิพงษ์ กล่าวถึงลูกสาวตัวน้อยตลอดเวลา
       
       สำหรับ “นายอดิพงษ์” หรือ “เจ” ประกอบอาชีพผู้รับเหมาก่อสร้างอยู่ในจังหวัดชลบุรี โดยวานนี้ (20 ส.ค.) อยู่ระหว่างการโดยสารรถทัวร์คันดังกล่าวเพื่อกลับไปหาลูกสาวที่เพิ่งคลอด ณ จังหวัดพะเยาบ้านเกิด






โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   17 ตุลาคม 2557         


แพร่ - อุบัติเหตุทัวร์โดยสารสายเชียงใหม่-อุดรธานี ดิ่งเหวลึก 30 เมตรข้างทางหลวงหมายเลข 11 ช่วงลำปาง-แพร่กลางดึก คนขับดับคาที่ พนักงานรถ-ผู้โดยสาร 42 ชีวิตบาดเจ็บระนาว
                     
       เมื่อเวลา 23.30 น. ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ร.ต.ท.สินธร กาศสนุก พนักงานสอบสวน สภ.ลอง จ.แพร่ รับแจ้งมีรถทัวร์ประสบอุบัติเหตุตกเหวทางหลวงหมายเลข 11 กม.39-40 ช่วง อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และ อ.ลอง จ.แพร่ ต.บ่อเหล็กลอง อ.ลอง จึงประสานหน่วยกู้ภัยจากลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ และหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลลอง ไปช่วยเหลือ
       
       ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ของบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด สายเชียงใหม่-อุดรธานี ทะเบียน 10-7603 อุดรธานี เดินทางจากเชียงใหม่ปลายทางอุดรธานี เสียหลักแหกโค้ง ตัวรถดิ่งลงก้นเหวลึกกว่า 30 เมตร ด้านหน้าของรถปักลงพื้นก้นเหว ทำให้นายสุวิชัย เกตุเทศน์ ชาว ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ พนักงานขับรถเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ผู้โดยสารที่มากับรถรวมทั้งพนักงานประจำรถรวม 42 คน ได้รับบาดเจ็บ 18 คน
       
       หน่วยกู้ภัยต้องช่วยกันใช้เครื่องตัดเหล็กประตูรถเข้าไปลำเลียงผู้บาดเจ็บออกมาส่งไปยังโรงพยาบาลลองเพื่อให้การช่วยเหลือ ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
       
       โดยนางขันทอง พลซา อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 5 ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย ขาขวาหัก แจ้งว่ามีหลานเดินทางมาด้วย 2 คน คือ น้องไข่มุก อายุ 6 ขวบ และน้องเพชรบุรี อายุ 5 ขวบ หน่วยกู้ภัยต้องไปค้นหาภายในรถอีกครั้ง จนพบเด็กทั้งสองคนซึ่งปลอดภัยนำมาส่งให้ที่โรงพยาบาลแล้ว
       
       นางขันทองกล่าวว่า รถมีปัญหามาก่อนหน้าแล้ว เพราะรู้สึกว่าเป็นที่ระบบเบรกไม่ดี และคนขับก็ขับเร็วมาก สุดท้ายช่วงที่พนักงานแจกผ้าห่มให้นอนได้ไม่นาน รถก็เกิดอุบัติเหตุพุ่งตกเขา ซึ่งน่ากลัวมาก
       
       สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลลอง 18 คน คือ 1. ด.ช.สัญหณัฐ วงศ์กลม อายุ 14 ปี 2. นายสุรศักดิ์ สุขสนิท อายุ 15 ปี 3. นายนพโรจน์ ป่าดอน อายุ 32 ปี 4. นายชัยวัฒน์ ใจสุภาพ อายุ 35 ปี 5. นายอธิวัฒน์ ศรีชุบ อายุ 16 ปี 6. นายเอกยุทธ อ่อนคำเหลือง อายุ 26 ปี 7. นางกองเพชร พรมยาลี อายุ 56 ปี 8. นายเวียงชัย พรมยาลี อายุ 58 ปี 9. นายทะนงศักดิ์ กาวิบูลย์ อายุ 20 ปี 10. นางสาวอริศรา ดีเจริญ อายุ 29 ปี
       
       11. นางสาวสุดาพิมพ์ รุ่งจันทร์ทิพย์ อายุ 18 ปี 12. นางสาวศิรินทิพย์ รุ่งจันทร์รัตน์ อายุ 19 ปี 13. นายบุญหลาย อินต๊ะปัญญา อายุ 33 ปี 14. นางทองพูน สกุลเกตุแก้ว อายุ 60 ปี 15. นางขันทอง พลซา อายุ 60 ปี 16. นายสนธยา เลิศอินสาร อายุ 35 ปี 17. ส.ต.ณัฐพงษ์ เปิมป๋า อายุ 27 ปี และ 18. นางสาวเนตรทิพย์ กำขาด อายุ 41 ปี ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว อยู่ระหว่างประสานให้ญาติมารับตัวกลับไป
       
       พ.ต.ท.สุเกียรติ ถือทอง หัวหน้างานสอบสวน สภ.ลอง กล่าวว่า ฟังจากผู้โดยสารพอทราบว่าเกิดจากพนักงานขับรถเร็ว และระบบเบรกไม่ดีแต่ยังเดินทาง ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางขึ้นเขาช่วงที่อันตราย ระบบเบรกจึงถือว่าสำคัญมาก อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ อีกครั้ง

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   10 พฤศจิกายน 2557     


      เพชรบุรี - โดยสารประจำทางสีฟ้าขาว สายกรุงเทพ-หาดใหญ่ พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ อำเภอชะอำ ผู้โดยสารเจ็บ 11 ราย เผยสาเหตุถูกรถเครนยูเทิร์นตัดหน้าทำให้รถทัวร์หักหลบกะทันหันจนไปพุ่งชนเสยท้ายกับรถยนต์กระบะที่อยู่ด้านหน้า ประกอบถนนลื่นทำให้ลื่นไถลตกไหล่ทาง และพลิกคว่ำ
 
       เมื่อเวลา 10.50 น. วันนี้ (10 พ.ย.) ร.ต.อ.ประเทือง แสงอร่าม พนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จุดเกิดเหตุอยู่ก่อนถึงสวีทชีฟฟาร์ม ประมาณ 20 เมตร ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสรรเพชญธรรมสถานเพชรบุรี จุดชะอำ เจ้าหน้าที่กู้ชีพหน่วยศิรินทร์ และรถกู้ชีพโรงพยาบาลชะอำ
       
       ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณจุดกลับรถหลักกิโลเมตรที่ 186/500 พบรถทัวร์โดยสารประจำทางสีฟ้าขาว สายกรุงเทพ-หาดใหญ่ หมายเลขทะเบียน 15-6058 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 982-5 อยู่ในสภาพพลิกคว่ำตะแคงอยู่ระหว่างร่องกลางร่องน้ำริมทาง โดยส่วนหัวของรถทัวร์พุ่งชนเข้ากับรั้วสังกะสีของสถานที่ก่อสร้างตลาดน้ำพุชะอำ จนพังเสียหาย
       
       ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลชะอำ ในเวลาต่อมา รวมผู้บาดเจ็บทั้งหมด จำนวน 11 ราย นอกจากนี้ บนถนนยังพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สตราด้า สีน้ำเงินขาว หมายเลขทะเบียน ปง 6270 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านท้ายกระบะพังยุบเสียหาย โดยมี นายกมล แก้วนิล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/2218 หมู่ที่ 5 บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี อยู่ในตัวรถซึ่งอยู่ในอาการตกใจแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
       
       จากการสอบถาม นายจรูญ มณี คนขับรถทัวร์สำรองทราบว่า ทั้งหมดเดินทางออกมาจากกรุงเทพมหานคร เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมทั้งหมด 23 คน จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งมีฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยขณะนั้นได้มีรถเครนยูเทิร์นตัดหน้า ทำให้รถทัวร์หักหลบกะทันหันจนไปพุ่งชนเสยท้ายกับรถยนต์กระบะที่อยู่ด้านหน้า ประกอบกับถนนลื่นทำให้ลื่นไถลตกไหล่ทางและพลิกคว่ำจนทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนคนขับรถทัวร์ได้หลบหนีไปจากจุดเกิดเหตุในช่วงชุลมุน เหลือเพียงคนขับรถสำรองที่ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ
       
       เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสอบปากคำเพื่อติดตามคนขับรถทัวร์มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวต่อไป

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   14 พฤศจิกายน 2557



      เพชรบุรี - รถทัวร์ปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-เกาะสมุย เสียหลักตกร่องกลางสะพานกลับรถหน้าวัดท่าไชยศิริ ต.สมอพลือ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี บาดเจ็บ 8 ราย
       
 
       เมื่อเวลา 04.25 น. ของวันนี้ (14 พ.ย.) ร.ต.ท.อมรเทพ เกิดมี พนักงานสอบสวน สภ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ได้รับแจ้งมีรถทัวร์เสียหลักตกร่องกลางสะพานกลับรถหน้าวัดท่าไชยศิริ หมู่ 1 ต.สมอพลือ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถานเพชรบุรีและรถกู้ชีพโรงพยาบาลพระจอมเกล้า
       
       ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร พบรถทัวร์ปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-เกาะสมุย สีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน 12-4226 กทม. เสียหลักตกล่องกลางถนนลงไปเสียบค้างอยู่บริเวณร่องกลางของสะพานกลับรถโพธิ์ท่าไชย มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายติดอยู่ภายในรถทัวร์คันดังกล่าว
       
       เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บและผู้โดยสารรวมทั้งหมด 30 ราย ออกมาจากตัวรถ โดยมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 8 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้า ส่วนผู้โดยสารอีก 20 รายได้ทำการเปลี่ยนถ่ายรถเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ในเวลาต่อมา ทั้งนี้ บริเวณจุดกลับรถใต้สะพานไม่สามารถใช้การได้เนื่องจากรถทัวร์ได้ตกลงไปติดค้างขวางทางลอดอยู่กลางสะพานพอดี
       
       จากการสอบถามนายประชา พรหมวิจิตร อยู่บ้านเลขที่ 309 /14 หมู่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลงสวน จ.ชุมพร คนขับรถทัวร์โดยสาร ทราบว่าตนพร้อมกับผู้โดยสารและเด็กรถรวมทั้งหมด 30 คน เดินทางออกมาจาก เกาะสมุย เมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 13 พฤศจิกายน เพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดมืดมากทำให้รถเสียหลักลื่นไถลลงล่องกลางจนไปเสียบค้างอยู่กลางสะพาน ทำให้ตนและผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์      
30 ธันวาคม 2557 16:36 น.


 กระบะพุ่งข้ามเลนชนวินาศ! 6 คัน บนถนนมิตรภาพโคราช รถทัวร์ไฟลุกไหม้ เจ็บระนาว 15 ราย

        ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ระทึก! อุบัติเหตุใหญ่ประเดิมวันแรก 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลปีใหม่ บนถนนมิตรภาพโคราช รถกระบะพุ่งข้ามเลนชนวินาศ 6 คันรวด ทั้งรถกระบะและรถทัวร์โดยสารสายกรุงเทพฯ-ราชสีมา ไฟลุกไหม้ บาดเจ็บระนาว 15 ราย สาหัส 5 ราย
       
       เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 139-140 ถนนมิตรภาพ ขาเข้าเมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา หน้าสำนักงานศูนย์สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งข้ามเลนชนรถยนต์กระบะวิ่งสวนทางมา 3 คัน ขณะที่รถโดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 1 สายกรุงเทพฯ-ราชสีมา หักหลบ พุ่งข้ามเลนชนต้นไม้เกาะกลางถนน ก่อนไปชนเสาไฟฟ้าเกิดไฟลุกไหม้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
       
       ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ทะเบียน บพ 6483 กำแพงเพชร ไม่ทราบชื่อคนขับ สภาพพังยับเยินจอดอยู่กลางถนนมิตรภาพ ใกล้กันพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว ทะเบียน ตธ 8368 นครราชสีมา มี นายทองคำ ห้องแซว ชาว อ.ลำลูกกา จ.ยโสธร เป็นคนขับ มาพร้อมกับลูกสาว สภาพด้านข้างและด้านท้ายพัง ห่างออกไปพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ ทะเบียน 1 ฒจ 5051 นครราชสีมา มี นายสมคิด เที่ยงกลาง ชาว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เป็นคนขับ
       
       นอกจากนี้ยังพบรถโดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 1 สีฟ้าขาว สายกรุงเทพฯ-ราชสีมา ของ บริษัท ราชสีมาทัวร์ จำกัด หมายเลขทะเบียน 10-5185 นครราชสีมา มี นายประสงค์ ประสพทอง อายุ 55ปี ชาว ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นคนขับ เสียหลักพุ่งข้ามเลนถนนมิตรภาพ ชนต้นไม้บนเกาะกลางและไถลออกไปทางคู่ขนาน ก่อนชนเสาไฟฟ้าริมทางขาด 2 ท่อน และพุ่งชนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของเจ้าหน้าที่ที่จอดอยู่ด้านข้างสำนักงานดีเอสไอ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และเกิดไฟลุกไหม้ที่บริเวณเครื่องยนต์ของรถโดยสาร อาสาสมัครกู้ภัยไปถึงที่เกิดเหตุช่วยกันดับเพลิงไว้ได้ทัน
       
       ขณะที่ผู้โดยสารต่างทุบกระจกหน้าต่างรถ และเปิดประตูฉุกเฉินวิ่งหนีตายออกมาได้ ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดรวม 15 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารที่มากับรถโดยสาร ในจำนวนนี้สาหัส 5 ราย ถูกนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลใกล้เคียง
       
       จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า รถยนต์กระบะทะเบียน บพ 6483 กำแพงเพชร ขับมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ แต่เสียหลักพุ่งข้ามเลนมาชนกับรถยนต์กระบะอีก 2 คันที่วิ่งสวนทางมา ส่วนรถทัวร์โดยสารวิ่งตามหลังรถกระบะได้หักหลบ ก่อนพุ่งข้ามเกาะกลางถนนออกไปยังคู่ขนานและพุ่งชนรถยนต์และเสาไฟฟ้าเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้ยังส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเปิดช่องทางจราจรพิเศษเพื่อเร่งระบายการจราจรที่ติดขัด
       
       จากการสอบถามผู้ที่นั่งโดยสารมากับรถโดยสารเล่าว่า ได้เดินทางออกมาจากกรุงเทพมหานคร เวลาประมาณ 08.30 น. มุ่งสู่ปลายทางที่ จ.นคราชสีมา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นรถยนต์กระบะคันหนึ่งวิ่งสวนทางเสียหลักพุ่งข้ามเลนมาชนกับรถยนต์กระบะ 2 คันที่วิ่งอยู่ด้านหน้ารถโดยสารของตน นายประสงค์ ประสพทอง อายุ 55 ปี คนขับรถโดยสารจึงตัดสินใจหักหลบ แต่เนื่องจากรถโดยสารวิ่งมาด้วยความเร็วจึงเสียหลักพุ่งข้ามเลนไปชนเสาไฟฟ้าริมถนนดังกล่าว
       
       ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุใหญ่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จะทำการสืบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุใหญ่ประเดิมช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 2558 ของ จ.นครราชสีมา

http://pantip.com/topic/33288094 (http://pantip.com/topic/33288094)


ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะครับ ผมอาศัยอยู่ อ.แกลง จ.ระยอง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมต้องกลับเข้ากรุงเทพมาทำงานตามปกติ ซึ่งวิธีที่ผมเลือกใช้ประจำคือ "รถทัวร์" แน่นอนว่าถ้าเป็นสายภาคตะวันออก คงจะมีอยู่ไม่กี่บริษัท

ผมซึ่งไปจองรถตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่า ๆ แต่รอบรถที่ได้กลับเป็นรอบ ตี1 อาจจะเพราะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วยที่คนกลับบ้านกันเยอะ ก็ไม่เป็นไรผมกับเพื่อนๆ ก็หาที่นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ พอใกล้ตี 1 เพื่อนก็มาส่งเตรียมขึ้นรถกลับ

เวลาประมาณตี 1 แอบตกใจเล็ก ๆ มาตรงเวลาได้ไง ปกติควรจะมาช้าอย่างน้อย 20 นาทีนี่นา ( ถึงน้องที่ขายตั๋วจะบอกว่าให้พี่มาก่อนสัก 10 นาทีทุกครั้งก็เถอะ แน่นอน...รถก็มาสายทุกครั้งเช่นกัน )

ผมรีบวิ่งมาขึ้นรถเพราะว่านั่งคุยกับเพื่อนอยู่ไกลจากที่จอดรถอยู่พอสมควร ปรากฎ...ไม่ใช่จ้ะ วิ่งมาเก้อ คันนี้น่าจะสายมาจากรอบ เที่ยงคืนครึ่ง กลับมานั่งรอต่อไปอีกสัก 20 นาที รถทัวร์ 917-16 กรุงเทพ-ตราด ก็เข้าที่จอดรถ ( สายแบบนี้สิคุณค่าที่คู่ควร ขอบคุณที่ทำให้ความเชื่อใจในเรื่องเวลาของผมไม่พังทลาย )

ขึ้นรถมาอย่างสบายใจ วันนี้ที่นั่ง B6 ด้านหลังไม่มีเบาะใคร ปรับเอนได้แบบสบาย ๆ ผ้าห่มพร้อมเตรียมหลับได้ แถมยังได้ออฟชั่นเสริมเหมือนกับว่าได้อยู่ในโรง IMAX 4DX วิวข้างที่จะเห็นเป็นระยะๆจากแสงไฟข้างทาง เสียงเครื่องที่ดังมาก กลิ่นห้องน้ำโชยมาเบา ๆ ผสมกับกลิ่นเครื่องยนต์ และระบบสั่นสะเทือนที่คิดว่ายังไงก็ชนะโรง IMAXแบบขาดลอย แต่เพราะเหนื่อยมาทั้งวันกับดึกแล้วก็ทำให้เผลอหลับไป...



