TRIP & TREK โลกกว้างของคนเดินทาง

หลังจากหายหน้า.. หายตา.. ไปนาน โผล่มาใหม่กับเรื่องราวการเดินทางของผมอีกครั้ง
จริงๆ แล้ว ผมโพสต์เรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เป็นช่วงเวลาที่ตอนนั้นเวปมีปัญหา.. :'(
เลยคุย.. กับคุณกุ้ง ว่า "เอามาโพสต์ ใหม่ดีก๋า" เพื่อใครอยากไปเส้นทางนี้ดูบ้าง


การเดินทาง 17 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม - 16 เมษายน  :D
กรุงเทพ - เชียงของ - ห้วยทราย - หลวงน้ำทา - เมืองสิง - อุดมไชย - เมืองลา - บุนเหนือ - พงสาลี - หาดสา - เมืองขวา - เมืองงอย - หนองเขียว - เวียงทอง - บ้านกอหิน - บ้านน้ำเนิน - โพนสะหวัน - หลวงพระบาง - วังเวียง - เวียงจันทร์ - อุดรธานี - กรุงเทพ

เริ่มต้นการเดินทางที่ อ.เชียงของ ผ่านประตูสู่อินโดจีน เยียมมองเพื่อนบ้านชาวลาวกันน่ะครับ

วันที่ 30 มีนาคม (839 THB)
- Taxi ไปหมอชิต 100 THB
- รถทัวร์ กรุงเทพ - เชียงของ (สยามเฟิสท์ทัวร์) 739 THB รถออก 19.00 น. ถึงเช้าวันรุ่งขึ้น 7.00 น.

หลังจากนั่งรถ ต่อเรือ แล้วกันนั่งรถอีก...  :o เล่นซะก้นระบม ไปเลยกว่าจะถึง หลวงน้ำทา

จากข้อมูล คุณกุ้ง
ที่ให้จับรถเมืองสิงเลย ถ้าไปทัน ...ผมเลยปฏิบัติตามได้ไม่ต้องพูดพล่ำทำเพลง ก้นงี้ ชาแล้ว ชาอีก ก๋าจะถึงเมืองสิงสักที

วันที่ 31 มีนาคม (579 THB)
- นั่งสามล้อไปด่าน 20 THB เสียค่าธรรมเนียมให้ด่าน 5 THB (เข้าห้องน้ำ ห้องท่าให้เรียบร้อยที่ด่าน)
- นั่งเรือข้ามแม่โขง 20 THB + กระเป๋า 10 THB
- เสียให้ด่านลาวอีก 7,000 KIP นั่งตุ๊ก ตุ๊ก ไปท่ารถ อีก 10,000 KIP
- รถบัส ห้วยทราย - หลวงน้ำทา 65,000 KIP รถออก 10.30 น. (วันนี้ไม่มีรถเที่ยว 9.30 น.) ถึง 15.30 น.
- สองแถว หลวงน้ำทา - เมืองสิง 20,000 KIP รถออก 16.00 น. ถึง 18.00 น.
- พัก ไทลื้อ GH 20,000 KIP

(วิธีคิดเงินให้ง่ายที่สุด : จากราคากีบ ให้ตัดศูนย์สามตัวหลังทิ้งแล้วคูณด้วย 4 เช่น 10,000 กีบ มีค่าเท่ากับ 40 บาท, วิธีเรียกค่าเงิน : นับแบบฝรั่งน่ะครับ เช่น 10,000 อ่านว่า สิบพัน ส่วน 20,000 อ่านว่า ซาวพัน เป็นต้น)

อยู่ที่ เมืองสิง ได้พาหนะคู่กาย เป็นเจ้ารถถีบสองล้อ ที่ไปไหนไปด้วยกันนับ 20 กิโล
เพราะผมเล่นปั่นขึ้นเหนือ ไปสัมผัสเส้นแบ่งเขตแดน ลาว-จีน และชาวเขาเผ่าไทลื้อ เผ่าเย้า

แล้วปั่นลงใต้ ทางไปเชียงก๊ก เล่นกับเด็กไทดำ และนั่งทำหลังคากับชาว ไทม้ง  ;D

วันที่ 1 เมษายน (180 THB)
- เช่าจักรยาน 10,000 KIP
- อาหาร และเสบียง 34,000 KIP ,ทำบุญ 5,000 KIP
- พัก ไทลื้อ GH 20,000 KIP

เช้าวันใหม่.. ได้เวลาเดินทางกันอีกแล้วคร้าบบบ...  :-\
แม่เฒ่าที่เฮือนพักไทลื้อ บอกว่า "ถ้าจะขึ้นรถไปหลวงน้ำทา เที่ยวแรก ให้ไปแต่เช้าเพราะคนจะเต็มไปหมด"

