TRIP & TREK โลกกว้างของคนเดินทาง

พักร้อนไปนอนสิมิลัน

ฟ้าเป็นฟ้า น้ำเป็นน้ำจิง ๆ พี่

นั่งบิดลูกโป่งรอ  ความงามแห่งสิมิลัน

........เมื่อถึงสงกรานต์มีวันหยุด สามวันและร้อนมาก แต่ไม่อยากไปไหน เพราะคนเยอะและรถติดด้วย เที่ยวไม่น่าจะสนุก
จึงคุยกับครอบครัว ว่าช่วงสงกรานต์ พวกเราจะยังไม่ออกเที่ยว จะอยู่บ้านก่อน ส่วนผมก็คุยกับนายว่าจะขอทำงานช่วงวันหยุด แล้วผมจะไปหยุด หลังสงกรานต์ ประมาณวันที่ 22ถึง25 เม.ย แทน เจ้านายผมก็ตกลง เพราะกำลังหาคนทำงานช่วงสงกรานต์อยู่แล้ว
         แต่เมื่อหยุดแล้วจะไปไหน คิดอยู่ว่าจะไปเหนือ ก็เพิ่งกลับมาช่วงปีใหม่ จะไปอิสานก็รถติดร้อน ที่เที่ยวก็ไม่น่าสนใจในหน้าร้อนนี้ เหลือตะวันออกกับทางใต้ ถ้าจะไปตะวันออกก็ต้องลงทะเล ไปภาคใต้ก็ลงทะเลเหมือนกัน คิดไปคิดมา ทะเลที่ไหนสวยและยังไม่ได้ไป นั่งรวบรวมข้อมูลหลายที่ เช่น เกาะเต่า เกาะพงัน สมุย เกาะสิมิลัน จนสุดท้ายก็เลือกสิมิลัน

    เมื่อตกลงกันได้อย่างนี้จึง หาข้อมูลจากหลายๆที่ ว่าที่สิมิลัน มีอะไรน่าเที่ยว มีเกาะอะไรบ้าง การเดินทางไปทางไหนใกล้ที่สุด จะขึ้นเรือที่ไหน จะไปนอนที่ไหน จะจองบ้านหรือที่พักอย่างไร เรือจะออกตอนไหน เวลาไหน จะนอนกี่วัน และถ้าเวลาเหลือจะไปไหนต่อ ผมหาข้อมูลทั้งหมดจนได้และเฃ้าใจ

นั่งคำนวนระยะทางจาก google map ระยะทางได้ 917 กม. เวลาเดินทาง 13 ชั่วโมง 12 นาที
        งานเราเลิก 17.00 น.เย็นของวันที่ 21 เม.ย กลับมาอาบน้ำขนสัมภาระ ขึ้นรถเป็นเวลา 18.00 น จึงออกเดินทางจากบ้านมุ่งหน้าเข้า กทม ถึงประตูน้ำพระอินทร์ แล้วข้ามไปเข้าถนนสายที่จะไปลาดหลุมแก้วและบางบัวทอง เข้าใช้ เส้นทาง 9/กาญจนาภิเษก แล้วเลี้ยวลงสมุทรสาคร สายพระราม 2 ธนบุรี ปากท่อ ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม จนมาชนกับถนน เพชรเกษม ที่วังมะนาว วิ่งไปผ่านเพชรบุรี เลยไปจนถึง Big C หัวหิน เวลา 21.30 น.แวะซื้อ Snockle สองอ้นและพักรถสักหน่อย

สี่ทุ่มออกจาก บิกซี เดินทางต่อผ่านประจอบมุ่งหน้าสู่ชุมพร จนถึงแยกปฐมพร ประมาณตีหนึ่ง จอดนอนเอาแรง 1 ชั่วโมง จึงออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปหลังสวน เข้าไชยาจนถึงพุนพิน ช่วงนี้เดินทางช้าหน่อยกลัวเลยทางแยก จนถึงท่าโรงช้าง เลี้ยวเข้าถนนเส้นสาย 401 มุ่งหน้าไปอ.พนม เพื่อตัดไปออกตะกั่วป่า ผ่านทางเข้าเขื่อนรัชประภา และเขาสก แต่ทางคตเคี้ยวสักหน่อย รถวิ่งได้ไม่เร็ว จนมาถึงตะกว่าป่าเกือบหกโมงเช้า มาบรรจบกับถนนสาย 4 ที่โคกเคียน และเลี้ยวมาทางภูเก็ต ผ่านเขาหลัก ขับอีกพักหนึ่งก็มาถึงท่าเรือทับละมุ เวลา07.20 น. สรุปว่าทันเรือที่ไปสิมิลัน จึงติดต่อเรือและทานข้าวเช้าที่ท่าเรือ ผมได้ใช้บริการของเรือ ทับละมุอันดามันทัวร์