ไม่แน่ใจว่าหลับไปนานเท่าไร แต่ผมก็สะดุ้งตื่นมาด้วยแรงสั่นสะเทือนที่ไม่น่าจะใช่จากตัวเครื่องรถ เสียงร้องตกใจของหลาย ๆ คนดังขึ้น ( จริง ๆ ผมอาจจะตื่นเพราะเสียงนี้ก็ได้ )รถเริ่มส่ายไปมาเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ พร้อมกับได้ยินเสียงเหมือนรถเหยียบหรือไม่ก็ชนกับอะไรสักอย่าง ( ผมนี่รีบหันไปดูข้างทางเลย ไม่รู้ทำไมแต่อยู่ ๆ คิดขึ้นมาว่าถ้าอยู่บนทางด่วนน่าจะเส้นบูรพาวิถี ถ้าชนกับอะไรสักอย่างยังอาจจะพอรอดได้ แต่ถ้าตกลงมาด้านล่างเนี่ย ตายแน่ ๆ ) รถส่ายอยู่สักพักนึง

ก็เริ่มกลับมาควบคุมได้ แล้วก็จอดได้ในที่สุด ได้ยินเสียงคนขับเปิดประตูรถไปดู แปปเดียวก็กลับขึ้นรถมาแล้วก็อาศัยจังหวะที่คนทั้งรถทั้งตกใจ ทั้งงง แล้วก็ขับรถต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ( เฮ้ย ถึงจะงงอยู่แต่ก็อย่างรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น )

ดูข้างทางน่าจะเลยชลบุรีมาแค่นิดเดียว ระหว่างที่นั่งตื่นเต้นกันไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ น้องผู้ชายคนนึงก็ลุกแล้วเดินไล่บอกมาตั้งแต่หน้ารถประมาณว่า "คนขับเมา คงขับไม่ไหวแล้ว มีใครจะลงบ้างไหมครับ" กลายเป็นทีนี้ทุกคนก็เริ่มแตกตื่นกัน พี่ที่นั่งอยู่  D6 ลุกขึ้นไปคุยกันที่แถว ๆ โซนคนขับรถเหมือนกัน

ได้ยินเสียงกระเป๋ารถพูดมาประมาณว่า "ลงตรงนี้ก็ได้นะคะ แต่ว่าตรงนี้ยังไม่มีรถ taxi วิ่งมาถึงค่ะ" ( อ้าว...เอาแล้วไง จะลงก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่รู้ว่าจะถึงรึเปล่า ไม่เหลือทางเลือกให้กันเลยเหรอ -*- ) พยายามที่จะฟังที่เขาคุยกันต่อก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง สุดท้ายทั้งพี่ D6 และน้องผู้ชายคนนั้นก็กลับมานั่งที่ ตัวผมเองก็พยายามมองหารถ taxi อยู่เหมือนกัน ทั้งฝั่งที่รถตัวเองวิ่งหรือฝั่งตรงข้าม ก็ยังไม่มีสักคันจริงๆ ( ในเวลาแบบนี้นึกถึงแถวสยามขึ้นมาทีเดียว จะส่งรถ เติมแก๊ส รอฝรั่ง อย่างน้อยก็ยังมีให้เราพยายามโบกต่อไป )ระหว่างนั้นก็ได้แต่คิดเดี๋ยวข้างหน้าก็ถึงที่เติมน้ำมันของบริษัทนี้แล้ว ขับช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ถ้าเขาเมาจริงพี่เขาคงสร่างเมาไปบ้าง


ขณะที่นั่งไปความเร็วของรถก็เร่งความเร็วสลับกับช้าไปตลอดทาง ถ้าผมคิดคงเป็นคนขับที่อยากจะเหยียบให้มิด ๆ จะได้ถึงไว ๆ ส่วนกระเป๋ารถน่าจะคอยบอกให้เบาไว้ จนในที่สุดเราก็ฝืนนั่งกันมา แล้วก็ตัดใจจาก taxi ได้แต่มองว่าเมื่อไรที่จะถึงเอกมัยซะที ส่วนตัวผมคิดว่าถึงแค่ที่แยกบางนาก็คงจะลงแล้ว พอมาถึงไบเทคบางนาผมเริ่มอุ่นใจแล้ว รอด ๆ ไม่เกิดอะไรขึ้น ข้างหน้าก็ได้ลงแล้วหละ โดยที่ลืมนึกไปเลยว่า

ข้างหน้านี่ต่างหากที่น่ากลัวจริง ๆ ถ้าใครที่ใช้ทางเส้นนี้บ่อย ๆ คงจะพอนึกออก...ใช่ครับ มันคือ สะพานโค้งตรงแยกบางนา...จังหวะที่ผมนึกขึ้นได้แล้วคิดว่าควรจะลงก่อนมันก็ไม่ทันแล้ว รถค่อย ๆ เร่งขึ้นสะพานโค้งไป ด้วยความเร็วที่ไม่น่าจะมีการแตะเบรคสักเท่าไร

พอเหมือนกับรถพุ่งตัวไปเร็วเต็มที่ แล้วคนขับอยู่ ๆ ก็เหยียบเบรค แล้วกระชากรถกลับเข้ามาในทาง จังหวะนั้นทุกคนคงรู้สึกได้ว่ารถโยกและเอนมาก เสียงกรี๊ดจึงดังขึ้นมาอีกครั้งนึง ถ้านึกเสียงกรี๊ดไม่ออก ลองนึกภาพตอนที่คนกรี๊ดตอนเล่นไวกิ้งที่สวนสนุก แต่อันนี้ไม่ใช่เสียงกรี๊ดเพราะความสนุก แต่ผมคิดว่าทุกคนทำมันออกมาด้วยอารมณ์กลัวตายกันแน่ ๆ

ผมที่นั่งอยู่ขนาดไม่ได้อยู่นั่งติดกระจก แต่มองออกไปนอกรถอยู่ยังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้รับสิทธิ์พิเศษได้ที่นั่งริงไซด์ แต่ไม่ใช่อยู่ชิดขอบเวทีกลับเป็นชิดกับขอบสะพานแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน


.....สุดท้ายก็รอดมาได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วที่คิดจะลงตรงนี้ น้องผู้ชายคนเดิมเริ่มเดินบอกทุกคนอีกครั้งหนึ่งให้ลงเถอะ คนขับไม่ไหวแล้วจริง ๆ คราวนี้ไม่ยากเหมือนรอบแรก ทุกคนพร้อมใจกันลงโดยไม่ต้องนัดหมายกันมาก่อน

พอลงเห็นสภาพคนขับและสภาพรถแล้ว ผมคิดว่า...ความดีที่ผมสะสมมา(ถึงจะไม่ค่อยมีก็เถอะ)ผมคงใช้ไปหมดแล้วในครั้งนี้ ถึงทำให้ผมยังมีชีวิตยืนอยู่ตรงนี้ได้

สภาพของคนขับคือ ไม่สามารถที่จะพูดจาโต้ตอบกับเราได้รู้เรื่องได้ ดูจากสภาพแล้วแค่ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งคนขับก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาแล้ว ( จริง ๆ ตลอดทางพี่ปกติดี พี่พึ่งจะมีสภาพแบบนี้เพราะผ่านโค้งที่เราเหมือนเล่นไวกิ้งแล้วกรี๊ดไปพร้อม ๆ กันจนมีสภาพแบบนี้ใช่ไหมครับ )

ส่วนสภาพของรถก็ตามภาพเลยครับ รอยชนได้จากการที่ขับทางตรงอยู่แล้วคนขับก็เบียดเข้าไปชนกับที่กั้นไหล่ทางจนด้านหน้าพัง ด้านข้างที่ปิดล้ออยู่ก็หลุดออกมา จนผู้โดยสารต้องไปช่วยพี่กระเป๋าดึงให้หลุดออกมาแล้วเก็บใส่เข้าไปใต้ท้องรถให้รถวิ่งต่อได้


พอเหตุการณ์เรียบร้อย รถทัวร์ก็ขับจากไป ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยเรียก taxi ที่นาน ๆ จะขับผ่านมาสักคัน ผมที่ไม่ได้รีบอะไร ก็เลยยืนคุยกับผู้โดยสารคนอื่น ก็ได้ความว่า จริง ๆ คนขับน่าจะมีสภาพแบบนี้ตั้งแต่ที่ตราดแล้ว ตรงถึงจันทบุรีก็มีเกือบจะเข้าเกาะกลางไปหนึ่งรอบแล้ว พอมีน้องคนนึงไปบอกว่าให้ขับรถช้า ๆ หน่อย คนขับรถก็ให้กระเป๋ารถมาบอกว่าประมาณว่าน้องมีปัญหาอะไร

( ตรงนี้ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จับประเด็นจากที่เขาเล่าให้ฟังได้ประมาณนี้นะครับ )


การแก้ปัญหาของผมในครั้งนี้คงไม่ใช่วิธีที่ถูกนัก ถ้าจะให้ปลอดภัยจริง ๆ ผมควรเลือกที่จะลงจากรถ แล้วหาที่นอนพักก่อนหรืออะไรน่าจะดีกว่าที่จะฝืนนั่งต่อไป ถือว่ารอบนี้ผมคงโชคดีมาก ๆ ที่ผ่านมาได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร

แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ผมกลับมาคิดต่อได้อีกหลายอย่าง

- ทำไมทางต้นสังกัดถึงปล่อยให้พนักงานแบบนี้ขับรถออกมาได้ ชีวิตของผู้โดยสารตั้งกี่ชีวิตที่ฝากไว้กับเขา

- เราในฐานะที่เป็นผู้โดยสารมีอะไรที่จะช่วยให้เราระมัดระวังตัวเองได้อีกบ้าง นอกจากเข็มขัดนิรภัย

- เรื่องร้องเรียนหลังจากที่ลงมาจากรถก็มีน้องคนนึงบอกว่าส่งเรื่องร้องเรียนไปแล้ว ส่วนตัวผมวันนี้ก็ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปทาง บริษัทขนส่ง แต่ยังไม่เห็น email ตอบกลับอะไร

- เจ๊ไม่ต้อง low cost ได้ไหม คงราคาไว้เท่าเดิมหรือจะเพิ่มก็ได้ แต่ช่วยแลกกับสภาพรถที่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี พนักงานขับรถดี ๆ ไม่ต้องสุภาพกับผมก็ได้ครับ แค่ให้ผมถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัยผมก็ดีใจแล้วครับ

http://pantip.com/topic/33288094 (http://pantip.com/topic/33288094)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์        19 มีนาคม 2558 09:34 น.



        ชุมพร - หวิดย่างสด นักท่องเที่ยวต่างชาติ กว่า 30 ชีวิต ที่โดยสารรถทัวร์ 2 ชั้น เดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสุราษฎร์ธานี แต่เมื่อเดินทางมาถึง อ.สวี จ.ชุมพร เกิดเหตุล้อรถระเบิด จนไฟลุกท่วมเผาวอดทั้งคัน ต้องหนีตายออกทางประตูฉุกเฉินเหตุประตูปกติใช้การไม่ได้ คาดสาเหตุเกิดจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถขัดข้อง


        เมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้ (19 มี.ค.) พ.ต.ท.เดชบัณฑิต ดุลย์เภรี พนักงานสอบสวน สภ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้รถทัวร์โดยสาร บริเวณถนนเอเชีย 41 หมู่ 3 ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจทางหลวงชุมพร หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร
       
       จุดเกิดเหตุอยู่บนถนนช่องทางขาล่องใต้ พบรถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้น ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีชมพู เหลือง ขาว ทะเบียน 32-4109 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ไหล่ทางมีไฟติดลุกโชน อยู่ที่ช่วงท้ายของรถ รอบๆรถมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่หนีตายออกจากรถมายืนจับกลุ่มยืนมองไฟไหม้รถทัวร์ อย่างตื่นตระหนก



        ด้านเจ้าหน้าที่ รีบประสานขอรถดับเพลิง ไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลครน พื้นที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าว่าไม่มีคนขับรถดับเพลิง จึงได้ประสานไปยังเทศบาลตำบลนาโพธิ์ อ.สวี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจทางหลวง หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร รวมทั้งนักท่องเที่ยว ต่างยืนเฝ้ารอ อยู่อย่างใจจดใจจ่อ นานเกือบ 1 ชั่วโมง จนไฟไหม้รถเสียหายเกือบทั้งคัน รถดับเพลิงของเทศบาลตำบลนาโพธิ์ เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ท่ามกลางเสียงโห่ด้วยความไม่พอใจของนักท่องเที่ยว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิง ซึ่งสามารถควบคุมเพลิงได้แต่รถคันที่เกิดเหตุเสียหายวอดทั้งคัน



        เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบสวน นายพงษ์พันธ์ แดงด้วง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/2 หมู่ 18 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งคนขับรถทัวร์คันเกิดเหตุ ให้การว่า รถทัวร์คันดังกล่าวเป็นของบริษัท โชคมะลิแดง รับผู้โดยสารซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จากหลายประเทศแถบยุโรป จำนวน 34 คน มาจากถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร ไปส่งที่ท่าเรือเฟอรี่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อไปเที่ยวเกาะสมุย ออกจากกรุงเทพมหานคร ช่วงเวลา 19.30 น.ของวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา
       
       จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถเกิดล็อก ทำให้เบรกลมของรถเกิดความร้อนขึ้นจนมีกลิ่นเหม็นไหม้ ตนจึงชะลอรถเข้าข้างทาง จากนั้นมีเสียงระเบิดที่ล้อหลังด้านซ้ายและมีไฟไหม้ จึงตะโกนเรียกนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังนอนหลับอยู่ในรถให้ตื่น และหนีออกจากรถทางประตูฉุกเฉินชั้นล่าง เพราะประตูปกติไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากระบบไฟฟ้าล็อกหมดใช้การไม่ได้



        นายพงษ์พันธ์กล่าวต่อว่า เมื่อนักท่องเที่ยววิ่งหนีลงมาอย่างปลอดภัยได้ทุกคนแล้ว ตนจึงเอาถังดับเพลิงที่ติดอยู่ในรถออกมาดับที่บริเวณล้อหลังด้านซ้ายจุดที่ไฟกำลังไหม้ แต่ไม่สามารถดับได้ทันเนื่องจากไฟได้โหมไหม้อย่างรวดเร็ว จึงโทร.แจ้งตำรวจมาช่วยเหลือ และแจ้งรถดับเพลิงแต่กว่าจะมาถึงนานร่วมชั่วโมงไฟ ทำให้ไฟไหม้รถทัวร์พร้อมทั้งสัมภาระของนักท่องเที่ยววอดทั้งคัน



        อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่เกิดเหตุ ที่ไม่มีความพร้อมและล่าช้าอย่างมากในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ จนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนที่ไม่พอใจได้ใช้โทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายคลิปภาพเพื่อจะนำไปลงประจานในสื่อออนไลน์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 12:05:03 น.