อ่ะนั้น  :o จริงซะยิ่งกว่าจริง ผมหลบไปซื้อข้าวเหนียวแป๊บเดียว... โดนนั่งเก้าอี้เสริมแล้ว (เกือบจะไม่ได้ไป แล้วด้วยซ้ำ)
ผมมีเหตผลที่ต้องออกเที่ยวแรก เพราะจุดมุ่งหมายวันนี้ของผมอยู่ไกล ไกล ไกล เหลือเกิน
เริ่มต้นจาก เมืองสิง - หลวงน้ำทา

แล้วต่อรถที่ หลวงน้ำทา ตอนเที่ยงๆ บ่ายๆ ไป อุดมไชย
เพื่อหวังให้ทันรถเมืองขวาเที่ยวสุดท้าย สำหรับไปเมืองลา

สรุปแล้ววันนี้นั่งรถทั้งวันเลย.. กว่าจะมาถึง เมืองลา ได้สำเร็จตามเป้าหมาย

วันที่ 2 เมษายน (617 THB)
- สองแถว เมืองสิง - หลวงน้ำทา 20,000 KIP รถออก 8.00 น. ถึง 10.00 น.
- รถบัส หลวงน้ำทา - อุดมไชย 32,000 KIP รถออก 12.00 น. ถึง 16.30 น.
- รถบัส อุดมไชย - เมืองลา 10,000 KIP (โชคดี ...ยังพอมีรถต่อไปได้พอดิบพอดี)
- อาหาร และเบ็ดเตร็ด 47,000 KIP
- พัก Hot Spring Resort 40,000 KIP

แต่เมื่อมาถึง.. อาการเหนื่อย ก็หายเป็นปลิดทิ้ง  ;)

ด้วยความงามที่เหนือคำบรรยาย วิถีชีวิตที่เรียบง่าย
อาบน้ำริมสายน้ำปัก ซักผ้า จับปลา หาอาหาร .....
สารพัดนา นา อย่าง ที่สายน้ำปัก เป็นดั่งสายเลือดเลี้ยงชีวิตทุกคนในเมืองนี้

ผมก็ใช้ชีวิตกับทุกคนที่นี้ ....ผมนอนแช่น้ำปัก อาบธรรมชาติ ทั้งเช้าและเย็น
กลางวันมานั่งซักผ้า ข้างๆ ฝูงเป็ดที่ เวียน ว่าย มาหาปลา หาหอย กินกัน...

น้องเลย.. และครอบครัว ชวนผมทำเกลือ (จริงแล้ว ผมเข้าไปขอเข้าทำมากกว่า  ::) อิ..อิ..)
น้องดาว.. ช่วยเก็บ ไคน้ำ แล้วเอาไปทำเป็น "ไคหมก" ให้ผมกินมื้อเย็น ..ชวนไปกินบนเฮือนด้วย
แม่น้องสายสมุทร.. ชวนมากินข้าว ที่ร้านเจ้เค้า
น้องทราย.. ชวนไปดู ทีวี บนเฮือน

วันนี้เข้าบ้านโน้นที ออกบ้านนี้ที เป็นว่าเล่นเลย  :P

จับปลา กับเจ้าพวกตัวแซบ

 ;D  ;D  ;D  ;D  ;D

เดินไปอีก 2 กิโลเมตร ไปนั่งเล่น นั่งคุยกับแม่เฒ่า ที่บ้านปากกอ
คนที่นี้ใจดีมากๆ.... และละแวกนี้ จะเป็นชาว คะมุ ทั้งสิ้น.. (ชอบๆ)

วันที่ 3 เมษายน (445 THB)
- อาหาร และ เบียร์ 52,000 KIP
- ทำบุญ และ เช่าองค์หลวงพ่อพระสิงคำ 30,000 KIP
- พัก Hot Spring Resort 40,000 KIP

 :'(  ยังไม่อยาก ไปต่อเลย... แต่แผนที่กำหนดไว้ ทำให้เราต้องเดินทางไปกันต่อ (ไวโอกาสหน้า  ;) ผมจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน)

ชีวิตริมทาง.. ก่อนถึง บุนเหนือ เป้าหมายของวันนี้

เส้นทางที่คดเคี้ยว ทั้งเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ขึ้นเขา ลงห้วย แถมฝุ่นตรึม ตลอดเส้นทาง  :-X จนมาถึงจนซะที "บุนเหนือ"

วันที่ 4 เมษายน (222 THB)
- รถบัส อุดมไชย - พงสาลี (บอกลงบุนเหนือ) 45,000 KIP รถมาถึงเวลาไม่แน่นอน 8.00 - 10.00 น. ถึง 16.30 น.
- พัก GH ที่อยู่ติดกับท่ารถเลย (  >:( ขอบอกว่า.. ห้องน้ำเหม็นมากๆ) 40,000 KIP

(แนะนำว่า ควรซื้อเสบียงไว้ด้วย พร้อมรถไม่รู้จะจอดเมื่อไหร่ ดังนั้นหาอะไรไปกินบนรถนั้นแหละ  แต่ผมลืมซื้อ คนนั่งข้างๆ เลยแบ่งข้าวเหนียว กับซินฟ่าน (เนื้อกวางปิ้ง) ให้กิน  ;D )