 อ้อลืมบอกไป ผมไปกันสามคน ส่วนลูกชายไม่ได้ไปเพราะไปเข้าค่ายที่ลพบุรี ค่าเรือไปสิมิลันตกคนละ 2200 บาท ผมไปสามคน เป็นเงิน 6600 บาท รวมค่าไปและกลับแล้ว รวมอาหาร หนึ่งมื้อของว่างบนเรือ และพาดำน้ำอีกหลายเกาะ ส่วนที่พักผมจองเต้นท์สามคน T3-19 นอนสองคืน บนเกาะ 4 คืนละ 450 บาทครับ (เข้าไปจองได้ที่เวปอุทยานแห่งชาติ)

พอเวลา 09.00 น. ขน สัมภาระขึ้นเรือ พร้อมกับนักท่องเที่ยวประมาณ 15 ท่าน (คนไทยประมาณ 5 ท่านรวมทั้งครอบครัวผมที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ) แล้วก็ออกเดินทางไปยังสิมิลัน

แล้วก็รักคนพาไปมากขึ้นอีก   ;D ;D ;D

หวานกันจังเลยเว็บนี้ น่ารักทุกคู่เลย

การเดินทางใช้เวลา หนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที เดินทางมาเกาะแรกคือเกาะเก้า ก็จอดเรือตรงบริเวณน้ำทะเลเป็นสีฟ้าใกล้กับเกาะ ส่วนถ้าน้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินเข้มจะเป็นน้ำลึก ที่จอดเรือจใกล้กับะหินเป็นรูปหัวกระโหลก
     น้ำใสมากมองเห็นพื้นประประกาลังด้านล่างชัดเจน แถมฝูงปลาว่ายไปมามองเห็นชัดมาก แต่เสียอย่างเดียวคลื่นแรงมากทำให้ลอยตัวในน้ำลำบาก

สิมิลันสวยสมคำล่ำลือ แค่มาจุดแรกก็ประทับใจแล้ว เราใช้เวลาดำน้ำที่นี่เกือบหนึ่งชั่วโมง จึงเดินทางขึ้นเกาะแปด ซึ่งเอกลักษณ์ของเกาะแปดคือ หินเรือใบ และจะรับประทานอาหารเที่ยงที่นี่ จะอยู่บนเกาะแปดประมาณ สี่สิบนาที ผมขึ้นเรือมาบนฝั่ง ก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แต่เสียดายไม่ได้ปีนไปตรงหินเรือใบ เพราะเวลาน้อยกลัวลงมาทานข้าวไม่ทัน

ชายหาดเกาะแปด

เกาะแปด

หลังจากแวะทานข้าวที่เกาะแปดอย่างอิ่มหนำสำราญก็ลงเรือเดินทางต่อไปเกาะสี่  วิ่งเรือมาสิบนาทีก็ถึงแล้วไม่ห่างกันมาก เมื่อลงเรือผมก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ดูที่นอนที่พักผ่อนนำสัมภารเข้าเก็บ จนเรียบร้อยก็ออกเดินสำรวจเกาะตรงบริเวณท่าเทียบเรือด้านหน้าเกาะน้่นแหละครับ

ชายหาดเกาะสี่ด้านหน้าสวยมาก ทรายขาวละเอียดเหมือนแป้ง นุ่มอีกต่างหาก ฝรั่งชอบนอนมาก ตัดกับสีน้ำทะเล มองแล้วโอสมคำล่ำลือ

จนเย็นผมก็เดินไปทางโขดหินด้านฝั่งตะวันออกของหาด เพื่อมองกลับมาดูชายหาดยามเย็น และถ่ายรูปแสงสุดท้ายของวันด้วย