เมื่อเวลา 02.40 น.วันที่ 26 กุมภาพันธ์  พ.ต.ท.อำนาจ  ปิดจัตุรัส พนักงานสอบสวน สภ.หนองสาหร่าย  อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งว่ามีเหตุรถทัวร์ชนท้ายรถบรรทุกท่อปูนโม่ ถนนมิตรภาพสายบายพาส เลี่ยงเมือง กม.73-74 บริเวณหมู่บ้านหนองจาน-หนองคู ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ขาเข้านครราชสีมา คาดว่ามีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก หลังรับแจ้งจึงรีบรุดออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชาย คมพยัคฆ์ ผกก.สภ.หนองสาหร่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่นำรถหน่วยกู้ภัยสว่างวิชชาธรรมสถานปากช่องจำนวน 5 คัน เจ้าหน้าที่กู้ชีพจาก รพ.ปากช่องนานา 2 คัน

ในที่เกิดเหตุในช่องทางซ้ายสุด พบรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น สีฟ้าขาว ยี่ห้อ เบ็นช์ หมายเลขทะเบียน 10 – 7189 ขอนแก่น เลขข้าง ม.4ข.827-4 บริษัทชาญทัวร์ วิ่งระหว่าง ระยอง – นครพนม ชนท้ายรถบรรทุกปูนโม่ ยี่ห้อ อีซูซุ ทะเบียน หัว 82-5322 บุรีรัมย์ ทะเบียนตัวลูก 81-5544 บุรีรัมย์ ของ หจก.เคเคพีคอนกรีต ด้านหน้ารถทัวร์ติดอยู่ท้ายรถบรรทุก สภาพพังขาดยับเยินเว้นเพียงเบาะนั่งคนขับ พบผู้บาดเจ็บจำนวนมากติดภายในรถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลปากช่องนานาไปแล้ว พบผู้บาดเจ็บ  2 ราย ติดคาซากรถชั้นล่างด้านหน้า เจ้าหน้าที่ช่วยนำอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างมาช่วยงัดออกใช้เวลากว่าเกือบชั่วโมง จึงนำร่างออกมาได้ แต่ทั้ง 2 คน เป็นหญิง ทั้ง 2 คน ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.บุดสะดี วันดารา อายุ 19 ปี ชาวลาว ทำงานอยู่ร้านอาหาร ในจ.ระยอง ส่วนอีก 1 ศพ เป็นหญิง คาดว่าเป็นแม่ของ น.ส.บุดสะดี ชาวลาว ไม่มีบัตรติดตัว

สอบสวน นายสุขสันต์ รัตน์แสงวงศ์ อายุ 40 ปี ให้การว่า ตนเป็นผู้ขับขี่มือ 2 ขณะเกิดเหตุนอนหลับอยู่ชั้นล่าง ส่วนผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุชื่อนายศิรสิทธ์ ไม่ทราบนามสกุล โดยรับผู้โดยสารมาจากท่ารถ จ.ระยอง จำนวน 53 คน มุ่งหน้าส่งปลายทางท่ารถ จ.นครพนม และตนจะมาสับเปลี่ยนตอนจอดพักรถและให้ผู้โดยสารรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร เลยที่เกิดเหตุไปประมาณ 500 เมตร แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน

ด้านนายสุชาติ สิบทัศน์ อายุ 46 ปี ผู้ขับขี่รถบรรทุกท่อปูนโม่ ให้การว่า ขับรถมาจากโรงปูน จ.สระบุรี มุ่งหน้าจะกลับ จ.บุรีรัมย์ ขณะขับมาช่องทางซ้ายสุด พบว่าอีก 100 เมตร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจ บริเวณไต้สะพานต่างระดับ จึงชะลอรถ ขณะนั้นก็มีรถมาชนท้ายอย่างแรงจนรถไถลกระเด็นไปข้างหน้า ตนจึงจอดรถลงมาดูพบว่าเป็นรถทัวร์ชนติดกับท้ายรถและมีเสียงร้องผู้บาดเจ็บขอความช่วยเหลือ ตนจึงวิ่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.อ.สมชาย  คมพยัคฆ์  ผกก.สภ.หนองสาหร่าย เปิดเผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุ ไม่พบรอยเบรก ของรถคาดว่ารถทัวร์คงวิ่งมาด้วยความเร็ว ประกอบกับคนขับอาจหลับใน เนื่องจากขับรถมาจาก จ.ระยอง ระยะทางไกลพอสมควรคงอ่อนเพลีย ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน จาการสอบถามเพื่อนที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บเล็กน้อย ทราบว่าเป็นชาวลาว ไปทำงานที่ จ.ระยอง และจะกลับไปเยี่ยมบ้านที่ประเทศ สปช.ลาว แต่มาสียชีวิตก่อน




วันพุธ 11 มีนาคม 2558 เวลา 14:38 น.


รถทัวร์โดยสาร สายกรุงเทพฯ–อุดรธานี พุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อของแขวงการทางขอนแก่นที่ 1 บนถนนมิตรภาพ ทำให้คนงานเสียชีวิตคาที่ 2 ศพ เจ็บสาหัส 3 ราย คาดสาเหตุจากโชเฟอร์รถทัวร์หลับใน หลังเกิดเหตุอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ร.ต.อ.ณัศฐวัตรฆ์ สุทธิสา พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยสำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น รับแจ้งอุบัติเหตุรถทัวร์ชนกับรถบรรทุก 6 ล้อ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่ถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้าเมืองขอนแก่น ช่วงหลัก กม.21 บ้านซำจาน หมู่ 20 ต.โนนท่อน อ.เมืองขอนแก่น จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศ ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 6 ล้อ สีเหลือง ทะเบียน 98-5496 กรุงเทพมหานคร ของแขวงการทางขอนแก่นที่ 1 สภาพถูกชนท้ายจนเสียหลักตกข้างทาง ส่วนที่กลางถนนพบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นคนงานชายที่โดยสารมากับรถของแขวงการทาง ทราบชื่อ นายสุชาติ บัวจันทร์ อายุ 53 ปี และนายจงกล สิงห์โต อายุ 57 ปี นอกจากนี้ยังพบคนงานได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกอีก 3 คน ประกอบด้วย นายคำพัน สมวัง อายุ 48 ปี นายอังคาร วงษ์โยธา อายุ 30 ปี และ นายบุญนาค มารอด อายุ 48 ปี จึงรีบนำตัวส่ง รพ.ศรีนครินทร์

ห่างไปเล็กน้อยพบรถทัวร์ สายกรุงเทพฯ–อุดรธานี ของบริษัท ชาญทัวร์ ทะเบียน 10-7658 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 22-6 ม.4 จอดอยู่ในสภาพกระจกด้านหน้าข้างคนขับแตกทะลุเป็นรูโหว่ ส่วนโชเฟอร์รถทัวร์อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้ สอบสวน นายเสาร์ ศิริสม อายุ 47 ปี คนขับรถรถบรรทุก 6 ล้อ ให้การว่า ได้ขับรถมาจากบ้านโนนพยอม เพื่อพาคนงานของแขวงการทางขอนแก่นที่ 1 ออกปฏิบัติหน้าที่เก็บป้าย-ปักเสาตามถนนสายดังกล่าว กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุได้จอดรถหลบใต้ต้นไม้ข้างทางเพื่อให้คนงานท้ายรถลงไปเก็บป้าย จู่รถทัวร์คันคู่กรณีที่ไม่มีผู้โดยสาร ได้ขับมาด้วยความเร็วแล้วพุ่งชนท้ายรถของตนอย่างจัง จนกระเด็นข้ามเกาะกลางถนน ทำให้คนงาน 5 คนที่อยู่ท้ายรถได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากโชเฟอร์รถทัวร์เกิดอาการหลับใน และจะเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ที่ก่อเหตุมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.




วันอังคาร ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558, 16.41 น.



 เมื่อเวลา01.15 น. วันที่ 31 มี.ค. 58 พ.ต.ท.ทองดี โคตรประทุม พนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารปรับอากาศชั้น 1 เสียหลักตกร่องกลางถนน ที่บริเวณถ.มิตรภาพ ขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา หลักกิโลเมตรที่ 190-191 บ้านหญ้าคาใต้ ต.ธารปราสาท อ.โนนสูง จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ภัย ฮุก 31 จุด อ.โนนสูงฯ ไปให้การช่วยเหลือ
 
 
ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์สายยาวโดยสารปรับอากาศชั้น 1 สีฟ้าขาว สายนครพนม - ระยอง หมายเลขทะเบียน 10-7708 ขอนแก่น เลขข้างรถ ม.4 ข 827-11 ของบริษัท ชาญทัวร์ จำกัด ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 35 คน เดินทางออกมาจากจ.นครพนมเมื่อเวลา 16.30 น. ของเย็นวานนี้ (30 มี.ค.) กำลังมุ่งหน้าไปส่งผู้โดยสารที่จ.ระยองโดยมีนายจิตร กุลบุตร อายุ 64 ปี เป็นคนขับรถโดยสาร
 
 
จากการสอบสวนนายจิตร ให้การว่า ขณะขับรถมาถึงที่เกิดเหตุได้เกิดอาการหลับในทำให้วูบหลับไป ประกอบกับถนนช่วงดังกล่าวเป็นทางโค้งพอดี และผิวถนนยังชื้นเนื่องจากเกิดฝนตกลูกเห็บตกในเส้นทางดังกล่าวก่อนหน้านี้ ทำให้บังคับรถไม่ได้จึงเป็นเหตุทำให้รถเสียหลักพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนนชนกับแผงกั้นทาง และเสาไฟฟ้าพังเสียหาย โชคดีที่ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์       
2 มีนาคม 2558 08:40 น. (แก้ไขล่าสุด 2 มีนาคม 2558 10:03 น.)


        พิษณุโลก - รถร่วม บขส.กรุงเทพฯ-แพร่ขาขึ้น เสียหลักตกร่องกลางถนน เกือบเสยต้นไม้ข้างทาง ผู้โดยสารเจ็บระนาว 20 ราย โชคดีไม่มีใครเสียชีวิต
       
       เมื่อเวลา 02.30 น. วันนี้ (2 มี.ค.) พ.ต.อ.อรรถพันธ์ วันแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถทัวร์เสียหลักตกร่องกลางถนนพลิกคว่ำ มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหลายราย บนถนนสายเลี่ยงเมืองแยกบ้านกร่าง มุ่งหน้าแยกแสงดาว ใกล้วัดวังหิน หมู่ 1 ต.จอมทอง อ.เมืองพิษณุโลก จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน
       
       ที่เกิดเหตุพบรถร่วม บขส.ปรับอากาศ 2 ชั้น กรุงเทพฯ-แพร่ ขาขึ้น ของบริษัทพรพิริยะทัวร์ ยี่ห้อสแกนเนียร์ สีฟ้าขาว ทะเบียน 10-1536 แพร่ สภาพรถพลิกตะแคงข้างเสียหลักตกลงไปในร่องกลางถนนเกือบชนกับต้นไม้ข้างทาง กระจกด้านหน้าแตกละเอียดเป็นรูโหว่
       
       เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลือนำผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บลำเลียงออกจากตัวรถทางด้านประตูฉุกเฉินและประตูหลังคาอย่างทุลักทุเล ก่อนทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วนำตัวผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและบาดเจ็บสาหัส แบ่งเป็นชาย 9 ราย หญิง 11 ราย ส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลอินเตอร์เวชการ และโรงพยาบาลรวมแพทย์ในเวลาต่อมา
       
       นางจารุวรรณ รัตนานนท์ อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน อยู่บ้านเลขที่ 95/8 หมู่ 4 ต.เวียงทอง อ.สูงเม่น จ.แพร่ หนึ่งในผู้โดยสารที่นั่งมากับรถทัวร์คันดังกล่าว เล่านาทีระทึกขวัญให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตน พร้อมกับ ด.ต.พูนพิพัฒน์ รัตนานนท์ อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สภ.เมืองแพร่ ซึ่งเป็นสามี ได้ซื้อตั๋วขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2 กรุงเทพฯ นั่งที่เบาะคู่หน้าสุดชั้นที่ 2
       
       ขณะที่รถทัวร์ขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนรู้สึกว่าโชเฟอร์ขับส่ายไปส่ายมา รถเสียการทรงตัว ก่อนจะพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนน ตนได้ภาวนาขอให้รอดตายจากเหรียญหลวงพ่อจำบอน วัดพระธาตุสุโทน จ.แพร่ ที่แขวนคอติดตัวไว้ตลอดเวลา โชคดีที่รถทัวร์ไม่ได้ชนอัดกับต้นไม้ที่อยู่ข้างทาง ซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 5 เมตรเท่านั้นจนรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด มีเพียงบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายเนื่องจากถูกกระแทกกับตัวรถอย่างแรงและถูกเศษกระจกบาดตามร่างกายหลายแห่ง ส่วนสามีที่นั่งมาด้วยนั้นได้รับบาดเจ็บหัวไหล่หลุด ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน นายอภิชัย เสาวคนธ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/11 ถ.ไฮเวย์-ลำปาง-งาว ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง พนักงานขับรถ ที่ยืนรอให้การว่า รับผู้โดยสารจำนวน 27 คนมาจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 เมื่อเวลา 21.00 น. ของคืนวันที่ 1 มี.ค. และจะเดินทางถึง จ.แพร่ เวลา 04.30 น.ของวันนี้
       
       ระหว่างที่ขับมาถึงจุดเกิดเหตุ มีวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์แข่งสวนเลนกันมา 2 คันทำให้ต้องหักหลบอย่างกะทันหัน และถนนเส้นดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมผิวถนน ทำให้รถเกิดเสียหลักพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนน แต่โชคดีที่ผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยไม่มีใครถึงกับเสียชีวิต ซึ่งตนได้โทรศัพท์แจ้งไปยังบริษัทให้นำรถมาเปลี่ยน และนำผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายแล้ว
       
       ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การทั้งหมดจะต้องรอสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ และพาตัวโชเฟอร์รายนี้ไปตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายตามกฎหมาย ก่อนจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์        
23 เมษายน 2558 11:13 น.


        บุรีรัมย์- พายุฝนถล่มบุรีรัมย์หนัก รถบัสร่วม บขส.บรรทุกผู้โดยสารเต็มคันออกจากหมอชิต มุ่งหน้าปลายทางอุบลฯ ลื่นไถลตกไหล่ทางต่างระดับถนน 24 สายโชคชัย-เดชอุดมที่กำลังก่อสร้างพลิกคว่ำ 2 ตลบ รถพังยับหลังคายุบทับผู้โดยสาร บาดเจ็บระนาวกว่า 40 ราย สาหัส 13 ราย ติดอยู่ในรถต้องใช้เครื่องตัดถ่างช่วย 5 ราย
       
       กลางดึกวันนี้ ( 23 เม.ย.) ร.ต.ท.ฐกร เสรีวรยศ ร้อยเวรฯ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสารพลิกคว่ำตกข้างทาง ถนนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม บริเวณเขตรอยต่อระหว่างบ้านไพศาลกับบ้านโพธิ์ไทร ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ มีผู้บาดเจ็บหลายราย จึงเร่งเดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัย

       
       ในที่เกิดเหตุบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 113 - 114 เขตรอยต่อระหว่างบ้านไพศาลกับบ้านโพธิ์ไทร พบรถบัสโดยสารปรับอากาศร่วม บขส. สีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน 10 - 6330 อุบลราชธานี เลขข้างรถ 4 - 19 ของบริษัทแสงสุวรรณทัวร์ จำกัด วิ่งสายกรุงเทพ - อุบลราชธานี พลิกคว่ำอยู่ข้างทางสภาพพังยับเยินมีผู้โดยสาร นั่งมากว่า 40 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด และติดในรถ 5 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และกู้ชีพใกล้เคียงได้ช่วยกันใช้เครื่องตัดถ่าง นำร่างคนเจ็บออกจากรถ และเร่งลำเลียงส่งโรงพยาบาลประโคนชัย
       
       ในจำนวนผู้บาดเจ็บกว่า 40 ราย นี้อาการสาหัสรวม 13 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ 2 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัสที่มีอาการแขน ขาหัก มีอาการทางกระดูกสันหลังและคอ ทางโรงพยาบาลประโคนชัยได้ส่งไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนจำนวน 6 ราย
       
       ส่วนที่เหลือบาดเจ็บเล็กน้อยแพทย์อนุญาตให้กลับ แต่ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ เนื่องจากไม่มีรถนำส่งและไม่สามารถติดต่อญาติได้
       
       นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงษ์ นายอำเภอประโคนชัย ได้สั่งการให้ปลัดอำเภอนำผู้บาดเจ็บที่ไม่มีที่พักและไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ไปพักที่หอประชุมอำเภอชั่วคราว จนกว่าจะสามารถติดต่อญาติและเดินทางกลับบ้านได้
       
       จากการสอบสวน นายพิเศษ ทองดวง คนขับรถบัสคันดังกล่าว บอกว่า รถได้ออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต กรุงเทพฯ มุ่งหน้าปลายทาง จ.อุบลราชธานีระหว่างทางได้แวะส่งผู้โดยสารที่ อ.ประโคนชัย ก่อนออกเดินทางต่อมาตามถนนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม โดยถนนสายดังกล่าวตั้งแต่ช่วง อ.ประโคนชัย ไปยัง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างถนนจาก 2 ช่อง เป็น 4 ช่องทางจราจร ประกอบกับช่วงดังกล่าวมีฝนตกหนักทำให้รถลื่นไถลเสียหลักตกไหล่ทางต่างระดับที่กำลังก่อสร้าง รถพลิกคว่ำ 2 ตลบจนหลังรถยุบกระจกด้านหน้าแตก และประตูหน้าต่างหลุด ทำให้ผู้โดยสารกระเด็นออกจากตัวรถหลายรายได้รับบาดเจ็บร้องครวญครางระงม จากนั้นเจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยได้ช่วยกันลำเลียงส่งโรงพยาบาล
       
       อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนทั้งคนขับและผู้โดยสาร รวมถึงพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้งและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป [/size]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์        27 พฤษภาคม 2558 09:21 น.