เมืองนี้อยู่แค่พอ ชิว.. ชิว.. เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ออกเดินทางต่อแล้ว

มุ่งหน้าสู่ พงสาลี .....  :D

ครั้งนี้ผม ได้รู้จักเพื่อนใหม่ มากมาย จนแถมไปได้ไปไหนเพราะอยู่กับเพื่อนตลอด

ทั้งพาไปกินเหล้า เลี้ยงข้าว ดูทีวี ร้องเพลง กันที่บ้าน ... ม้วนหลายเลยครับ  :)

เด็กๆ น่ารัก...  ;D (หลานเจ้าของ GH)

เมื่อคืน.. ฝนตก วันนี้ที่ พงสาลี เลยหนาวเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่เราอยู่กันเดือนเมษากันน่ะครับ เพ๋.. น้อง..

วันที่ 5 เมษายน (240 THB)
- รถบัส บุนเหนือ - พงสาลี 10,000 KIP รถออก 8.00 น. ถึง 9.30 น.
- ต่อ ตุ๊ก ตุ๊ก เข้าเมือง 4,000 KIP
- ค่าขึ้นภูฟ้า 5,000 KIP + ค่าถือกล้องเข้าไปอีก 3,000 KIP
- พัก Sensaly GH เดินเลยมาจากที่รถตุ๊ก ตุ๊ก จอดมาหน่อย 30,000 KIP  ผมถือว่าชอบที่พักนี้มากที่สุด  :)

เราเริ่มต้นอีกครั้ง ที่ ท่าเรือ หาดสา

วันนี้ล่องเรือไปไกลเลยล่ะครับ... เกือบครึ่งค่อนวัน แถมต้องจอดซ่อมเรือ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ( ::) แต่ก็มันส์ดี)

ประมาณ บ่าย 3 ก็ถึงแล้ว "เมืองขวา"

วันที่ 6 เมษายน (548 THB)
- รถบัส พงสาลี - หาดสา 7,000 KIP จอดตรงที่ตุ๊ก ตุ๊ก จอดให้ลงเมื่อวานนี้แหละ รถออก 7.00 น. ถึง 8.30 น.
- เรือ หาดสา - เมืองขวา 80,000 KIP เรือออก 9.00 น. ถึง 16.00 น. (เสียเวลาซ่อมเรือไป 5 รอบ)   >:(
- พัก Sengali GH 40,000 KIP

(แนะนำว่าควรซื้อเสบียงติดตัวเสมอ เพราะเรือไม่มีจอดให้กินข้าว โชคดีที่มีกล้วย ซื้อมา 2 หวีเล็กๆ แก้หิว)

เมืองขวา... มีอะไรมากกว่าที่คิด และก็มีอะไรดีกว่าที่คิด  :-*

เสียดายมีเวลาไม่มากพอ... เริ่มดีซี้ สนิทกับชาวบ้านได้ที่  ;) แล้วเชียว...

วันนี้ล่องตามสายน้ำอู กันต่อจนไปถึง เมืองงอย

วันที่ 7 เมษายน (548 THB)
- เรือ เมืองขวา - เมืองงอย 100,000 KIP มีวิ่งหรือไม่.. ตอบไม่ได้ แล้วแต่ดวง ดังนั้นควรวางแผนสำรองด้วย ถ้าไม่มีคนไป เรือก็ไม่ไป ถ้าคนไปไม่เยอะ นักท่องเที่ยวก็จะโดนโก่งเรียกราคาที่สูง  >:( อย่างที่ผมโดน!!)
- อาหาร 20,000 KIP ,ทำบุญ 10,000 KIP
- พัก Bamboo Family GH 20,000 KIP มุมดี เงียบสงบ แต่ห้องน้ำรวม (โชคดีที่มีผมเหลืออยู่คนเดียว) เดินไปสุดถนนกลางหมู่บ้าน เดี๋ยวก็เจอเอง

ผมไม่ค่อยประทับเมืองงอยสักเท่าไหร่... คงเพราะตั้งความหวังไว้เยอะ
หลายคนบอกว่า "ธรรมชาติที่นี้ยังดิบ" แต่ทำไมชีวิตคนถึงเปลี่ยนไป
ผมเดินตั้งแต่ต้นถนน ยันท้ายถนน มีแต่ป้ายภาษาอังกฤษ (ทำไมไม่ใช้ภาษาลาวกัน)
ผมลงไปซักเครื่อง (ซักผ้า) ที่ริมน้ำอู อยู่เพียงผู้เดียว ในขณะที่น้ำผัก... ผมมีเพื่อนซักเต็มลำน้ำ
น้ำอู.. สกปรก ไม่ใสอย่างใจนึก