แล้วก็นั่งฟังเสียงคลื่นกระทบโขดหินนั่งมองแสงสีทองขอบฟ้าจนลับตา จึงกลับที่พักอาบน้ำทานข้าว เตรียมตัวออกไปบริเวณศูนย์รวมพล เพื่อจะไปดูปูไก่ก่อนนอน ประมาณสองทุ่มเจ้าหน้าที่ก็พาไปดูปูไก่ ตรงบริเวณทางเดินจะไปอีกฟากของเกาะ

เมื่อดูปูไก่แล้วก็กลับมายังเต้นท์ที่พัก เพื่อเข้านอน และขอนอนก่อนสมาชิกท่านอื่นเพราะผมเหนื่อยจากขับรถมาทั้งคืน และนั่งเรือเที่ยวอีกหนึ่งวันเต็ม จึงทำให้ผมง่วงนอนมากๆ เมื่อหัวถึงหมอนจึงหลับเป็นตาย แบบรวดเดียวสว่าง ตกใจตื่นอีกที ก็เมื่อค้างคาวบินกลับมานอนบนต้นไม้บริเวณที่ผมนอน เสียงระงมไปทั่ว จึงตื่นเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแปรงฟัน แล้วก็หากาแฟกิน
พร้อมทั้งเดินเล่นชายหาดยามเช้า ขณะที่ยังไม่มีคน เพื่อเก็บภาพอันสวยงาม

แต่พอสายหน่อย คนที่พักบนเกาะก็เริ่มทยอยกันออกมาเล่นน้ำทะเลยามเช้า ฝรั่งคู่นี้ตื่นมาเล่นน้ำตั้งแต่เช้าเลยครับ

แต่พอสายหน่อยแม่บ้านมาสมทบ จึงชวนกันไปเที่ยวอีกฟากของเกาะ ชื่อหาดเล็ก (ถ้าจำไม่ผิด) เมื่อเดินไปถึงก็เงียบดีครับไม่ค่อยมีคน จึงเดินสำรวจจนทั่ว

สำรวจจนทั่ว ชายหาดนี้เลยครับ แถมตอนจะกลับมีหนุ่มสาวถ่ายรูปกันอยู่ผมเห็นว่าน่ารักก็เลยเก็บภาพมาด้วย

หลังจากเดินชมหาดเล็กจนทั่วก็เดินกลับมานิดเดียวแล้วเลี้ยวขึ้นเขา เพื่อเดินไปยังจุดชมวิว ปีนเขาชันเอาการ เหงื่อตกเลยครับกว่าจะไปถึงจุดชมวิว

คุ้มค่ากับการรอคอย ขอบคุณครับ หัวหน้า ??? ??? ???

หลังจากถ่ายรูปบนจุดชมวิวอยู่พักใหญ่ และนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้วก็เดินทางลงกลับมายังที่พัก และต้องอาบน้ำเพราะร้อนมากๆ จนเวลา สิบโมงเช้าจึงไปนั่งเล่นตรง ท่าเทียบเรือชายหาดด้านหน้าแหละครับ ดูเรือเข้ามาส่งคนบนเกาะครับ และก็ถ่ายรูปคนเดินไปมาแถวๆชายหาดนี้

ณ.ชายหาดสิมิลัน

ณ.ชายหาดสิมิลัน

แถมอีกหน่อย

นั่งได้ทั้งวัน  ;D ;D ;D

ฟ้าแจร่มมมม ;D

ครับฟ้าสวยมากวันแรกส่วนวันที่สองสวยเป็นบางช่วง
รูปนี่ชอยนายแบบมาก

หลัังจากที่ผมได้นั่งพักผ่อน ตรงจุดนี้จนบ่าย ผมจึงเดินออกไปทางทิศตะวันตกโดยเลาะชายหาดเล่นไปเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายภาพมากนักเพราะแดดแรงมาก และร้อนด้วยครับ อาศัยเดินเลาะใต้ต้นไม้ไป บางทีก็แอบนอนเล่นตามใต้ต้นไม้บ้าง พักผ่อน ปล่อยอารมย์ของชีวิตไป อยากทำอะไรก็ทำไป โดดน้ำบ้าง ปีนป่ายตามโขดหินบ้าง เหนื่อยก็เข้าใต้ต้นไม้ นอนเล่น นอนดูเก็บภาพสวยๆของทะเลเข้าความทรงจำที่ดีของเราไปเรื่อยๆ นานมากจนอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าจึงกลับที่พัก