     27 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.กมล คิดอ่าน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองจังหวัดลำปาง ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์เบรกแตกเสียหลักพุ่งชนรถยนต์ และบ้านเรือนประชาชนเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อเวลา 06.30 น.ที่ผ่านมา จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย
       
       ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงป่าขาม ถนนเขลางค์นคร ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง พบรถทัวร์ของบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด สายอุดร-เชียงใหม่ หมายเลขทะเบียน 10-7254 อุดรธานี ชนติดอยู่กับกำแพง มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในรถกว่า 10 คน
       
       ใกล้กันพบรถตู้นักเรียน 2 ฌ 1506 กรุงเทพมหานคร รับส่งนักเรียน และโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ กค 4012 น่าน สภาพถูกชนพังเสียหาย เจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยเหลือคนขับและนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล โดยเบื้องต้นมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 23 คน อาการสาหัส 4 คน และเสียชีวิต 1 ราย
       
       นอกจากนี้ ยังมีบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าวพังเสียหาย 3 หลังจากอุบัติเหตุดังกล่าว ทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว
       
       สอบสวนนางยุพิน คำนุ พนักงานประจำรถทัวร์ ให้การว่า คนขับรถทัวร์ชื่อนายสมพรเพชร คำนุ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นสามี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเกิดเหตุรถกำลังมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ เมื่อวิ่งมาใกล้ถึงสี่แยกไฟแดงดังกล่าว คนขับได้ตะโกนบอกให้ผู้โดยสารทุกคนไปอยู่ท้ายรถเพราะเบรกแตก ก่อนที่รถจะเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางไปชนรถคันอื่นๆ และบ้านเรือนบริเวณดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
       
       สำหรับความคืบหน้า ล่าสุด มีรายงานว่า อุบัติเหตุดังกล่าว มียอดผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็น 32 ราย แยกเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 8 ราย , บาดเจ็บปานกลาง 18 ราย , บาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย และเสียชีวิต 3 ราย



[/size]


ยอดเจ็บ-ตายอุบัติเหตุรถทัวร์สายอุดรฯ-เชียงใหม่ เบรกแตกพุ่งชนรถชาวบ้าน-รถตู้รับส่งนักเรียน และบ้านเรือนชาวบ้านย่านแยกป่าขามเมืองรถม้า เพิ่มเป็น 32 ราย ในจำนวนนี้สาหัส 8 คน เสียชีวิต 3 ราย มีหนุ่มเวียดนามดับด้วย เผยก่อนเกิดเหตุคนขับตะโกนบอกผู้โดยสารแล้ว ขณะที่เมียรอง ปธ.สภา ทน.ลำปาง เจอรถพุ่งชนขณะทำอาหารรอดปาฏิหาริย์

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายอุดรธานี-เชียงใหม่ ของบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด เบรกแตก พุ่งลงจากดอยพระบาท ก่อนพุ่งข้ามเลนชนกับรถตู้รับส่งนักเรียน และรถยนต์ของผู้ที่เดินทางผ่านไปมา รวม 3 คัน คือ รถสปอร์ตไรเดอร์ 1 คัน รถปิกอัพ 1 คัน และรถตู้รับส่งนักเรียน 1 คัน ก่อนที่จะพุ่งชนบ้านของรองประธานสภาเทศบาลนครลำปางเมื่อเช้าที่ผ่านมา ว่า ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 29 คน อาการสาหัส 8 คน, ปานกลาง 18 คน, บาดเจ็บเล็กน้อย 3 คน และเสียชีวิต 3 ราย รวมทั้งสิ้น 32 คน
       
       เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 27 พ.ค. ภาพรถทัวร์ของบริษัทจักรพงษ์ทัวร์ อุดร-เชียงใหม่ หมายเลขทะเบียน 10-7254 อุดรธานี พุ่งฝ่าแยกสัญญาณไฟแดงบริเวณแยกป่าขามพุ่งหน้าเข้าตัวเมืองลำปาง พุ่งชนรถที่อยู่ด้านหน้าถึง 3 คัน คือ รถสปอรต์ไรเดอร์ 1 คัน รถปิกอัพ 1 คัน และรถตู้รับส่งนักเรียน 1 คัน ก่อนที่จะพุ่งชนบ้านของรองประธานสภาเทศบาลนครลำปาง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 23 คน
       
       ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ นางเพ็ญศรี กระจ่างจันทร์ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 285 หมู่ 8 ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ที่เดินทางมากับรถตู้นักเรียน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยนครลำปางได้พยายามช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลลำปาง แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ที่เสียชีวิตอีก 2 รายเป็นผู้โดยสารมากับรถทัวร์ โดยเสียชีวิตติดคาในรถฝั่งซ้ายของคนขับทั้งสองราย เจ้าหน้าที่ได้ชักลากรถขึ้นมา ก่อนงัดร่างออกมาจากรถ คือ นายแก่น กิจสดม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 468 ม.13 ต.ขมิ้น อ.สกลนคร จ.สกลนคร และ MR. PHAM NAN DONG อายุ 34 ปี ชาวเวียดนาม
       
       พล.ต.ต.นิยม ด้วยสี ผบก.ภ.จว.ลำปาง ซึ่งเดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้มีการสอบปากคำใดๆ จากทุกฝ่าย เนื่องจากต้องการให้เจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่เกิดเหตุให้เรียบร้อยก่อน
       
       ด้าน พ.ต.ต.กมล คิดอ่าน พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ลำปาง กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งว่ามีรถทัวร์เบรกแตกเสียหลักพุ่งชนรถ และบ้านเรือนประชาชนเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุบริเวณสี่แยกไฟแดง ถนนเขลางค์นคร ต.พระบาท อ.เมือง พบรถทัวร์ของ บ.จักรพงษ์ทัวร์ อุดรธานี-เชียงใหม่ หมายเลขทะเบียน 10-7254 อุดรธานี ชนติดอยู่กับกำแพง มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในรถกว่า 10 คน ใกล้กันพบรถแวนและรถตู้รับส่งนักเรียน สภาพถูกชนพังเสียหาย คนขับ นักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล บ้านเรือนในบริเวณดังกล่าวพังเสียหาย 3 หลัง จากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร
       
       นางยุพิน คำนุ พนักงานบนรถทัวร์ ให้การว่า คนขับรถทัวร์ชื่อนายสมพรเพชร คำนุ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นสามีตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเกิดเหตุได้นำผู้โดยสารมาจาก จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 20.00 น. คืนที่ผ่านมา โดยรถกำลังมุ่งหน้าไป จ.เชียงใหม่ เมื่อวิ่งมาใกล้ถึงแยกไฟแดงคนขับได้ตะโกนบอกให้ผู้โดยสารทุกคนไปอยู่ที่ท้ายรถและให้รัดเข็มขัดเพราะเบรกแตก ก่อนที่จะเสียหลักพุ่งข้ามแยกไฟแดงไปชนรถคันอื่นๆ ที่กำลังออกตัวไฟเขียว และบ้านเรือนบริเวณดังกล่าว
       
       ด้านนายเชาว์ มันจันทร์ อายุ 59 ปี คนขับรถสปอรต์ไรเดอร์ ที่ถูกชน บอกว่า ตนขับรถออกมาจากบ้านที่ จ.น่าน เพื่อพาภรรยามาทำคีโมที่ รพ.ลำปาง ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถออกจากแยกไฟแดงได้ไม่นานก็มีรถทัวร์พุ่งชนท้ายอย่างจัง จนทำให้ภรรยาตนเองได้รับบาดเจ็บ
       
       ขณะที่นายณัฐกิตต์ บรรจงจิตร ส.ท.นครลำปาง บุตรชายของนายสมบูรณ์ บรรจงจิตร รองประธานสภาเทศบาลนครลำปาง นางละเอียด บรรจงจิตร อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 ถ.เขลางค์นคร ต.หัวเวียง เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุแม่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ซึ่งเป็นบริเวณที่รถทัวร์พุ่งชนกำแพงเข้ามาพอดี ได้ยินเสียงดังสนั่น จึงได้วิ่งออกมาดูก็พบว่ามีรถพุ่งชนบ้าน และแม่ก็ล้มลง จึงได้รีบช่วยนำส่งโรงพยาบาล
       
       “ถือว่าโชคดีมากที่รถทัวร์พุ่งเข้าตรงกลางขณะที่แม่ยืนอยู่เยื้องไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น จึงล้มลงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเย็บ 10 เข็ม และขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น”
       
       ความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ดึงรถออกมาจากบ้านได้แล้ว แต่เนื่องจากแก๊สรั่วจึงได้ทำการพ่นน้ำ และให้เจ้าหน้าที่บางส่วนงัดรถนำศพที่ติดอยู่ภายในออกมา ก่อนที่จะเคลียร์พื้นที่ และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ด้านวิศวกรรมของกรมการขนส่งทางบกจะลงพื้นที่มาตรวจสภาพรถที่เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง



ผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพการขนส่งนำทีมตรวจสภาพรถทัวร์มรณะ เบื้องต้นพบท่อลมที่ต่อไปยังเบรกมีรูรั่ว แต่ต้องส่งพิสูจน์อีกครั้งว่ารั่วก่อนหรือหลังเกิดเหตุ
       
       สายวันนี้ (28 พ.ค.) ผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพการขนส่ง กรมการขนส่งทางบก นำโดย นายวัลลภ งามสอน นายประพันธ์ นรรัตน์ หัวหน้าฝ่ายตรวจสภาพรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย เข้าตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวที่สามารถบันทึกนาทีที่เกิดอุบัติเหตุไว้ได้ พร้อมกับตรวจสภาพพื้นที่ถนนบริเวณแยกป่าขาม ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง หลังเกิดอุบัติเหตุหมู่รถทัวร์ของบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด สายอุดรธานี-เชียงใหม่ ทะเบียน 10-7254 อุดรธานี เบรกแตกและพุ่งฝ่าสัญญาณจราจรชนรถอีก 3 คัน เสาไฟฟ้า ต้นไม้ข้างทาง ก่อนที่จะพุ่งทะลุบ้าน 3 หลัง และไปหยุดลงที่บ้านของนายสมบูรณ์ บรรจงจิตต์ รองประธานสภาเทศบาลนครลำปาง เมื่อเช้าวานนี้ (27 พ.ค.) ทำให้มีผู้เสีีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 25 ราย โดยอาการสาหัส 6 ราย ปานกลาง 16 ราย ปลอดภัยแล้ว 3 ราย ล่าสุดผู้บาดเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลลำปาง
       
       นายประพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องเก็บรวบรวมข้อมูล ทั้งสภาพพื้นที่ สภาพรถทัวร์ และคนขับ เพื่อนำไปประมวลผลถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนการตรวจสภาพเบื้องต้นของรถ ขณะนี้พบเพียงจุดเดียวที่อาจจะส่งผลถึงการเกิดอุบัติเหตุ คือ บริเวณท่อลมซึ่งเป็นปั๊มสำหรับเบรกเป็นรูกว้างแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดก่อนหรือหลังที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว ซึ่งหากเกิดก่อนก็เป็นไปได้ว่าเบรกจะไม่ทำงานเนื่องจากลมรั่ว ซึ่งอาจจะตรงกับที่ผู้โดยสารระบุว่ารถไม่สามารถเบรกได้ แต่ทั้งนี้ต้องรอการตรวจพิสูจน์ให้ชัดเจนอีกครั้ง
       
       ขณะที่ นายวิชิต ปะสะมาศวิน ผู้จัดการบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด เดินทางมาจาก จ.อุดรธานีเพื่อมาดูสภาพที่เกิดเหตุ พร้อมระบุว่าทางบริษัทยินดีรับผิดชอบเต็มที่ ส่วนการทำประกันชีวิตผู้โดยสารนั้นทางบริษัทมี พ.ร.บ.บุคคลที่สามตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนค่าเสียหายอื่นต้องรอการประเมินของบริษัทประกัน สำหรับบริษัทมีรถวิ่งรถประมาณ 30 คัน แต่ขณะนี้เศรษฐกิจไม่ดีจึงลดจำนวนลง แต่รถทางบริษัทยืนยันได้ว่า ตรวจสภาพตามที่กฎหมายกำหนดทุกคัน




แพทย์ตัดสินใจต่อเส้นเลือดขาเด็กหญิงจนสำเร็จไม่ตัดขาแล้วและอาการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่แจ้งข้อหาคนขับรถทัวร์ แต่เดินหน้าสอบผู้เกี่ยวข้องรวมถึงผู้จัดการบริษัททัวร์ ระบุรถทัวร์คันดังกล่าวใช้งานมาแล้วกว่า 30 ปี
       
       รายงานข่าวจากจังหวัดลำปางแจ้งความคืบหน้าอาการป่วยของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กรณีรถทัวร์สายอุดรธานี-เชียงใหม่ ประสบอุบัติเหตุเบรกไม่อยู่และได้วิ่งด้วยความเร็วฝ่าสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกป่าขาม อ.เมือง จ.ลำปาง และพุ่งชนรถตู้รับส่งนักเรียนและรถยนต์ปิกอัพ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 25 ราย เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา
       
       ล่าสุดจากการสอบถาม นายอธิษฐาน วงศ์ใหญ่ รองผู้อำนวยการ รพ.ลำปาง ถึงอาการบาดเจ็บของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและยังนอนรักษาตัวที่ รพ.ลำปาง ขณะนี้ซึ่งมีทั้งหมด 4 ราย เด็กสองคนที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู คือ ด.ญ.จารุวรรณ ทรายคำ อายุ 9 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาด้านบนถูกกระแทกจนเกือบขาด ซึ่งวานนี้แพทย์ลงความเห็นว่าหากสาหัสมากอาจจะต้องตัดขาทิ้ง

       
        แต่เมื่อ ผอ.โรงพยาบาลลำปางทราบเรื่องจึงให้รอและได้ประสานงานให้แพทย์ซึ่งชำนาญเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งมีประจำที่โรงพยาบาลลำปาง และถือว่ามีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากเข้ามาช่วยเพื่อลองตัดต่อเส้นเลือดและเส้นเอ็นบริเวณขา ซึ่งถูกทำลายไปแล้วอีกครั้งในเช้าวันนี้
       
       สุดท้ายปรากฏว่าสามารถผ่าตัดต่อเส้นเลือดเป็นผลสำเร็จ ทำให้แพทย์ล้มเลิกการตัดขาทิ้งไป ซึ่งหลังการผ่าตัดต่อเส้นเลือดอาการของเด็กดีขึ้นตามลำดับ
       
       สำหรับ ด.ญ.ชฎาธาร ศิลัยพาณิช อายุ 9 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะหลังจากได้รับแรงกระแทกอย่างแรงขณะนั่งรถตู้โดยสารรับส่งนักเรียน ล่าสุดทางทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดสมองหลังจากเลือดคั่งในสมองเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอาการของ ด.ญ.ชฎาธารก็ปลอดภัยแล้วเช่นกัน
       
       ส่วนอาการเจ็บป่วยของผู้โดยสารรถทัวร์ และคนขับรถทัวร์และคนเจ็บรายอื่นๆ ก็ดีขึ้นตามลำดับ ท่ามกลางญาติๆ พ่อแม่ และหน่วยงานราชการต่างเดินทางเข้ามาเยี่ยมอาการป่วยและให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
       
       ส่วนความคืบหน้าทางคดี พ.ต.ต.กมล คิดอ่าน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง เปิดเผยว่า ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายสมพรเพชร คำนุ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/3 หมู่ที่ 1 ต.เวินพระนอน อ.ท่าอุเทน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นคนขับรถทัวร์ เพราะยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนพักรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วย รพ.ลำปาง แต่ได้เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาททำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากแล้ว
       
       แต่ได้เรียกตัวเจ้าของผู้ประกอบการรถทัวร์ จักรพงษ์ทัวร์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้แล้วเพื่อพูดคุยรายละเอียดของคดีและค่าเสียหายต่างๆ ที่มีผู้เสียชีวิตไป 3 รายและบาดเจ็บมากกว่า 25 ราย และมีบ้านพังไป 3 หลัง และรถยนต์อีกหลายคัน และทางพนักงานสอบสวนก็จะเข้าตรวจสอบสภาพรถทัวร์เพิ่มเติมเพื่อนำไปประกอบสำนวนในทางคดีต่อไป
       
       ส่วนข้อมูลของรถทัวร์คันเกิดเหตุ ล่าสุดนายประพันธ์ นรรัตน์ หัวหน้าฝ่ายตรวจสภาพรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดลำปาง เผยว่า หลังตรวจสภาพรถทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้มีการตรวจสอบระบบข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานขนส่งด้านงานทะเบียน ทราบว่ารถทัวร์คันดังกล่าวพบว่ามีการจดทะเบียนใช้งานมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกจดทะเบียน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2524 และมีการใช้งานมายาวนาน มาจนถึงวันที่ 24 มี.ค. 2552 แล้วมีการนำรถดังกล่าวมาจดทะเบียนการใช้งานอีกครั้งโดยมีการปรับปรุง ทั้งสภาพตัวรถ สภาพแชสซีส์ และห้องโดยสารใหม่ทั้งหมดและนำออกวิ่งให้บริการ ซึ่งรวมอายุ ตั้งแต่การจดทะเบียนครั้งแรกรถทัวร์คันเกิดเหตุอายุการใช้งานยาวนานกว่า 34 ปี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์, 9 มิถุนายน 2558 11:57 น.