ร้านรวงยกพื้นขึ้น.. ให้ฝรั่งนั่งกินอาหาร
ผมถามว่าทำไม ชาวบ้านตอบว่า "ฝรั่งไม่ชอบที่เด็กๆ เข้ามากวนเวลากิน"
แต่ผมชอบเด็ก  - - ผมชอบที่เด็กเข้ามาเล่น เข้ามาคุยกับผม โดยที่ผมไม่ต้องเดินไปหา
ผมไม่ชอบนิสัยฝรั่งหลายๆ อย่าง
ใครว่า? ...พวกฝรั่งหัวทองเป็นนักแบกเป้ตัวยง
แต่ผมมองว่าเป็นพวก "เหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ" ไม่กล้าลองโน้น ทำนี้ ตั้งหลายอย่าง
อีกทั้งชอบไปเปลี่ยนแปลง ค่านิยม ของคนท้องถิ่น
ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยสนับสนุน เมนูอาหารที่ไม่ใช่อาหารพื้นเมือง
ถ้าเลือกได้.. ผมขอนั่งกินข้าวเหนียว ตำส้ม ตำหมี่ ดีกว่า..
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น บางทีเกิดอาการอยากอาหารที่ไม่ใช่ของพื้นเมือง ผมก็ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะซื้อกิน

รู้งี้ เอาจำนวนวันที่อยู่นี้ไปไว้ที่เมืองลา ยังจะคุ้มกว่าเลย

วันที่ 8 เมษายน (187 THB)
- อาหาร 51,000 KIP ....ต้องยอมรับว่าที่นี้นักท่องเที่ยวเยอะ ราคาจึงแพงกว่าที่ผ่านมา
- พัก Bamboo Family GH 20,000 KIP

แต่ก็มีสุขบ้าง... ที่ได้ออกไปจับปลากับเจ้าพวกตัวน้อย

เมืองงอย.. ไม่มีถนน จำเป็นต้องนั่งเรือต่อมาอีกหน่อย เพื่อหวังมาต่อรถที่ หนองเขียว

มาถึงแล้วก็ขอซ่าส์ แซ่บ หน่อย แล้วกัน .. ;D ไว้ตอนเย็น ค่อยต่อรถกลางคืนไป เมืองเวียงทอง กันต่อ

วันที่ 9 เมษายน (276 THB)
- เรือ เมืองงอย - หนองเขียว 18,000 KIP เรือออก 8.00 น. ถ้าคนเยอะก็มีไปได้หลายเที่ยว ผมไปเที่ยวสอง 9.00 น.
- หาที่พักเก็บของ + อาบน้ำ 15,000 KIP  ไม่อยากพูดถึงมัน แย่!! ที่สุด
- ค่าธรรมเนียมเข้าถ้ำ 5,000 KIP
- รถบัส เวียงจันทร์ - ซำเหนือ (บอกลง เวียงทอง) 60,000 KIP นั่งรอไป กินมื้อเย็นไป ตรงตีนสะพาน ตีซี้แม่ค้าเข้าไว้ เพราะไม่รู้ว่ารถจะมาตอนกี่โมง ตั้งแต่ 19.00 จนถึง 24.00 น. และไม่แน่จะถึงกี่โมง ตั้งแต่ 3.00 จนถึง 8.00 น. ซึ่งของผมมาตอน 21.00 น. ถึง 3.00 น.   ???

จากเมืองหนองเขียว... หลังผมจับรถเที่ยวดึก ที่ไม่มีใครตอบได้ว่าจะมาถึงกี่โมง (6 โมง - เที่ยงคืน)
โชคเป็นของผมที่มันมาถึงประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง พอดิบพอดี ก่อนที่ฝนจะเริ่มลงเม็ด
ตลอดทางมันช่างชุ่มช่ำไปด้วยสายฝน และเสียงเพลงบนรถที่ดังตลอดทางชนิดที่ไม่ต้องกลัวเหงาเลย - แต่ด้วยเหตุที่รถมาไว ผลก็เลย... ไปถึงเมืองเวียงทองเร็วเกินคาดเหมือนกัน ทั้งที่ตามกำหนดการที่ศึกษาข้อมูลมามันควรถึงราวๆ 6 โมงเช้า แต่เนี้ยล่อโยนผมไว้ข้างทางตอนตี 3

"ย้ำ!!.. ว่า ตีสาม"   ???
เมืองที่มึด และเงียบสงัด ไร้แสงไฟทั้งข้างทางและบ้านเรือน
ดวงไฟ ดวงน้อยๆ ของไฟฉาย ที่ลงรถพร้อมผม ก็ค่อยๆ หายกันไปคนละทิศ คนละทาง
เหลือเพียงผมที่บุ้ยใบ้ อยู่กลางสายฝนพร่ำ (โชคดีที่มันซาลงแล้ว) 
จะไปทางไหนดี... หนาวก็หนาว ง่วงก็ง่วง ทำไงดีหว่า??