ภาพแจ่มเหมือนเดิมครับ  เปิดดูทีไรไม่ผิดหวัง

มุมนี้เป็นมุมที่สงบมากไม่ค่อยจะมีคนพุกพร่านมากนัก เพราะไม่ค่อยมีร่มให้พักผ่อน มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง พออาศัยร่มได้ไม่กี่คน

ทีนี้มาดูบรรยากาศพลบค่ำของวันที่สอง

ยังมีต่อ

เมื่อหมดแสงของวันที่สอง ก็กลับเข้าที่พักอาบน้ำ ออกไปทานเข้า แล้วกลับมานั่งเสวนากลับครอบคร้ว จนประมาณ สามทุ่มกว่า ฝนก็ตกลงมา จึงเข้านอน
        เช้าตื่นนอน หกโมงเช้าเข้าห้องน้ำอาบน้ำล้างหน้า เสร็จก็หากาแฟกิน ประมาณโมงครึ่งหรือสองโมง ประมาณนี้แหละครับ จึงเดินเล่นแถวโรงอาหาร เจอป้ายบอกทางไปดูพระอาทิตย์ตก เลยเดินตามทางไปเรื่อยๆ เดินขึ้นเนินไปสามสี่เนิน ไกลเหมือนกัน เหนื่อยก็นั่งพัก เดินมาสักพักก็มาโผล่อีกฟากหนึ่งของเกาะ ลมเย็นสบาย นั่งบนโขดหินมองไปสุดตา มีแต่น้ำกับฟ้าจดกัน ถ้ามาดูตอนพระอาทิตย์ตกคงสวยน่าดู เสียดายที่เราต้องกลับวันนี้ด้วยซิ ถ้าอยู่ต่อต้องมาชมพระอาทิตย์ตกน้ำแน่นอน

มีภาพเดียวนะครับ เพราะเหนื่อยเลยไม่ค่อยได้ถ่าย นั่งเล่นอยู่นาน จนเกือบห้าโมงเช้าจึงกลับที่พัก ระหว่างทางก็เก็บขยะมาด้วย ได้ขวดน้ำกับกระป๋องเบียร์ ประมาณ 20 ชิ้น (ทำประโยชน์ให้เกาะสักหน่อย) เอามาทิ้งที่ถังด้านล่าง ถึงที่พักต้องอาบน้ำอีกรอบ (ภาคใต้นี่ร้อนมาก วันหนึ่งต้องอาบน้ำหลายรอบ คุยกับเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าเสื้อหนาวไม่ต้องมาขายที่ภาคใต้เพราะจะขายไม่ได้) เสร็จแล้วก็ทานข้าวเที่ยง แล้วก็กลับมาเก็บของ ขนสัมภาระมายังจุดรอเรือ (เรือมาเที่ยงครึ่งและจะออกบ่ายสองโมงครึ่ง แวะให้ดำน้ำอีกสองจุด จึงจะกลับเข้าฝั่ง
          ช่วงนั่งรอเรือก็เก็บภาพอีกนิดหน่อยก่อนจากลาสิมิลัน มาครั้งนี้ประทับใจมาก ทะเลสวยมาก ภาพถ่ายที่ถ่ายมาผมว่าสวยเพียงครึงหนึ่งของทะเลจริงเท่านั้นเอง

สุดท้ายก็ถึงเวลากลับ ได้ขึ้นเรือ เดินทางเข้าฝั่งถึงฝั่งเกือบสี่โมงเย็น   สิ้นสุดการเที่ยวสิมิลัน แต่ยังไม่สิ้นสุดของการเดินทาง
เพราะหนทางที่จะเดินต่อไปยังอีกไกล..................
         จุดหมายต่อไปคือ "ภูเก็ต"
   

สุดยอดครับพี่ ผมไม่มีคำใดมาแทนได้เลย...สวยมากๆครับ