รถทัวร์สายกรุงเทพ-ราชสีมา พุ่งชนรถพ่วงบรรทุกปูนซีเมนต์ พังยับเยิน บนถนนมิตรภาพ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เสียชีวิตคาที่ 1 ราย บาดเจ็บ 5 ราย สาหัส 2 ราย วันนี้ ( 9 มิ.ย.)

        ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รถทัวร์สายกรุงเทพ-ราชสีมา พุ่งชนรถพ่วงบรรทุกปูนซีเมนต์ บนถนนมิตรภาพ อ.ปากช่อง โคราช ถูกปูนทับดับคาที่ 1 ศพ บาดเจ็บ 5 สาหัส 2 ราย เผยรถพ่วงเพลาขาดจอดเสียกลางทาง รถทัวร์หักหลบไม่ทันพุ่งชนอย่างจังพังยับ
       
       เมื่อเวลา 07.30 น. วันนี้( 9 มิ.ย.) ร.ต.อ.วิวรรธน์ โพคาสี พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ชนกับรถบรรทุกพ่วงที่บริเวณ หลักกิโลเมตร (กม.) ที่ 50 ถ.มิตรภาพ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย จึงนำกำลังรุดตรวจสอบ

       
       ในที่เกิดเหตุบริเวณกลางถนนมิตรภาพ พบรถโดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 1 สีฟ้าขาว สายกรุงเทพฯ -ราชสีมา ของบริษัท เชิดชัย จำกัด หมายเลขทะเบียน 10-4068 นครราชสีมา มีนายประยูร เกริ่นกระโทก เป็นพนักงานขับ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบรถพ่วงบรรทุกปูนซีเมนต์ สีขาว หัวพ่วงทะเบียน 70-1294 สุรินทร์ ท้ายพ่วง หมายเลขทะเบียน 70-1295 สุรินทร์
           มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้โดยสารที่เดินทางมากับรถโดยสารประจำทาง จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายประยูร เกริ่นกระโทก พนักงานขับรถโดยสารประจำทาง , นายมิตร ดีด่านค้อ ,นางสำราญ ดีด่านค้อ ทั้ง 3 ราย ถูกนำส่งเข้ารักษาที่ โรงพยาบาลปากช่องนานา อ.ปากช่อง ส่วน นางนารีรัตน์ ชัชวาล และ น.ส.น้ำค้าง ศรีกลาง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา
       
       และพบมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนางสาวสารี่ จงคลาดกลาง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ม. 3 ต.พลสงคราม อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ซึ่งถูกปูนกระสอบทับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
             จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า รถบรรทุกพ่วงที่มี นายสมชาย พูดชอบ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154 ม. 4 ต.บุฤาษี อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นคนขับได้บรรทุกปูนซีเมนต์เต็มคันรถ มาจาก จ.สระบุรี มุ่งหน้า จ.สุรินทร์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเพลากลางพ่วงรถบรรทุกขาดไม่สามารถบังคับรถเข้าชิดขอบทางได้ จึงจอดเสียอยู่เลนกลาง และขณะกำลังลงไปวางกรวยเพื่อทำเป็นสัญญาณให้รถคันอื่น ๆ มองเห็น ทันใดนั้นรถโดยสารประจำทางปรับอากาศคันดังกล่าว ได้พุ่งเข้าชนอย่างจังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว [/size]

โดย ผู้จัดการ Online, 9 มิถุนายน 2558 10:26 น.

        เกิดอุบัติเหตุรถบัสร่วมบขส.ปรับอากาศ เสียหลักพุ่งชนอัดกำแพงสนามบินดอนเมืองพังเสียหาย ผู้โดยสารเจ็บนับสิบราย สาวใหญ่วัย 40 โชคร้าย นิ้วขาด 5 นิ้ว อาการสาหัส ด้านโชเฟอร์ อ้างถนนลื่น ถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท
       
       วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 03.00 น. ร.ต.ท.วรกร ณัฎฐมั่งคั่ง พนักงานสอบสวนสน.ดอนเมืองได้รับแจ้งเหตุรถ มีรถบัสบขส.ปรับอากาศพุ่งชนกำแพงสนามบินดอนเมือง บริเวณยูเทิร์นคลังสินค้า ถนนวิภาวดีด้านขาเข้า จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
       
       ที่เกิดเหตุบริเวณช่องทางเข้าสนามบินดอนเมืองช่องทางที่ 7 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. พบกำแพงรั้วสนามบินได้รับความเสียหาย เสาไฟฟ้าหักโค่น ห่างออกไปถนนด้านในสนามบินดอนเมือง พบรถบัสร่วม บขส.ปรับอากาศยี่ห้อเบนส์ สีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน 15-3590 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท วัฒนสาครทัวร์ วิ่งระหว่างกรุงเทพ ยโสธร เขมราฐ ตรวจสอบสภาพรถด้านขวามีรอยครูด กระจกแตกทุกบาน ล้อหลังทั้ง 2 ข้างแตกทั้งหมด กระจกด้านหน้ารถแตก ทั้งนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้โดยสารที่มากับรถบัสทั้งหมด 12 ราย แบ่งเป็นหญิง 4 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยหัวแตก ถลอกตามตัว 3 ราย นิ้วมือข้างซ้ายขาดทั้ง 5 นิ้ว 1 ราย ชาย 8 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยหัวแตก ถลอกตามตัว 7 ราย ไหปลาร้าหัก 1 ราย เบื้องต้นอาสาสมัคมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
       จากการสอบสวนนายนรินทร์ ดีไว อายุ 50 ปี คนขับรถบัส เล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนเองขับรถมาจาก จ.ยโสธร เพื่อนำผู้โดยสารมาส่งที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ และเหลือผู้โดยสารอยู่บนรถเพียง 18 คน โดยใช้ถนนวิภาวดีด้านขาเข้า ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตรมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ตนเองพยายามชะลอความเร็วแต่ถนนลื่นจนทำให้ตนเองบังคับรถไม่อยู่ รถส่ายไปมาก่อนที่รถจะไถลเข้ามากระแทกกับกำแพงทางเข้าสนามบิน
       
       เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวคนขับไปสอบปากคำ ก่อนจะแจ้งข้อหานายนรินทร์ โชเฟอร์ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์, 9 มิถุนายน 2558 14:53 น.


        กระบี่ - รถบรรทุกขยะโรงพยาบาล พุ่งชนรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ สายภูเก็ต-หาดใหญ่ กลางสี่แยกไฟแดงบ้านนาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เจ็บระนาว 10 คน


        เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.วันนี้ (9 มิ.ย.) ร.ต.ท.มนัส อินพรม ร้อยเวรสอบสวน สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ ชนกับรถกระบะบรรทุกขยะโรงพยาบาล กลางสี่แยกไฟแดง มีผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม ม.2 ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยลูกพระธรรมนาเหนือ หน่วยกู้ภัยปลายพระยา และหน่วยกู้ภัยอ่าวลึก



        ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์โดยสารปรับอากาศประจำทางสีฟ้า สายภูเก็ต-หาดใหญ่ ทะเบียน 10-1008 ตรัง พลิกตะแคงอยู่ในคูร่องน้ำข้างถนน สภาพด้านข้างพังยับเยิน ผู้โดยสารกำลังตะเกียกตะกายออกมาจากตัวรถด้วยความโกลาหล ใกล้กันพบรถกระบะสีขาว ข้างรถมีข้อความรักสิ่งแวดล้อม เป็นรถบรรทุกขยะโรงพยาบาล ทะเบียน ฒษ 3583 กทม.สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ในที่เกิดเหตุพบคนเจ็บ จำนวน 10 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันนำคนส่งโรงพยาบาลอ่าวลึก ทั้งหมดอาการปลอดภัย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว จำนวน 6 ราย ส่วนอีก 4 ราย รอดูอาการ

        สอบสวน นายบุญฤทธิ์ เพชรเกื้อ อายุ 50 ปี พนักงานขับรถทัวร์โดยสารประจำทาง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถโดยสารมาจากจังหวัดภูเก็ต มุ่งหน้าไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บรรทุกผู้โดยสารมา จำนวน 20 คน เมื่อมาถึงกลางสี่แยกไฟแดงนาเหนือ สังเกตเห็นสัญญาณไฟจราจรดับจึงได้ขับผ่านมา เมื่อใกล้จะพ้นสี่แยก ได้มีรถกระบะคันดังกล่าวขับมาทาง จ.สุราษฎร์ธานี ชนบริเวณด้านท้ายอย่างจังทำให้รถเสียหลักพุ่งตกคูน้ำ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว


        สำหรับคนขับรถกระบะไม่ทราบชื่อ ทราบว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส หน่วยกู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลทับปุด จ.พังงา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบปากคำคนขับทั้ง 2 รายอย่างละเอียดอีกครั้งในภายหลังก่อนแจ้งความดำเนินคดี



        สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บที่โดยสารมากับรถทัวร์คันดังกล่าว และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอ่าวลึก จ.กระบี่ จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย นางนันทินี เพ็ชรเกื้อ นางจู้ ลักษณะวิมล นายเครดิต โรจนไพบูลย์ นายทนงศักดิ์ กาลวงศ์ นายชาย ใจตรง นางปัทมาพร เมืองสุด นายทองจัน คำหาญ นายกฤษิก ชัยยะ นางณัฐวี ขันไชย และ น.ส.รติมา อัมภมร

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์      , 28 มิถุนายน 2558 10:47 น


        พัทลุง - เกิดเหตุรถทัวร์วีไอพี 99 จาก กทม.มุ่งหน้าสู่เบตง พลิกคว่ำที่ จ.พัทลุง เจ็บ 5 ราย ตำรวจสอบเบื้องต้นเชื่อสาเหตุจากคนขับหลับในเพราะควงเดี่ยวมาตลอดเส้นทาง  วันนี้ (28 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ VIP 32 ที่นั่ง พลิกคว่ำบริเวณร่องกลางถนนสายเพชรเกษมพัทลุง-หาดใหญ่ ใกล้โค้งบ้านปากทางเกาะทองสม ม.12 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพัทลุง


        ในที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ บ.99 ที่ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ปรายทางยะลา-เบตง หมายเลขทะเบียน 15-2854 กทม หมายเลขข้างรถ 987-1032 พลิกคว่ำตะแคงในร่องกลางถนน ผู้โดยสารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างตะกายออกมาข้างนอก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงอยู่ภายในตัวรถ เจ้าหน้าที่จึงเร่งเปิดประตูรถเข้าช่วยเหลือ พบผู้บาดเจ็บ 5 ราย ทราบชื่อเบื้องต้นคือ นายพรทิพย์ บุญหา ชาว จ.ปทุมธานี นายพิรุตน์ เลิศอมรภัทร์ ชาว กทม. นายศึกษา แก้วสูงเนิน ชาว จ.ขอนแก่น และอีก 2 รายไม่ทราบชื่อ ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพัทลุง เร่งปฐมพยาบาลก่อนนำส่ง รพ.ตะโหมด 3 ราย และนำส่ง รพ.เขาชัยสน 2 ราย

        จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถทัวร์คันดังกล่าวมี นายสมศักดิ์ หนูพรม เป็นคนขับ ได้ขับออกจากสถานีขนส่งสายใต้เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา จุดหมายปลายทาง อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง และมืด รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว สาเหตุเบื้องต้นคาดคนขับหลับในเนื่องจากขับมาคนเดียวตลอดเส้นทางสารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างตะกายออกมาข้างนอก

        ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงอยู่ภายในตัวรถ เจ้าหน้าที่จึงเร่งเปิดประตูรถเข้าช่วยเหลือ พบผู้บาดเจ็บ 5 ราย ทราบชื่อเบื้องต้นคือ นายพรทิพย์ บุญหา ชาว จ.ปทุมธานี นายพิรุตน์ เลิศอมรภัทร์ ชาว กทม. นายศึกษา แก้วสูงเนิน ชาว จ.ขอนแก่น และอีก 2 รายไม่ทราบชื่อ ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพัทลุง เร่งปฐมพยาบาลก่อนนำส่ง รพ.ตะโหมด 3 ราย และนำส่ง รพ.เขาชัยสน 2 ราย

         

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   : 7 ตุลาคม 2558 15:24 น.


พังงา -เกิดเหตุเพลิงไหม้รถทัวร์โดยสารประจำทางสตูล-ภูเก็ต ที่หน้า สภ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ทำผู้โดยสารบาดเจ็บ 12 ราย ตาย 1 เหตุเกิดจากคนขับให้ช่างเชื่อมเก้าอี้จนทำให้เกิดประกายไฟลุกไปติดเก้าอี้คนขับ และลุกลามอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้โดยสารติดอยู่ในรถเนื่องจากประตูล็อกอัตโนมัติ
เมื่อเวลา 10.10 น. วันนี้ (7 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้รถทัวร์โดยสารประจำทางสตูล-ภูเก็ต บริษัทตรังร่วมมิตร ป้ายทะเบียนป้ายเหลือ 10-1558 บริเวณ ถ.เพชรเกษม ม.1 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เยื้องกับสถานีตำรวจภูธรตะกั่วทุ่ง จ.พังงา มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.ศรศักดิ์ จันทร์ดี พนักสอบสวน สภ.ตะกั่วทุ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
       
       ที่เกิดเหตุพบรถโดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ประจำทางสายภูเก็ต-สตูล เลขข้างรถ 734-3 ม.4 ข สีชมพู บ.ตรังร่วมมิตรขนส่ง ทะเบียน ป้ายเหลือง 10-1558 ตรัง สภาพรถได้รับความเสียหาย กระจกแตกกระจัดกระจาย มีร่องรอยถูกเพลิงไหม้ ส่วนคนเจ็บเจ้าหน้าที่ทยอยนำส่งโรงพยาบาล และมีผู้เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล จำนวน 1 ราย
       
       จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า รถคันดังกล่าวเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อที่ไปยัง จ.สตูล เมื่อมาถึงที่บริเวณสามแยกกระโสม หมู่ 1 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พบว่า ที่นั่งคนขับชำรุดจึงแวะร้านซ่อมโครงเหล็กหลังคาเพื่อเชื่อมเก้าอี้ของคนขับรถ โดยผู้โดยสารทั้งหมดนั่งอยู่ในรถ ระหว่างนั้นมีไฟลุกไหม้ภายในรถทำผู้โดยสารสำลักควัน และไม่สามารถออกจากรถได้เนื่องจากประตูปิดล็อกอัตโนมัติ ทางเจ้าหน้าที่ได้พังกระจกหน้าต่างด้านข้างท้ายของรถเข้าช่วยเหลือ พร้อมนำส่ง รพ.พังงา
       
       สำหรับรถคันดังกล่าวมีผู้โดยสารทั้งหมดซึ่งสามารถช่วยเหลือโดยสารไว้ได้ จำนวน 21 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 13 ราย นำส่งโรงพยาบาลพังงา แบ่งเป็นชาย 3 คน ผู้หญิง 10 คน ในเบื้องต้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน สาหัส 4 คน 1 ในนั้น เสียชีวิตขณะนำส่ง รพ.พังงา 1 ราย ยังไม่ทราบชื่อชัดเจน
       
       เจ้าหน้าที่สอบสวน นายประเทือง สักแก้ว อายุ 54 ปี อยู่ 8/4 หมู่ 5 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พนักงานขับรถคันดังกล่าวทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถโดยสารประจำทางออกมาจาก บขส.ภูเก็ต มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองพังงา ระหว่างทางพบว่าเก้าอี้ที่ตนเองนั่งซึ่งเป็นเก้าอี้คนขับชำรุด และไม่สะดวกในการขับขี่ จึงได้จอดแวะที่ร้านซ่อมโครงเหล็กหลังคาเพื่อให้ช่างเชื่อมเหล็กได้เชื่อมขาเก้าอี้ ซึ่งทางช่างเชื่อมนำตู้เชื่อมเหล็กไฟฟ้าเข้าซ่อมขาเก้าอี้
       
       ขณะที่ช่างกำลังเชื่อมเก้าอี้ได้มีประกายไฟ และกระเด็นไปยังเบาะที่นั่งคนขับ และลุกลามขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายในรถไม่สามารถออกจากรถได้ เนื่องจากประตูล็อก ต่างก็ร้องได้ร้องขอความช่วยเหลืออยู่ภายในรถ จนมีพลเมืองดี เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย รพ.พังงา ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รถดับเพลิงได้เข้าทุบกระจกหน้าต่างข้างท้ายรถเพื่อนำผู้โดยสารออกจากรถ พร้อมนำส่ง รพ.พังงา
 
               

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ : 8 ตุลาคม 2558 15:04 น.