ผมเดินไปที่ซอกมุมบ้านหลังนึง แล้วแอบแฝงตัวเงียบๆ อยู่หลังกำแพง
ให้แผ่นปูนที่แข็งแรงนี้ต้านลมหนาวและสายฝน... แต่มันก็ไม่ได้อุ่นขึ้นสักเท่าไหร่
ผมจึงเอาเป้ และข้าวของทุกอย่างล้อมตัวไว้ นั่งคุดคู้ ห่อตัวให้แน่น
รอแสงตะวันยามเช้า ให้ช่วยขับไล่ความหนาวเย็นออกจากร่างกาย
แต่ทำไม.... หน่า.. มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน "ยังไม่เช้าอีกหรอ"

เช้าขึ้นมา ชาวบ้านที่เจอผม ตกใจใหญ่.. ถามว่าทำไมไม่เรียกเค้า
ผมบอกได้แค่ว่า "เกรงใจอ้าย" 

เมืองเวียงทอง ผมมีข้อมูลเพียงแค่ว่ามี บ่อน้ำพุร้อน
ดังนั้นยังไงก็ต้องไปดูให้ได้...
ห่างจากตัวเมือง ไปเพียง 1.5 กิโลเมตร เดินไปก็ได้เนอะ

ถึงจะดูธรรมดา... แต่ก็ได้ใจ  :D หายเหนื่อยไปเลย

วันที่ 10 เมษายน (470 THB)
- อาหาร 39,000 KIP
- พัก Souksakhone GH 30,000 KIP

เช้าวันใหม่ ได้เวลาเริ่มต้นเดินทาง... กันต่อ  :P เพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านน้ำเนิน
แต่ต้องไปต่อรถเอาที่ บ้านกอหิน บริเวณแยกพูเล้า ระหว่างทางไปโพนสะหวัน กับซำเหนือ

สายฝนที่ยังโปรยปราย อย่างไม่มีแววว่าเมื่อไหร่จะหยุด  (ยังดีที่แค่พร่ำๆ)
ย่อมก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น .......... และนั้น โอ้วววว...วว...  ................. :o

รถของเรา (รถสองแถว) ถลาลงข้างทาง เมื่อหลบรถบรรทุกคันใหญ่บริเวณ ทางโค้ง ขึ้นเขา
มันเถลงไปบนดินข้างทางที่อ่อนนุ่ม เนื่องมาจากฝนที่ลงมาทั้งวันทั้งคืน.... ทำให้ติดอยู่ในท่าเอียงกระเท่เล่
แต่ไม่นานด้วย... ความร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันขนหินก้อนใหญ่ๆ ดันแนวดิน และใต้ล้อ
ทำให้เอากลับขึ้นมาตั้งตัวตรงกลางถนนได้อีกครั้ง แม้จะทั้งเหนื่อยและเปียกฝนไปตามๆ กันก็ตาม

กว่าจะถึงบ้านกอหินได้ ก็แทบอ้วก.... เพราะบรรยากาศเป็นใจเหลือเกิน
ซ้ายมือผมก็ "อ้วก...ก.."  :-[ ขวามือผมก็ "อ้วก...กก..."
โอ้ยยย...ยย... จะอ้วกตามอยู่แล้วน่ะคร้าบบบ...บบ.. แค๊ะ.. แค๊ะ..

และอีกแล้ว.... เช่นเดิมที่ไม่มีใครตอบได้ว่ารถไป บ้านน้ำเนิน จะผ่านมากี่โมง
แต่คนอย่างผมไม่รออะไรให้เสียเวลาไปเปล่า ไปเดินเล่นกันดีก๋าเนอะ   ;D

"โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน..."
ผมเลือกที่จะเข้าไปชมบรรยากาศให้ห้องเรียน ดูบ้างดีก๋า   ;)
กำลังเรียน ฟ้อน กันอยู่พอดีเลยครับ
วัฒนธรรมชาวลาว : ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ไปขอฝ่ายชาย โดยลุกไปยกมือไหว้หน้าผู้ชายที่หมายตา
ฝ่ายชายก็ห้ามปฏิเสธในคำขอนั้น....... แต่ที่แปลกไปกว่านั้น ก็คือในห้องเรียนมีเหล้าให้เจ้าพวกตัวน้อยไว้ดื่มกันด้วย เอากันพอ กรึ่มๆ ได้ไม่เขินอาย สนุกดี.. แต่ทิ้งท้าย ผมเล่าถึงวัฒนธรรมบ้านเราบ้าง ว่าบ้านเราฝ่ายชายจะเป็นผู้ขอฝ่ายหญิงออกมารำ และเด็กๆ ก็ห้ามกินเหล้าด้วย มันผิดกฏหมาย .........