 ระทึก! รถทัวร์พุ่งตกถนนมิตรภาพโคราชหงายท้อง ตายอีก 3 ศพ เจ็บระนาว 26 ราย
รถทัวร์โดยสารประจำทาง พุ่งตกถนนพลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้า ถ.มิตรภาพ อ.คง จ.นครราชสีมา บาดเจ็บกว่า 30 ราย ติดอยู่ในรถกว่า 10 ราย จนท.และหน่วยกู้ภัยเร่งช่วยเหลือ วันนี้ ( 8 ต.ค.)

        ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ระทึก! รถทัวร์โดยสาร พุ่งตกถนนพลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้า ถ.มิตรภาพ อ.คง นครราชสีมา ตาย 3 ศพ บาดเจ็บกว่า 26 ราย ติดอยู่ในรถกว่า 10 ราย และแก๊สรั่วไหล จนท.หน่วยกู้ภัยเร่งใช้อุปกรณ์ตัดถ่างช่วยเหลือออกมาจากรถ นำส่งรพ.คนขับอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้
       
       เมื่อเวลา 12.55 น.วันนี้ ( 8 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 2 (ป. 2) สีส้มฟ้าทะเบียน 10-8318 นครราชสีมา เลขข้างรถ 262-5 สาย นครราชสีมา-อุดรธานี เสียหลักพุ่งตกถนนพลิกคว่ำอยู่ในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า บริเวณถนนมิตรภาพ หลักกม.ที่ 201-202 ช่วงทางโค้งหน้าสถานีไฟฟ้าบ้านตาชู ฝั่งขาออกตัวเมืองนครราชสีมา ต.ตาจั่น อ.คง จ.นครราชสีมา เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้รับบาดเจ็บประมาณ 26 ราย ติดอยู่ภายในรถกว่า 10 ราย และมีกลิ่นแก๊สรั่วไหลตลอดเวลา

       
       เจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลฉุกเฉินโรงพยาบาลพิมาย โรงพยาบาลโนนแดง โรงพยาบาลโนนสูง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 (ปภ.เขต 5) นครราชสีมา พร้อมด้วย อาสาสมัครหน่วยกู้ภัย มูลนิธิพุทธธรรมการกุศลนครราชสีมา (ฮุก 31) จุดคง -จุดโนนสูง , อบต.ตาจั่น ,มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน พิมาย และ ทีมตัดถ่างฮุก 31โนนสูง –จุดจอหอ เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเร่งใช้อุปกรณ์ตัดถ่างช่วยเหลือผู้บาดเจ็บออกมาจากตัวรถนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้งโรงพยาบาลโนนแดง โรงพยาบาลพิมาย และ โรงพยาบาลคง
       
       พร้อมใช้อุปกรณ์ตัดถ่างงัดนำร่างผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย ในติดอยู่ในรถออกมา รวมทั้งต้องคอยฉีดน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา เพราะเกรงจะเกิดระเบิดขึ้นจากแก๊สที่รั่วไหลออกมาจากถังเชื้อเพลิงของรถทัวร์อย่างต่อเนื่อง
       
       จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า รถทัวร์โดยสารคันดังกล่าววิ่งรับผู้โดยสารมาจากตัวเมืองนครราชสีมา มุ่งหน้าไปส่งผู้โดยสารที่ปลายทาง จ.อุดรธานี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีฝนตกและถนนกำลังก่อสร้าง รถได้เกิดเสียหลักพุ่งตกถนนพลิกคว่ำหลายตลบและลงไปติดอยู่ในคลองน้ำข้างทางในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าทำให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นไปด้วยความยากลำบาก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
       
       ส่วนคนขับรถทัวร์โดยสารอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนเพิ่มเติมและติดตามคนขับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดย MGR Online, 30 พฤศจิกายน 2558 08:50 น.

        อ่างทอง - รถทัวร์โดยสารกรุงเทพฯ-เชียงใหม่พลิกคว่ำตกข้างทางบริเวณถนนสายเอเชียขาเข้ากรุงเทพฯ หลักกิโลเมตรที่ 63+900 หมู่ 7 ตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 49 คน มีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนขับสารภาพหลับใน
       
       เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (30 พ.ย.) ร.ต.ท.นรงค์ ตาละอุปละ ร้อยเวร สภ.ไชโย จังหวัดอ่างทอง ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์โดยสารกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ตกถนนพลิกคว่ำข้างทาง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ที่บริเวณถนนสายเอเชียขาเข้ากรุงเทพฯ หลักกิโลเมตรที่ 63+900 หมู่ 7 ตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพิศ แจ้งสว่าง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สารวัตรเวร เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลไชโย เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลโพธิ์ทอง และเจ้าหน้าที่วีอาร์กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง
       
       ในที่เกิดเหตุพบรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ บริษัทอินทราทัวร์ หมายเลขทะเบียน 10-3611 เชียงใหม่ พลิกคว่ำตกอยู่ข้างทางมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถจำนวนมาก จึงเร่งทำการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลอ่างทอง โรงพยาบาลไชโย และโรงพยาบาลโพธิ์ทอง
       


       จากการสอบสวนเบื้องต้น นายชาญ บุญสาดี อายุ 59 ปี คนขับที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเบื้องต้นให้การว่า ได้บรรทุกผู้โดยสารออกมาจากจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 48 คน รวมคนขับ เด็กรถ และเสิร์ฟภายในรถอีก 3 คน รวมเป็น 51 คน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เกิดหลับในทำให้รถเสียหลักตกข้างทางมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 รายซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อและนามสกุล และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ในจำนวนนี้เป็นผู้โดยสารชาวต่างชาติอีกหลายคนดังกล่าว
       
       ด้าน ร.ต.ท.นรงค์เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในรถนำส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนแล้วมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ราย ส่วนสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำการสอบสวนคนขับอย่างละเอียดพร้อมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
           สำหรับผู้บาดเจ็บทราบชื่อเบื้องต้นแล้ว 14 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คือ
       1. นายสุวัฒน์ พลบูรณ์ อายุ 50 ปี
       2. น.ส.ฐิตินันท์ คำวงศ์ อายุ 21 ปี
       3. น.ส.ยุพารัตน์ แก่นแก้ว อายุ 21 ปี
       4. น.ส.กอลดา สรรพศรี อายุ 41 ปี
       5. Miss Michelle อายุ 22 ปี
       6. MR. Hansen Ivan อายุ 20 ปี
       7. นายอารักษ์ ห้าวหาญ อายุ 34 ปี
       8. นายวิโรจน์ ออมมูล อายุ 78 ปี
       9. นายประวิทย์ คุ้มทอง อายุ 48 ปี
       10. น.ส.นาลี มีสุวรรณ์ อายุ 44 ปี
       11. นายสุธี พรหมปัญญา อายุ 48 ปี
       12. MR. Bengmu อายุ 50 ปี
       13. Miss Ivancarl อายุ 20 ปี
       14. MR. Stener อายุ 20 ปี
       
       ส่วนผู้บาดเจ็บที่เหลือ และผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายยังไม่ทราบชื่อ

โดย MGR Online, 15 ธันวาคม 2558 08:54 น.


        มหาสารคาม - ทัวร์โดยสารสายกรุงเทพฯ-มุกดาหารเสียหลักลงข้างทางบาดเจ็บกว่า 20 ราย ต้องเร่งนำส่งโรงพยาบาล คาดคนขับหลับในจนทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง
       
       เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) พ.ต.ท.สมมาส สถิตวัฒน์ ร้อยเวร สภ.เมืองมหาสารคาม รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองมหาสารคามว่าเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารพลิกคว่ำที่บริเวณบ้านท่าแร่ ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
       
       หลังทราบเหตุจึงได้รีบประสานหน่วยกู้ภัยจีเสียงเกาะ หน่วยกู้ภัยเทพนิมิตร หน่วยกู้ภัยอโสก กู้ชีพ อบต.แก่งเลิงจาน และเจ้าหน้าที่กู้ชีพจากโรงพยาบาลมหาสารคามจำนวนกว่า 10 คันไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
       
       ถึงที่เกิดเหตุพบรถทัวร์สีขาวคาดฟ้า สายกรุงเทพฯ-มุกดาหาร หมายเลขข้างรถ 927-36 ม 1 ข หมายเลขทะเบียน 10-3067 ร้อยเอ็ด พุ่งชนต้นไม้อยู่ข้างถนน สภาพด้านหน้ากระจกแตก มีผู้ได้รับบาดเจ็บกำลังร้องส่งเสียงด้วยความเจ็บปวดจำนวน 24 ราย
       
       เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วน ก่อนนำส่งโรงพยาบาลมหาสารคาม 19 ราย โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มมส. 5 ราย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป

       
      พ.ต.ท.สมมาส สถิตวัฒน์ ร้อยเวร สภ.เมืองมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่ารถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวออกจากสถานีขนส่งหมอชิต เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. เพื่อมุ่งหน้าไปที่ จ.มุกดาหาร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุผู้โดยสารส่วนใหญ่นอนหลับ มารู้สึกอีกทีก็ตอนเกิดเหตุแล้ว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถนนมี 4 เลน และเป็นทางตรง คาดว่าคนขับน่าจะหลับในรถจึงพุ่งลงข้างทางจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่นำเข้าห้องผ่าตัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม จะนำพนักงานขับรถมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

โดย MGR Online, 20 ธันวาคม 2558

       ลำปาง - รถทัวร์โดยสารพุ่งชนท้ายพ่วง 18 ล้อ กลางความมืดบนถนนลำปาง-ตาก ผู้โดยสารชาวไทย-ต่างชาติ เจ็บระนาว 12 ราย
       
       ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้รับแจ้งว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางสายขอนแก่น - เชียงใหม่ ของบริษัท อีสานทัวร์ 2514จำกัด ซึ่งเป็นรถร่วมให้บริการของ บขส. ชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บนถนนพหลโยธินสายลำปาง - ตาก ขาเข้า จ.ลำปาง เขตบ้านลำปางกลาง ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง ก่อนถึงตัวเมืองลำปาง 15 กิโลเมตร เมื่อเวลา 19.15 น.(19 ธ.ค. ) ส่งผลทำให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางความมืด และการจราจรที่ติดขัดยาว
       
       พ.ต.ต.กมล คิดอ่าน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยอัมรินทร์ เทศบาลเมืองเขลางค์นคร อ.เมือง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยใกล้เคียง ได้รีบเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พบรถโดยสารประจำทาง ทะเบียน 10 - 7606 จ.ขอนแก่น เลขข้างรถ ม.2 175 - 32 สภาพด้านหน้ารถพังยุบ กระจกหน้ารถแตก คนขับรถโดยสารได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง


       ส่วนผู้โดยสารที่มากับรถคันดังกล่าวกว่า 18 คน ได้รับบาดเจ็บ 12 คน เป็นชาวมาเลเซีย และจีน 2 คน พระ 2 รูป และผู้โดยสารชาวไทย 8 คน ได้รับการปฐมพยาบาล และนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเช่นกัน
       
       จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า รถทัวร์โดยสารประจำทางคันดังกล่าว และรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 70 - 5912 จ.เชียงราย ที่มี
       
       นายกัน เกิดน้อย อายุ 49 ปี ชาว ต.แม่ลอย อ.เทิง จ.เชียราย คนขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 70 - 5912 จ.เชียงราย ของบริษัท พยัคฆ์ขนส่ง จำกัด ซึ่งเป็นรถคู่กรณี ได้ให้การว่า ได้ขับรถมาในเส้นทางเดียวกันกับรถทัวร์ ซึ่งเป็นทางตรง โดยขับนำหน้ารถทัวร์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามีรถจักรยานยนต์ ซึ่งน่าจะเป็นชาวบ้านอยู่ละแวกนี้ล้มขวางถนนอยู่ จึงทำให้ต้องหักหลบ และเบรกอย่างกะทันหัน ส่งผลทำให้รถทัวร์โดยสารประจำทาง ที่วิ่งตามมาด้วยความเร็วพุ่งชนท้ายทันที
       
       นายกัน บอกอีกว่า หลังเกิดเหตุตนก็ได้บันทึกป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ล้มขวางถนน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ไว้ และมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานนำตัวมาสอบสวน เนื่องจากหลังเกิดเหตุคนขับขี่รถจักรยานยนต์ก็ได้รีบขับขี่รถหนีไปทันที

โดย MGR Online, 24 มกราคม 2559 13:49 น.


        นครพนม - ฝนตกถนนลื่น บัสโดยสารสหมิตรแหกโค้งชนต้นไม้ดับคาที่ 2 ศพ สังเวยถนนมรณะ ธาตุพนม-มุกดาหาร บาดเจ็บอีกนับ 10 ราย
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ (24 ม.ค.) ร.ต.อ.ชยพัทธ์ โพธิจักร พนักงานสอบสวนเวร สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 190 มีอุบัติเหตุรถบัสโดยสารชนต้นไม้ บริเวณถนนหลวง หมายเลข 212 ธาตุพนม-มุกดาหาร ห่างจาก อ.ธาตุพนมประมาณ 16 กิโลเมตร มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
       
       จึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.ธีร์รัฐ ทิพย์นพนนท์ ผกก.สภ.ธาตุพนม พร้อมประสานไปยัง เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชอำเภอธาตุพนม กู้ชีพ อบต.อุ่มเหม้า หน่วยกู้ภัยอำเภอธาตุพนม ระดมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
       
       ในที่เกิดเหตุห่างจากทางโค้งประมาณ 50 เมตร พบรถมินิบัสโดยสาร บริษัทสหมิตรอุบลฯ สีขาว แถบเขียวเหลือง หมายเลข ม2. 256-5 ทะเบียน 10-6624 อุบลราชธานี เสียหลักแหกโค้งอยู่ในสภาพพลิกคว่ำชนต้นไม้ตะแคงด้านขวาตกไหล่ถนนฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปยัง จ.มุกดาหาร ประมาณหลัก กม.ที่ 16 ห่างจาก อ.ธาตุพนม จ.นครพนม อยู่ในเขตบ้านอุ้มเหม้า หมู่ 1 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

       
       เจ้าหน้าที่จึงระดมช่วยเหลือผู้โดยสารที่ติดในรถได้บาดเจ็บทั้งหมดจำนวน 10 ราย มีสาหัสจำนวนประมาณ 2 ราย และยังพบว่ามีเด็กชายอายุ 5 ขวบนั่งมาในรถได้รับบาดเจ็บด้วย ทั้งหมดถูกนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชอำเภอธาตุพนม
       
       นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบศพผู้โดยสารกระเด็นออกมาจากรถ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ราย คือ นายทวีศักดิ์ ศรีสงค์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 1 ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม และ นายประจิต เสาหงส์ อายุ 45 ปี
       
       ส่วนคนขับทราบชื่อภายหลังคือ นายนิรันดร์ ฝาระมี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 8 ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ไม่ได้รับบาดเจ็บ ยังรออยู่ที่ที่เกิดเหตุ เพื่อให้การเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐาน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประกอบการดำเนินคดี
       
       เบื้องต้นจากการสอบสวน นายนิรันดร์ ฝาระมี อายุ 51 ปี คนขับรถ ให้การว่า ได้รับผู้โดยสารออกมาจาก จ.นครพนมในเวลาประมาณ 09.00 น. จำนวนทั้งหมด 12 คน รวมตนเองเป็น 13 คน ซึ่งรถมินิบัสดังกล่าวนั่งได้ทั้งหมดประมาณ 24 ที่นั่ง โดยปกติจะรับผู้โดยสารจากนครพนม-อ.ธาตุพนม และมุกดาหาร เพื่อมุ่งหน้าไป จ.อุบลราชธานี
       
       เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมีฝนตก บวกกับเป็นทางโค้ง ทำให้รถเสียหลักท้ายสะบัด จึงพยายามประคองรถให้อยู่ในถนน แต่ถนนลื่นทำให้รถเสียหลักไปพุ่งชนต้นไม้ข้างถนน ก่อนพลิกคว่ำตะแคงไถลไปชนต้นไม้อีกต้น ซึ่งยืนยันว่าขับประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพราะรถมีระบบควบคุมความเร็ว แต่สาเหตุมั่นใจว่ามาจากถนนลื่นจากฝนตก จึงบังคับรถไม่อยู่ ยอมรับว่าสุดความสามารถ
       
       ส่วนผู้เสียชีวิตนั่งมาช่วงเบาะหลัง ทำให้ตกออกจากรถเป็นเหตุให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะได้เร่งสอบสวนโดยละเอียดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับญาติที่ต้องการสอบถามติดต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ สามารถติดต่อได้ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อำเภอธาตุพนม
       
       ขณะเดียวกันทาง ว่าที่ ร้อยตรี ยอดเพ็ชร คำแสงดี รองผู้อำนวยการแขวงการทางนครพนม และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ประกาศเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนในเส้นทางสาย อ.ธาตุพนม มุ่งหน้าไปยัง จ.มุกดาหาร เนื่องจากเป็นเส้นทางสายหลักที่มีการจราจรคับคั่ง บวกกับถนนแคบไม่มีไหล่ทาง ทำให้เกิดอุบัติเสียชีวิต รายวัน จนชาวบ้านเรียกว่า ถนนมรณะ ควรงดใช้ความเร็ว และปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่แซงในที่คับขันห้ามแซง
       
       ที่ผ่านมาชาวบ้านได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เร่งจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาขยายช่องทางจราจรเพื่อความปลอดภัยผู้ใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

โดย MGR Online, 18 มีนาคม 2559 10:44 น. (แก้ไขล่าสุด 18 มีนาคม 2559 10:55 น.)


       ฉีกผ่าครึ่งคัน! บัสสองชั้น “กรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด” ซิ่งชนท้ายพ่วง 18 ล้อ ดับ 4 ศพ เจ็บ 26 รายที่โคราช
รถบัสโดยสาร 2 ชั้น สายกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด ซิ่งสยองชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พังยับเยินสภาพฉีกผ่าครึ่งคัน เสียชีวิตคาที่ 4 ศพ เจ็บระนาวนับ 19 คน บน ถ.มิตรภาพ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา

        ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อุบัติเหตุหมู่ รถบัสโดยสาร 2 ชั้นสายกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด ซิ่งสยองชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อพังยับเยินสภาพฉีกผ่าครึ่งคัน เสียชีวิตคาที่ 4 ศพ เจ็บระนาว 26 ราย สาหัส 3 ราย บน ถ.มิตรภาพ โนนสูง จ.นครราชสีมา ขณะคนขับหนีลอยนวล



       
       วันนี้ (18 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.อภินันท์ ปลื้มมะเริง พนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสารประจำทางพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย บนถนนมิตรภาพ ขาออกตัวเมืองนครราชสีมา บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 168-169 บ้านทองหลาง ต.โตนด อ.โนนสูง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิพุทธธรรม (ฮุก 31) นครราชสีมา จุดโนนสูง, จอหอ, โนนไทย และจุดเมืองนครราชสีมา
       
       ในที่เกิดเหตุพบรถบัสโดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 1 ขนาด 2 ชั้น สายกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด หมายเลขข้างรถ 24-12 ทะเบียน 10-3934 ร้อยเอ็ด ของบริษัท สหพันธ์ร้อยเอ็ดทัวร์ จำกัด สภาพด้านหน้าซีกซ้ายของรถบัสพังยับเยินฉีกขาดหายไปครึ่งคัน สัมภาระผู้โดยสารตกกระจายเกลื่อนถนน มีผู้โดยสารที่นั่งมาในรถเสียชีวิตคาที่ 4 ราย เป็นชายทั้งหมด ในจำนวนนี้มีทหารในเครื่องแบบ 1 ราย
       
       นอกจากนี้ มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 26 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ภัยช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลโนนสูง โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา ส่วนผู้เสียชีวิตนำส่งโรงพยาบาลโนนสูง ขณะที่ผู้โดยสารที่เหลืออีกประมาณ 20 คนปลอดภัยแต่อยู่ในอาการตกใจเป็นอย่างมาก
       
       บริเวณใกล้กันพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกยางมะตอย ทะเบียน 70-9700 ชลบุรี สภาพท้ายรถถูกชนเสียหาย และอุบัติเหตุดังกล่าวส่งผลให้การจราจรบนถนนมิตรภาพช่วงที่เกิดเหตุรถติดยาวเหยียดกว่า 5 กิโลเมตร (กม.)
       
       จากการสอบสวนทราบว่ารถบัสโดยสารคันดังกล่าวรับผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้า จ.ร้อยเอ็ด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เกิดมีปัญหาระบบเบรกจนคนขับควบคุมรถไม่อยู่ จึงพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้ออย่างจังเสียงดังสนั่นทำให้ตัวรถฉีกขาดไปครึ่งคัน และรถบัสยังไถลไปไกลกว่า 800 เมตร ทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ด้านซ้ายถูกแรงกระแทกกระเด็นร่วงเกลื่อนถนนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว ส่วนคนขับรถบัสโดยสารได้หลบหนีไป
       
       ผู้โดยสารรายหนึ่งเล่าว่า นั่งโดยสารอยู่เบาะที่นั่งด้านหลังคนขับ โดยคนขับนั้นเพิ่งสับเปลี่ยนเป็นคนขับสำรองที่ 2 ระหว่างจอดที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากนั้นได้ขับรถมาด้วยความเร็วสูง ก่อนได้ยินคนขับร้องว่าเบรกไม่อยู่กระทั่งเสียหลักพุ่งชนรถบรรทุกพ่วง
       
       ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมสอบปากคำผู้โดยสารเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุหมู่ครั้งนี้ พร้อมติดตามคนขับรถบัสโดยสารคันเกิดเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดย MGR Online, 23 พฤษภาคม 2559 09:05 น.


       เพชรบุรี - ทัวร์โดยสาร VIP 2 ชั้น ของบริษัทโชคอนันต์ทัวร์ สายกรุงเทพฯ-ชุมพร เสียหลักพลิกคว่ำชนเสาไฟฟ้าบริเวณถนนจุดโค้งบ้านหัวดอน เมืองเพชรบุรี ฝั่งขาเข้า กทม.มีผู้เสียชีวิต 7 ราย เจ็บ 24 ราย
       

       
       เมื่อเวลา 03.15 น. วันนี้ (23 พ.ค.) ร.ต.ท.สุรกิจ วรนาม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์โดยสาร 2 ชั้ นของบริษัทโชคอนันต์ทัวร์ สายกรุงเทพฯ-ชุมพร เสียหลักพลิกคว่ำชนเสาไฟฟ้าบริเวณถนนจุดโค้งบ้านหัวดอน หมู่ 8 ต.หัวสะพาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ฝั่งขาเข้า กทม. ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงเร่งประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสรรเพชญธรรมสถาน และรถกู้ชีพโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี รถกู้ชีพโรงพยาบาลเพชรรัชต์ สนับสนุนที่เกิดเหตุ พร้อมรุดตรวจสอบ
       
       ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์โดยสาร 2 ชั้น หมายเลขทะเบียน 10-0955 ชุมพร อยู่ในสภาพพลิกคว่ำตะแคง ในที่เกิดเหตุมีโดยสารต่างกระเด็นกระดอนออกมาอยู่นอกตัวรถ บางรายถูกรถทับ และเสาไฟฟ้าทับ ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บอาการสาหัสหลายราย เจ้าหน้าที่ต่างเร่งให้การช่วยเหลือนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเขาย้อย โรงพยาบาลเมืองเพชร-ธนบุรี โรงพยาบาลเพชรรัชต์ และโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี อย่างเร่งด่วน
       
       จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่า มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จำนวน 6 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 7 ราย โดยมีคนขับเสียชีวิตด้วย ทราบชื่อคือ นายเลอศักดิ์ แท่นอินทร์ ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดยังไม่ทราบชื่อ มีผู้บาดเจ็บทั้งหมดรวม 24 ราย
       
       จากการสอบถาม นายภูมิ อรุณโชติ อายุ 41 ปี ผู้โดยสารที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ กล่าวว่า รถทัวร์ที่นั่งมาเป็นรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพ-ชุมพร ออกมาจาก จ.ชุมพร เมื่อเวลา 21.30 น. เป็นรถ VIP 35 ที่นั่ง ที่มีผู้โดยสารนั่งมาเต็มคันรถ โดยคนขับขับรถด้วยความเร็ว
       
       จนกระทั่งก่อนถึงจุดเกิดเหตุสังเกตว่า รถมีอาการส่ายไปมา ตนจึงได้รัดเข็มขัดนิรภัยเพื่อป้องกันไว้ก่อน จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุมีความรู้สึกว่าบริเวณหัวรถได้เสียหลัก และหมุนจนพลิกคว่ำ โดยผู้โดยสารที่นั่งมาในรถซึ่งไม่มีใครคาดเข็มขัด และกำลังนั่งหลับต่างกระเด็นไปคนละทิศทาง ส่วนตนรัดเข็มขัดไว้จึงไม่หลุดลงมา แต่คนที่นั่งมาด้านข้างนั้นเสียชีวิต ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าเกิดจากถนนลื่น ประกอบกับรถขับมาด้วยความเร็วจนทำให้เสียหลักพลิกคว่ำดังกล่าว แต่ไม่ทราบว่าคนขับเกิดการหลับในหรือไม่
       
       นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังมีเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่น 1 ต้น ทำให้ไฟดับหลายพื้นที่ และเกิดไฟฟ้าช็อตเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง และเร่งประสานการไฟฟ้าฯ ให้ตัดกระแสไฟ และเร่งช่วยเหลือลำเลียงผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง

โดย MGR Online, 3 สิงหาคม 2559 08:01


        ตาก - เกิดอุบัติเหตุหมู่แต่เช้ามืด รถทัวร์ บขส.รับคนจากกรุงเทพฯ ขึ้นเหนือ พอมาตากคาดคนขับหลับในพุ่งชน 10 ล้อ ก่อนเสียหลักตกข้างทางพลิกตะแคงหน้าปั๊มแก๊ส LPG เทผู้โดยสารกองกันอยู่ข้างรถ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เจ็บอีก 14
       
       วันนี้ (3 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านตาก อ.บ้านตาก จ.ตาก ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารชนกับรถบรรทุกบริเวณถนนพหลโยธิน สายตาก-ลำปาง หลัก กม.ที่ 549 เลยโค้งโรงพยาบาลบ้านตากไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร คาดว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อเวลา 04.00 น.เศษที่ผ่านมา จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยจังหวัดตาก 7 หน่วยงาน
       
       เมื่อไปถึงพบรถทัวร์โดยสารประจำทางของบริษัทขนส่ง (บขส.) สายกรุงเทพฯ-ลำพูน หมายเลขทะเบียน 15-6080 กรุงเทพมหานคร มีนายรักษ์พล อุปาละ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 45/109 หมู่ที่ 10 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นคนขับรถ สภาพรถตกลงข้างทาง พลิกตะแคงบริเวณหน้าปั๊มแก๊ส LPG
       
       โดยมีผู้โดยสารจำนวน 27 รายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย-ปานกลาง นำส่งโรงพยาบาลบ้านตาก 15 ราย หนึ่งในนั้นมีอาการสาหัส เป็นหญิงสูงอายุ 1 ราย ซึ่งได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับรถทัวร์ และพนักงานประจำรถ รวม 3 คนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
       
       ใกล้กันพบรถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 60-6046 จังหวัดนครปฐม มีนายสุวรรณ์ แก้วไสย อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/95 หมู่ที่ 5 ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม เป็นคนขับรถ สภาพด้านหน้าขวาของรถมีร่องรอยถูกชนได้รับความเสียหายเล็กน้อย จอดอยู่ข้างทางห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร
       
       จากการสอบสวนทราบว่ารถทัวร์โดยสารได้รับผู้โดยสารมาจากกรุงเทพฯ กำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังจุดหมายจังหวัดลำพูน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนพหลโยธิน สายตาก-ลำปาง ซึ่งเป็นทางเบี่ยง รถวิ่งสวนทางกัน เลยโรงพยาบาลบ้านตากมาได้เพียง 2 กิโลเมตร คนขับรถทัวร์หลับในทำให้รถไปชนกับรถบรรทุก 6 ล้อที่วิ่งสวนทางมา ก่อนพุ่งตกถนน ทำให้รถพลิกตะแคง ผู้โดยสารเทกองกันอยู่ที่ด้านซ้ายของรถ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

โดย MGR Online, 5 สิงหาคม 2559 09:31 น.


       ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รถทัวร์โดยสารสายกรุงเทพฯ-พนมไพร เสียหลักพุ่งชนประสานงาบรรทุก 10 ล้อพังยับ บน ถ.มิตรภาพ โคราช ดับคาที่ 6 ศพ รวมคนขับทั้ง 2 คันด้วย และบาดเจ็บระนาวร่วม 40 ราย คาดฝนตกหนักถนนลื่นเป็นเหตุให้รถทัวร์เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนชนประสานงากับรถบรรทุกอย่างจัง
       
       เมื่อเวลา 01.30 น. วันนี้ (5 ส.ค.) ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 103 ถ.มิตรภาพ ฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 1 สายกรุงเทพฯ-พนมไพร ขนาด 2 ชั้น ของบริษัท ประหยัดทัวร์ หมายเลขทะเบียน 10-8029 นครราชสีมา ชนประสานงากับรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 74-4602 กรุงเทพฯ ของ หจก.มีเส็งศักดิ์ชัยขนส่ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
       
       จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีคิ้ว ทราบว่ารถทัวร์โดยสารดังกล่าวมุ่งหน้านำผู้โดยสารไปส่งที่ปลายกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้รถเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนประสานงากับรถบรรทุก 10 ล้อขนสินค้ามาเต็มคันรถที่วิ่งสวนทางมาอย่างจัง สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 6 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนขับรถทัวร์โดยสารและรถบรรทุก 10 ล้อรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บอีก 39 ราย อาสาสมัครกู้ภัยได้ช่วยกันลำเลียงส่งรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง
       
       สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากฝนตกหนักถนนลื่นทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

โดย MGR Online, 22 เมษายน 2560

ตาก - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-ลำปาง พุ่งชนท้ายรถสิบล้อคว่ำกลางถนนตาก หน้ารถพังยับ อัดหนุ่มพนักงานประจำรถตัวขาดดับสยองคาซาก เจ็บอีก 6 ราย

วันนี้ (22 เม.ย.) พ.ต.ท.สุรัตน์ นิจสินธุ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.สามเงา อ.สามเงา จ.ตาก ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทัวร์ชนกับรถบรรทุก 10 ล้อ มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย บริเวณถนนพหลโยธินขาขึ้น ช่วงหลัก กม.ที่ 572-573 ก่อนถึงร้านปืนใหญ่เมืองฉอด ประมาณ 1 กม.เมื่อ 04.00 น.เศษที่ผ่านมา จึงเดินทางไปตรวจสอบช่วยเหลือ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยตากร่วมใจสงเคราะห์
       
       เมื่อไปถึงพบรถทัวร์โดยสารประจำทางของบริษัท พรพิริยะทัวร์ สายกรุงเทพฯ-ลำปาง ม.4 ข สี ขาว-ฟ้า หมายเลขข้างรถ 91-18 หมายเลขทะเบียน 10-3060 มี นายโยธิน หวยพระ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/1 หมู่ที่ 2 ต.ดงมูลเหล็ก อ.เมืองเพชรบูรณ์ เป็นคนขับ ชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-2408 เชียงใหม่ ที่บรรทุกอาหารสัตว์มาเต็มคันรถ จำนวน 15 ตัน มี นายอนุวัฒน์ รอดเดชา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/348 ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง เป็นคนขับ
       
       พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายจรัญ โต๊ะฉิม อายุ 21 ปี เป็นพนักงานประจำรถ และผู้บาดเจ็บประกอบด้วย คนขับรถทัวร์ 1 คน อาการสาหัส พนักงานต้อนรับบนรถ หญิง 1 คน บาดเจ็บเล็กน้อย และผู้โดยสารชายทั้งหมด 4 คน บาดเจ็บเล็กน้อย รวมผู้บาดเจ็บทั้งหมด 6 คน หน่วยกู้ภัยตากร่วมใจสงเคราะห์ จึงทำการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลสมาเงา เพื่อทำการรักษาต่อไป
              สอบสวนทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าวรับผู้โดยสารจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 4 คน มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปจังหวัดลำปาง โดยมีพนักงานประจำรถพร้อมคนขับรวม 3 คน วิ่งมาด้วยความเร็ว มาถึงที่เกิดเหตุถนนมืด และอาจเกิดการหลับในจึงทำให้รถพุ่งชนท้ายรถ 10 ล้อ ที่บรรทุกอาหารสัตว์มาเต็มคันรถอย่างจัง
       
       จากนั้นรถทั้ง 2 คันเสียหลักชนข้างทางด้านซ้าย จนรถ 10 ล้อพลิกคว่ำตะแคง อาหารสัตว์กระจายเกลื่อนพื้นถนน ด้านหน้ารถทัวร์ชนอัดติดกับท้ายรถ 10 ล้อพังยับเยิน เป็นเหตุให้นาย นายจรัญ โต๊ะฉิม อายุ 21 ปี พนักงานประจำรถที่นั่งมาด้านหน้าถูกอัดติดอยู่ในซากรถจนตัวขาดร่างเละ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
       
       หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังช่วยกันกวาดเม็ดอาหารสัตว์ที่ร่วงหล่นลงพื้นถนน พื่อป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม MGR Online, 8 เมษายน 2560


หวิดขาดอากาศหายใจ รถทัวร์ปรับอากาศบุษราคัมทัวร์ วิ่งรับผู้โดยสารกรุงเทพฯ - หนองบัวลำภู จอดเสียข้างทาง สตาร์ทเครื่องขังผู้โดยสาร 54 คน นอนคอยบนรถนาน 4 ชั่วโมง ไม่มีรถมาเปลี่ยน
       
       เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 60 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีรถทัวร์ปรับอากาศจอดเสียและปล่อยผู้โดยสารนอนอยู่บนรถไม่มีอากาศหายใจ จึงต้องโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 มาช่วยเปิดประตูรถให้ ที่บริเวณถนนพหลโยธินขาออก หน้าห้างแม็คโคร รังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
       
       ที่เกิดเหตุพบผู้โดยสารจำนวนมากมาลงมานั่งกับพื้นริมถนน โดยมีรถปรับอากาศร่วมบริการบริษัทขนส่ง จำกัด ของบุษราคัมทัวร์ สีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน 14-1323 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ ม4 ข5-10 วิ่งรับผู้โดยสารกรุงเทพฯ หนองบัวลำภู ศรีเชียงใหม่ จอดติดเครื่องยนต์อยู่ข้างทางจนฝ้าขึ้นกระจก นายสมาน หาหอม อายุ 31 ปี บอกว่า ตนเองพร้อมผู้โดยสารทั้งหมดนั่งรถคันดังกล่าวออกมาจากหมอชิต ตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าๆ โดยก่อนที่รถคันนี้จะออกขนส่งหมอชิตได้มีควันขึ้นอยู่ที่ท้ายรถและไม่พร้อมที่จะบริการ พอรถวิ่งมาถึงที่ซื้อตั๋วโดยสารของบริษัท บุษราคัมทัวร์ ประมาณ 01.00 น. คนขับรถกับเด็กรถก็ได้นำรถจอดอยู่ข้างทางและสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ และให้ผู้โดยสารนอนอยู่บนรถ
       


       ส่วนคนขับกับเด็กรถลงไปนอนที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ซึ่งตนเองเห็นว่า เวลาผ่านไป 4 ชั่วโมงแล้ว คนขับยังไม่กลับมาที่รถ และรถก็เปิดประตูออกไปข้างนอกไม่ได้ ทำให้ผู้โดยสารทั้งหมด 54 คน เริ่มหายใจไม่ออก เพราะอากาศไม่ได้ถ่ายเท ตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ พอออกมาจากรถได้ ตนจึงเดินไปถามคนขับรถ ว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมไม่ออกรถ แต่คนขับไม่ยอมคุยด้วย จึงทำให้ผู้โดยสารทุกคนต่างนั่งรอและบางคนรอไม่ไหวก็ไปขึ้นรถคันก่อน เพื่อที่จะกลับบ้านองตนเอง
       
       ด้านคนขับรถบอกกับผู้สื่อข่าว ว่า รถเสียและขณะนี้ได้ติดต่อไปทางบริษัท บุษราคัมทัวร์ แล้ว ให้นำรถมารับผู้โดยสารจำนวน 2 คัน ซึ่งได้ขับออกมาจากย่านวิภาวดี แต่ไม่ทราบว่าทำไมรถมาช้า จึงทำให้ผู้โดยสารต้องรอนานขนาดนี้ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังสังเกตรถทัวร์คันดังกล่าวใบภาษีหมดอายุตั้งแต่ปี 2559 แต่ทำไมยังวิ่งรับส่งผู้โดยสารอยู่ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขตรงจุดนี้ด้วย เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับผู้โดยสารได้หากเกิดเหตุขึ้น

***

*****

โดย MGR Online, 4 กรกฎาคม 2560


นครสวรรค์ - เกิดอุบัติเหตุรถโดยสารกรุงเทพฯ-ทุ่งช้าง บ.เชิดชัยทัวร์ มุ่งหน้าเข้ากรุง เสียหลักตกถนนพุ่งลงน้ำ ริม ถ.นครสวรรค์-พิษณุโลก อ.พรรพตพิสัย คนขับจมน้ำดับคาพวงมาลัย ผู้โดยสาร 28 ชีวิตทุบกระจกหนีตายสุดระทึก เจ็บ 17 ราย
       
       วันนี้(4 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ปรับอากาศชั้น 1 กรุงเทพฯ-ทุ่งช้าง เสียหลักตกถนน พุ่งลงน้ำ บนเส้นทางสาย 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก กม.ที่ 37-38 เขต ต.หนองกรด อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เมื่อเวลา 02.45 น.ที่ผ่านมา ทำให้คนขับเสียชีวิต 1 ราย ผู้โดยสารบาดเจ็บหลายราย
              เบื้องต้น พบว่า รถทัวร์โดยสารที่ประสบอุบัติเหตุ เป็นรถ ป.1 กรุงเทพฯ-ทุ่งช้าง ของบริษัทเชิดชัยทัวร์ ที่มุ่งหน้ามาจากจังหวัดน่าน มีผู้โดยสารนั่งมาในรถทั้งหมด 28 คน ได้รับบาดเจ็บ 17 คน ทั้งแขน-ขาหัก ลำตัวมีบาดแผล เจ้าหน้าที่ชมรมกู้ภัยนครสวรรค์ ได้ระดมกำลังเข้าเข้าช่วยเหลือ รีบนำตัวส่ง รพ.เก้าเลี้ยว รพ.บรรพตฯ และ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ ส่วนคนขับเสียชีวิตคาที่
       
       จากการสอบถามพบว่ารถทัวร์คันดังกล่าวรับผู้โดยสารมาจากจังหวัดน่าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถเกิดการเสียหลัก ทำให้ไหลลงข้างทางตกลงไปในน้ำ คนขับไม่สามารถออกมาได้ ส่วนผู้โดยสารที่มีสติจึงช่วยกันทุบกระจกรถแล้วรีบหนีออกมาก่อนที่น้ำจะเข้ารถ และได้ทยอยช่วยคนเจ็บออกมาจนหมดเหลือแต่คนขับรถที่เสียชีวิตตอนนี้ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้

โดย: MGR Online, 6 เม.ย. 2561 10:34: 



ลำปาง - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์วีไอพีสมบัติทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงของ-เชียงรายแฉลบลงข้างทาง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 61-62 เขตบ้านแม่ตีบ ต.แม่ตีบ อ.งาว จ.ลำปาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 13 อาการหนัก 3 คน


วันนี้ (6 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว โดย ร.ต.อ.ศุภชัย กันทะวงศ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.งาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลงาว, เจ้าหน้าที่กู้ภัยงาว, เจ้าหน้าที่กู้ภัยแม่ตีบ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยลือชาพะเยา ได้ระดมรถเข้าตรวจสอบและนำกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุหมู่รถโดยสารประจำทาง สายกรุงเทพมหานคร-เชียงของ จ.เชียงราย ของบริษัท สมบัติทัวร์ จำกัด รถร่วม บขส. ทะเบียน 15-9272 กรุงเทพมหานคร

หลังเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งตกลงไปริมถนนก่อนที่จะชนต้นไม้ใหญ่และพลิกตะแคงข้าง เหตุเกิดขึ้นบนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 103 สาย อ.งาว ลำปาง-อ.สอง แพร่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 61-62 เขตบ้านแม่ตีบ ต.แม่ตีบ อ.งาว จ.ลำปาง

ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 13 คน สาหัส 3 คน เป็นผู้โดยสารรวมคนขับรถ และมีผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นพนักงานต้อนรับหญิงบนรถ (ยังไม่ทราบชื่อ) ซึ่งศพติดอยู่บริเวณหน้ารถที่กระจกหน้าแตกยับเยิน และเสียหายยุบเข้าไปข้างใน หลังพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ริมถนนและรถเสียหลักแฉลบไถลลงข้างทางประมาณ 2-3 เมตร

เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยลือชาพะเยาได้นำเครื่องตัดถ่างลงไปงัดเอาร่างของผู้เสียชีวิตออกมา ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพ และกู้ภัยได้เร่งนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภองาวแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน นายมนเทียร นาคสวาดิ์ อายุ 57 ปี คนขับรถทัวร์บอกว่า ตนเป็นคนขับคนที่ 2 ผลัดเปลี่ยนจากคนขับที่ 1 ที่จังหวัดพิษณุโลก โดยได้รับผู้โดยสารมากับรถคันดังกล่าว 27 คน ออกจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าจังหวัดเชียงราย ก่อนเกิดอุบัติเหตุเป็นเส้นทางตรง และในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุในเช้าวันนี้ในพื้นที่อำเภองาวมีหมอกลงหนาปกคลุมจำนวนมากจากเส้นทางที่ตัดผ่านหุบเขา

เบื้องต้นคาดว่าคนขับอาจจะเกิดหลับใน ซึ่งจะต้องสอบสวนคนขับรถคันดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง

*****

บขส.ผวารับผู้โดยสารกลับจากอิหร่านติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สั่งพนักงานขับรถหยุดปฏิบัติหน้าที่และกักตัว 14 วัน

ตามที่มีผู้โดยสารเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน ได้เดินทางมายังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนี และได้นั่งรถโดยสารร่วมบริการฯ เส้นทาง กรุงเทพฯ – นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 โดยภายหลังตรวจพบว่าผู้โดยสารติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทางด้านนายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีการประสานงานกับสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งทันทีที่ทราบว่ามีผู้โดยสารติดเชื้อ COVID-19 ทางผู้ประกอบการรถร่วมฯ ได้พักรถโดยสาร และนำรถไปล้างทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคทันที



 รวมทั้งมีการตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมเดินทาง เพื่อแจ้งไปยังสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการ Quarantine ต่อไป และได้สั่งให้พนักงานขับรถ หยุดปฏิบัติหน้าที่และกักตัว14 วัน เพื่อเฝ้าระวัง อย่างไรก็ดีกระทรวงสาธารณสุขได้มีการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดได้หมดแล้ว และยืนยันว่าการติดเชื้อโควิด-19 มาจากละอองฝอยขนาดใหญ่จากการไอจามเท่านั้น และต้องในรัศมี 1 เมตร หากไม่ใช่เกณฑ์ตามนี้ก็ไม่ใช่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง



นอกจากนั้นบริษัทฯ มีการดำเนินการตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเคร่งครัด โดยสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. ทุกแห่ง มีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่มาใช้บริการ และได้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคทุกวัน โดยใช้แอลกอฮอล์และน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดทำความสะอาดพื้นอาคาร เก้าอี้พักคอยผู้โดยสาร เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว บริเวณห้องโถงผู้โดยสาร ห้องสุขา รถเข็น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง เช่น เคาน์เตอร์บริการ ที่จับราวบันได ปุ่มกดลิฟท์ เป็นต้น



ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ปฎิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่มาใช้บริการ และพนักงาน และขอความร่วมมือผู้โดยสารให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจคัดกรอง และไม่ปกปิดข้อมูลการเดินทางของตนเอง

เผยแพร่: 17 เม.ย. 2564, 19 เม.ย. 2564 
โดย: ผู้จัดการออนไลน์, เดลินิวส์


นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลงดาบ บริษัท 407 พัฒนา จำกัด เจ้าของรถทัวร์หมายเลขทะเบียน 10-7387 อุดรธานี เส้นทางกรุงเทพฯ-อุดรธานี ปรับ 5 หมื่นบาท ถอนรถออกจากประกอบการขนส่ง พักใช้ใบอนุญาตขับรถคนขับรถ หลังใช้รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง ทำการขนส่งนอกเส้นทาง และไม่นำรถเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสาร จนทำให้เกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต 5 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุเพลิงลุกไหม้รถทัวร์โดยสารของบริษัท 407 พัฒนาทัวร์ หมายเลขทะเบียน 10-7387 อุดรธานี บนถนนมิตรภาพ หลัก กม.ที่ 318-320 ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ส่งผลให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 5 ราย ได้รับบาดเจ็บ 12 ราย โดยรถโดยสารคันนี้ออกเดินทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี มุ่งหน้าปลายทางสถานีขนส่งหมอชิต กรุงเทพมหานคร มีผู้โดยสารรวมพนักงาน 33 คน

ทั้งนี้ จากการได้พูดคุยกับนายพัศดี คนขับรถทัวร์ได้บอกว่า ขณะที่ขับรถทัวร์จากต้นทางจังหวัดอุดรธานี เพื่อไปส่งผู้โดยสารที่กรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุล้อหลังด้านหลังคนขับได้เกิดระเบิด ก่อนที่จะเกิดประกายไฟขึ้น โดยนายพัศดีได้พยายามชะลอรถเพื่อเข้าจอดข้างทางจากนั้นได้เปิดประตูให้ผู้โดยสารลง ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น เนื่องจากรถทัวร์โดยสารคันดังกล่าวมีการติดตั้งแก๊ส NGV ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด วันนี้ (17 เม.ย.) “กรมการขนส่งทางบก” ได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางเกิดเพลิงไหม้ ที่ จ.ขอนแก่น เรียกตรวจความปลอดภัยรถโดยสารที่ติดตั้งก๊าซ CNG ทั่วประเทศ ด้านผู้ประกอบการขนส่ง เปรียบเทียบปรับทันที 50,000 บาท สั่งถอนรถออกจากประกอบการขนส่ง และพักใช้ใบอนุญาตขับรถคนขับรถ ยืนยัน!!! เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าขับรถโดยประมาท เพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางสองชั้นเกิดเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 23.25 น. ซึ่งเป็นรถคันหมายเลขทะเบียน 10-7387 อุดรธานี เส้นทางกรุงเทพฯ-อุดรธานี รับผู้โดยสารจากจังหวัดอุดรธานี จำนวน 33 คน มุ่งหน้าไปยังกรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณ ทล. 2 ถนนมิตรภาพ กม. 319-320 ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ยางล้อหลังด้านขวาเกิดระเบิดและเกิดเพลิงลุกไหม้ลุกลาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวน 5 ราย และบาดเจ็บ 12 ราย นั้น ภายหลังเกิดเหตุกรมการขนส่งทางบกได้จัดส่งทีมสืบสวนอุบัติเหตุจากส่วนกลางลงพื้นที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ ณ สถานที่เกิดเหตุใน จ.ขอนแก่น เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากความผิดปกติของเบรกที่ล้อหลังขวาจนเกิดความร้อนสูงทำให้ยางระเบิด ไปกระทบกับระบบถังก๊าซ CNG จนเกิดการรั่วไหลและเกิดเพลิงลุกไหม้ตัวรถอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ต้องรอผลการตรวจสอบที่แน่ชัดและรอผลการสอบสวนของตำรวจเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของมาตรการทางกฎหมาย กรมการขนส่งทางบก โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่น ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ บริษัท 407 พัฒนา จำกัด ผู้ประกอบการขนส่งในข้อหาใช้รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง ทำการขนส่งนอกเส้นทาง และไม่นำรถเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสาร เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท และสั่งถอนรถคันดังกล่าวออกจากประกอบการขนส่งทันที พร้อมให้ผู้ประกอบการขนส่งนำรถโดยสารสองชั้นที่ติดตั้ง CNG อีกจำนวน 48 คัน ซึ่งเป็นรถลักษณะเดียวกันกับคันเกิดเหตุมาเข้ารับการตรวจสภาพรถ สภาพระบบห้ามล้อและระบบ CNG ทุกคันให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ ในส่วนของผู้ขับรถ ปัจจุบันพนักงานสอบสวนได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขับรถในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และจากการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดฐานไม่ใช้เครื่องอุปกรณ์ส่วนควบ (GPS) บางช่วงเวลา กรมการขนส่งทางบกจึงได้ดำเนินการลงโทษเปรียบเทียบปรับและพักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้ขับรถดังกล่าวไว้ก่อน โดยเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ขับรถโดยประมาทแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะพิจารณาดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป


ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในลักษณะดังกล่าวในอนาคต กรมการขนส่งทางบกจะทำการขยายผลโดยการเรียกรถโดยสารที่มีการติดตั้งก๊าซ CNG ทั้งหมดทั่วประเทศมาดำเนินการตรวจสภาพรถ ทั้งด้านมาตรฐานความปลอดภัย และระบบ CNG ณ สำนักงานขนส่ง ดังนี้ รถโดยสาร 2 ชั้น ที่ติดตั้งก๊าซ CNG ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดทั่วประเทศจำนวน 143 คัน ให้มาดำเนินการตรวจสภาพรถให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ รถโดยสารระหว่างจังหวัดที่ติดตั้งก๊าซ CNG ทั้งหมดทั่วประเทศรวม 2,175 คัน ให้มาดำเนินการตรวจสภาพรถให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน



ล่าสุด วันนี้ (19 เม.ย.64) บขส. ในฐานะที่กำกับดูแลรถร่วมฯ ได้พิจารณาโทษขั้นสูงสุด โดยสั่งเพิกถอนใบอนุญาตรถคันดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้ประกอบการได้มีการนำรถโดยสารออกวิ่งนอกเส้นทางโดย ไม่ได้รับอนุญาต จนเป็นเหตุให้รถเกิดอุบัติเหตุ กรณีไฟไหม้รถทัวร์โดยสาร 2 ชั้นของบริษัท 407 พัฒนา จำกัด ที่ จ.ขอนแก่น