งานนี้ทำเอาเด็กๆ ตื่นตาตื่นใจกันใหญ่   :o

11 โมงแล้ว... รถกว่าจะผ่านมา (เกือบแบกเป้ >:( เดินเท้าอยู่แล้วน่ะเนี้ย แค่ 6 กิโล จิ๊บๆ  )

บ้านน้ำเนิน หลายคน คงรู้จักกันอยู่บ้างแล้ว เพราะมันเป็นจุดพักครึ่งทางระหว่าง โพนสะหวัน กับซำเหนือ
ดังนั้นรถทุกคันที่วิ่งระหว่างสองเมืองนี้ มักใช้บ้านน้ำเนิน เป็นจุดพักกินข้าวกลางวันกัน
ในขณะที่ผมเลือก นอนพักที่นี้เลยสักคืน

ผม ... " เจ้าสิไปไส? "
น้อง .. " ไปเก็บผักเนา กันในป่า "
ในใจของผม........................ (ผักเนา มันคืออะไรฟ๋ะ??)
ผม ... " ข้อยไปด้วยได้บ่? "
น้อง .. " อ้าย ไปบ่ได้ดอก หนามหลายเด่อ "
ผม ... " มันจะขนาดไหนกัน เจ้าสิไปได้ ข้อยก็ไปได้ ไปโล้ด "

 :D แล้วก็ถึงรู้ว่า ผักเนา มันคือ "ชะอม" นี้เองครับ เพ๋.. น้อง...
แต่มาถึงนี้แล้วจะถอยหลังกลับ เดี๋ยวจะเสียเหลี่ยม เดินหน้าต่อเต็มที่ครับ

โอ๊ย!!... ผมทั้งลื่น มั้งล้ม ไม่เป็นท่า ทั้งๆ ที่น้องเหล่านี้ไม่เป็นอะไรเลย หนามผักเนาเกี่ยวผมซะน้ำตาซึม  :'(

เดินเล่นในหมู่บ้าน ดีก๋า!!!

วันที่ 11 เมษายน (227 THB)
- สองแถว เวียงทอง - ซำเหนือ (บอกลง บ้านกอหิน จะไปบ้านน้ำเนิน) 20,000 KIP รถออก 7.00 น. ถึง 9.30 น. (ระวัง!!.. อ้วก  )
- รถบัส ซำเหนือ - โพนสะหวัน (บอกลง บ้านน้ำเนิน ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 6 กิโลเท่านั้น และเป็นทางลงเขาตลอดทาง) 3,000 KIP มาประมาณ 10.00 น. ถึง 11.00 น. ให้ไปรอแถวๆ แยกพูเล้า ที่รถสองแถวจอดให้ลงนั้นแหละ
- พัก ??? GH 20,000 KIP อยู่ท้ายหมู่บ้าน เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ จากคิวรถ (  :P มีผมพักคนเดียวอีกแล้ว)

หาหนทางไป โพนสะหวันต่อ... ทั้งต่อรถแล้ว ต่อรถอีก กว่าจะมาถึง  :(

ที่นี้... ไม่ค่อยประทับใจ !!! (ไม่ปลื้ม)

วันที่ 12 เมษายน (545 THB)
- สองแถว บ้านน้ำเนิน - เมืองคำ 30,000 KIP รถออก 8.00 น. ถึง 12.00 น.
- สองแถว เมืองคำ - โพนสะหวัน 15,000 KIP รถออก 12.00 น. ถึง 14.00 น.
- เช่าจักรยานเสือภูเขา 20,000 KIP
- ค่าธรรมเนียมเข้า ทุ่งไหหิน 7,000 KIP
- อาหาร และ Vodka 84,000 KIP
- พัก Vin Thong GH 30,000 KIP

เข้าหลวงพระบาง... ต่อเลยดีก๋า

 :) มาถึงหลวงพระบาง จะไม่มาถ่าย "วัดเชียงทอง" ก็กระไรอยู่เนอะ

วิถีชีวิตโดยรอบ... ทั้งๆ ที่ เข้าช่วงเทสกาลสงกรานต์ กันแล้ว  ;)

13 เมษายน (656 THB)
- รถสามล้อ ไปส่งที่คิวรถไปหลวงพระบาง 5,000 KIP
- รถบัส โพนสะหวัน - หลวงพระบาง 85,000 KIP รถออก 8.30 น. ถึง 17.00 น.
- รถสามล้อ ให้ไปส่งแถวโรงแรมภูสี 5,000 KIP
- โทรศัพท์ กลับบ้าน (เป็นครั้งแรก  ) 27,000 KIP
- พักแถวๆ JOMA Bakery 7.5 USD เนื่องจากเป็นเทศกาลสงกรานต์ ราคาจึงสูงกว่าปกติ แต่ผมหารกับแหม่ม (ชวนนอนด้วยกัน อิ.. อิ..  ;D ) จากวันละ 15 USD

วันนี้เป็นวันที่ 14 เมษายน ...ถือเป็นก่อนวันสงกรานต์จริง ที่ปีนี้ตกวันที่ 15
จึงไม่ได้ชมขบวนแห่นางสังขาร แต่ได้ชม ขบวนของปู่เย่อ ย่าเย่อ ขณะนำน้ำศักดิ์สิทธิ์มาจากแม่น้ำคาน

ปู่เย่อ ย่าเย่อ จะเป็นผู้ไปนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ นี้มาจาก แม่น้ำคาน (ผมไปไม่ทันตอนนั้น  :'( )

แล้วนำกลับมาที่ วัดหมากโม   :)

โดยน้ำศักดิ์สิทธิ์ นี้ จะเป็นน้ำแรกที่ได้สรง พระบาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองลาว ก่อนใครในวันพรุ่งนี้
"แม้แต่ จ้าวชีวิต ข้อย ยังต้องสรงน้ำหลัง ปู่เย่อ ย่าเย่อ เลย" พี่คนลาวบอก

สิงห์ เป็นสัตว์เลี้ยงของปู่เย่อ ย่าเย่อ ที่เก็บได้มาจาก ป่าหิมพานต์ ดังนั้น พรุ่งนี้จึงต้องออกเดินติดตามไปด้วย

คนลาวข้างๆ บอกว่า  :D
"ขนของปู่เย่อ ย่าเย่อ หรือสิงห์ ให้เก็บติดตัวเวลาเดินทาง เพราะเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะคุ้มครอง"

ทุกวันนี้ ขน ที่ทำขึ้นจากป่าน ที่ร่วงหล่งลงมายังคงอยู่ติดตัวผมตลอดเวลาในกระเป๋าตังค์

น่าเสียดายที่.. ผมไม่มีเวลา และโอกาสได้ดูขบวนแห่นางสังขาร เพราะต้องออกเดินทางกันอีกแล้ว

14 เมษายน (470 THB)
- อาหาร 31,000 KIP, ของฝาก 25,000 KIP
- ค่าเรือข้ามแม่น้ำโขงไป-กลับ 10,000 KIP
- เที่ยว ผับดาวฟ้า 18,000 KIP, ค่าเบียร์ 35,000 KIP
- พักแถวๆ JOMA Bakery 7.5 USD

วังเวียง.... ใคร ๆ ก็รู้จัก

ช่วงผมอยู่... สงบดี
คงเพราะทุกคนต่างไปรวมตัว เล่นน้ำสงกรานต์กันที่หลวงพระบางกันหมด  8)

15 เมษายน (1,259 THB)
- รถสามล้อ ไปส่งที่คิวรถไปวังเวียง 10,000 KIP
- รถบัส VIP (วันนั้นมีเที่ยวนี้เท่านั้น สำหรับตอนเช้า) หลวงพระบาง - วังเวียง 85,000 KIP รถออก 7.00 น. ถึง 14.00 น.
- อาหาร 31,000 KIP
- พัก Molina GH 50,000 KIP  เป็นที่พักอีกที่ประทับ แม้ราคาจะแพงไปหน่อยสำหรับคนเดียว

ถึงเวลากลับบ้านแล้วล่ะครับ..

เริ่มต้นออกจาก วังเวียง ตั้งแต่เช้า แต่กว่าจะถึง เวียงจันทร์ ก็ล่อซะเกือบเที่ยง เพราะสองแถวเจ้ากรรม วิ่งได้หวานเย็นมาก ๆ  >:(

ผมมีเวลาไม่มาก ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
ก่อนต่อรถประจำทางสาย เวียงจันทร์-อุดรธานี

ถึงอุดรก็ยัง บ้าพลังขอออกไปแซ่บอีกหน่อย ที่ศาลเจ้าปู่ย่า ...ก่อนรีบกระโดดมานั่งรอท่า ที่สนามบิน

16 เมษายน (2,417 THB)
- สองแถว วังเวียง - เวียงจันทร์ 30,000 KIP รถออก 9.00 น. ถึง 11.00 น. (วิ่งช้ามากๆๆๆๆ  )
- รถสามล้อ ไปส่งคิวรถกลางหลังตลาดเช้า 5,000 KIP (เกาะชาวบ้านไว้ ถึงได้ราคาเดียวกัน 20 THB อยู่ห่างหน่อยเดียว มันเรียกผม 100 THB .... ฝันไปเถอะพวก  >:( )
- ทำบุญ 3,000 KIP
- รถสามล้อ จากวัดธาตุหลวงไปคิวรถกลาง 7,000 KIP (มันเอาอีกแล้ว ขูดรีดจริงๆ เลย อีกคันมันเรียก 100 THB อีกแล้ว อุตส่าห์ประหยัดขามา เดินจากคิวรถ ผ่านประตูชัย จนถึงวัดธาตุหลวง ราว 2 กิโลเมตร กับของบนหลังอีก 10 กิโลกรัม นี้ถ้าไม่หมดแรงจริงๆ ไม่ยอมเสียให้หรอกน่ะ หึ  >:( )
- รถบัส เวียงจันทร์ - อุดรธานี 24,000 KIP รถออก 14.00 น. ถึง 16.00 น. (ตรงเวลามากๆ)
- ค่าธรรมเนียมด่านลาว 10 THB
- ตุ๊ก ตุ๊ก จากศาลเจ้าปู่ย่า ไปสนามบินอุดรธานี 120 THB (คนไทยด้วยกันยังไม่เว้น ตอกแรกเรียก 200 THB ต่อจนเหนื่อยกว่าจะได้ราคานี้  )
- เครื่องบิน นกแอร์ อุดรธานี - ดอนเมือง 1,750 THB เครื่องออก 19.10 น. ถึง 20.10 น.
- Taxi กลับบ้าน 100 THB


จบแล้วล่ะครับ...
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด 17 วัน ตั้งแต่จากบ้าน จนกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพอีกครั้ง เท่ากับ 11,000 บาท ครับ.
หากมีใครต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ... ก็ทิ้งข้อความไว้น่ะครับ แล้วเดี๋ยวจะเข้ามาตอบ (ถ้ารู้...)

แอ่วเมืองลาว  บ่ฮู้เบื่อฮู้หน่าย
งามหลายหลาย
งามแท้งามว่า..
คิดฮอด...คิดฮอด...เด้อ

สวยงามจริงๆๆ คร๊าบบ น้า...   ;D   แถมได้ข้อมูล + ค่าใช้จ่ายละเอียดเลยครับ..     :D

ขอบคุณที่แบ่งปัน---ค่ะ

ด่านห้วยโก๋ยไม่เป็นด่านสากลฝั่งลาวอ่ะค่ะ ถ้าไปโดยไม่มี บ. ทางลาวมารับก็ข้ามไม่ได้   ลองข้ามไปด่านท่าลี่ ของจ. เลยสิคะ   เป็นด่านสากล  และเป็นเส้นทางที่จากเมืองไทยไปหลวงพระบางที่ใกล้ที่สุดด้วยค่ะ  แต่ทราบมาว่าเส้นทางวิบากพอสมควรทีเดียว

ส่วนการนำมอไซค์ข้ามไป  เรือ่งเอกสารนี่ไม่มั่นใจว่าต้องทำ passport เหมือนรถยนต์หรือเปล่าค่ะ  ยังไงลองติดต่อที่ขนส่งจังหวัดดูค่ะ

ถ้าเข้าทางเชียงของ  สภาพถนนจนถึงหลวงพระบางเป็นไงมั่งอะครับ  ใช้เวลาประมาณกี่ ชม.  อันตรายนอกจากอุบัติเหตุแล้ว  มีอย่างอื่นที่ต้องระวังหรือปล่าวครับ(ถ้าเอามอไซด์ไป)  ขอบคุณครับ
ถ้าออกทางเชียงของ ถึงหลวงพระบาง กี่ ชม.  ถนนเป็นไงมั่งครับ  มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษนอกจากอุบัติเหตุ
อะครับ  !  (เอามอไซด์ไป)  ขอบคุณครับ.

จากเชียงของไปหลวงพระบาง  รู้จักจะไกลเหมือนกันค่ะ  ยังไม่เคยนั่งรถเหมือนกัน   เพราะส่วนมากคนจะล่องเรือลงมา  แต่ถ้าเทียบกันแล้ว  ถ้าเดินทางจาก กทม. ด้วย มอไซค์ กว่าจะถึงเชียงของก็ไกลแล้ว  แล้วยังต้องย้อนลงมีอีกด้วย  ท่าลี่ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า  เว้นแต่ว่าคุณจะอยู่ใกล้ท่าลี่มากกว่าเชียงของค่ะ

ส่วนเส้นทางไปหลวงพระบาง  ข้อควรระวังก็คือถนนจะคดโค้งค่ะ  แล้วก็มีหมูอ้วน ๆ ไก่กุ๊ก ๆ รวมไปถึงเด็ก ๆ วิ่งตัดหน้าระยะกระชั้นชิด เป็นบางครั้ง

ดูท่าทางน่าจะเคยมีประสบการณ์ขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวแล้วน่ะครับ....
ผมเลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร กับการเดินทางระหว่าง เชียงของไปหลวงพระบาง
แต่ที่ถามว่าใช้เวลากี่ชั่วโมงนั้น ....... อ๋อ.. ใช้คำว่าใช้เวลากี่วันจะดีกว่าไหมครับ
สำหรับห้วยโก๋น ด้วยเหตผลของคุณ Joyful ที่บอกเอาไว้....... ตัดทิ้งไปได้เลย

เอกสารต้องมีเพิ่มเติมแน่นอน... แต่ไม่แน่ใจว่าด่านเชียงของจะยอมให้เอารถมอเตอร์ไซต์ขึ้นเรือข้ามไปได้หรือป่าว และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง อันนี้คงต้องลองสอบถามเพิ่มเติมดูเอาน่ะครับ.... ถ้าเอาแบบแน่นอน เข้าทางหนองคาย ใกล้หลวงพระบางดี ถนนลาดยางตลอดสาย สบายๆ ชิวๆ ...