ทริปหัวใจเดินทาง # 16
สมอปูน ...ตำนานภูเขาดอกไม้
        
 
        สำหรับขาเที่ยวขาลุยนักเดินป่าแล้ว สมอปูนคงเป็นอีกเป้าหมายปลายทาง ที่จะต้องไปให้ถึงก่อนสังขารจะไม่อำนวย ตำนานแห่งภูเขาดอกไม้ เอื้องม้าวิ่งบนลานหิน ทุ่งกระดุมเงิน ลำธารสีเขียว และดอกไม้ป่านานาพันธุ์ ที่ดึงดูดให้นักเดินทางคนแล้วคนเล่า บุกบั่นไปให้ถึง

        และแล้วทริปในฝันของใคร ๆ หลายคนก็มาถึง เราจัดสัมภาระออกเดินทางแต่เช้าตรู่ เก้าโมงเศษเราก็มาถึงจุดเริ่มต้นเดินเท้าที่พิทักษ์คลองเพกา เสบียงกองกลาง รวมไปถึงเต้นท์และเครื่องนอนถูกแยกออกมาให้ลูกหาบ ทุกคนตระเตรียมเป้หลังและตัวตัวรัดกุมให้พร้อมที่จะเดินป่า เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็ออกเดินทางทันที

        เส้นทางช่วงแรกผ่านป่าไผ่ไปเรื่อย ๆ ที่น่าตื่นตาคือบนพื้นดินจะมีดอกกระทือสีสวยหวาน หลากสีแบบที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน กระทือที่นี่ดอกเล็กแล้วก็ก้านดอกยาวสวยจัง และที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือพิศวง พืชชั้นต่ำที่มีลำต้นคล้ายดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงสีขาว ขึ้นมาจากพื้นดิน ข้อมูลพื้นฐานบอกว่าพืชพวกนี้กินซากพืชเป็นอาหาร และคนพบเพียงไม่กี่แห่งในโลก พืชหายากของโลกแต่หาง่ายสุด ๆ ที่สมอปูน

        ทางเดินพาพวกเราลัดเลาะไปในร่มเงาครึ้มของกอไผ่ ข้ามลำธารใส ๆ มีหญ้าหางม้าเขียว ๆ สวยดี ลำธารเส้นนี้คงชื่อธารมิตรภาพ เพราะคนที่ข้ามน้ำไปก่อนจะหยุดแล้วหันกลับมายื่นมือให้เพื่อนที่ตามหลังได้จับแล้วข้ามไป ถ้าหนุ่มไหนสนใจจีบสาวนี่ยังเป็นมุขคลาสสิคที่สุดที่ยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ข้ามน้ำมาแล้วทางเดินตัดขึ้นสู่เขา เริ่มเจอกับป่าดิบเขา มีโขดหินเขียว ๆ ประดับด้วยต้นบีโกเนีย หรือ ส้มกุ้งจิ๋ว ๆ ออกดอกสีขาวเล็ก ๆ ราวกับช่อดอกไม้ที่ใช้ประดับผมเจ้าสาว เก็บภาพกันไป แวะพักคุยกันไป จนเจอโขดหินใหญ่ก็แวะพักงัดเอาข้าวห่อออกมากินกลางวัน

        หลังมื้อกลางวันเส้นทางเริ่มพาเราข้ามลำธารเล็ก ๆ ที่นี่มีน้ำใส ๆ เย็น ๆ หลายครั้ง พอได้แวะล้างหน้าล้างตาดื่มน้ำให้ชื่นใจ เรื่องน้ำดื่มในป่า ถ้าชาวบ้านเขาก็กินกัน แต่ขอให้เป็นน้ำไหลใส ๆ ไม่ใช่น้ำที่แช่อยู่ในแอ่งไม่ถ่ายเทไปไหน แบบนั้นเสี่ยงต่อการโดนเชื้อโรค แต่ต่อให้เป็นน้ำไหลก็เคยได้ยินว่ามีคนอุตริไปอึอยู่ต้นน้ำได้ คิดดูเถอะ...

        ผ่านลำธารเรากลับเขามาเดินในร่มเงาของป่าไผ่อีกครั้ง แดดบ่ายหายเข้าในไปเงาเมฆครึ้ม ๆ บางช่วงคณะของเราแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มขึ้นกับความเร็วในการเดิน เพื่อนสองคนพลัดไปอีกทาง ฟ้าครึ้ม ๆ ใต้เงาไผ่ให้คิดกังวลไปถึงเรื่องหลงทาง ต้องนั่งสวดมนต์อ้อนว้อนสิ่งศักดิ์กันอยู่นาน แต่สุดท้ายเราก็กลับมารวมกลุ่มกันได้อีกครั้ง พ้นจากป่าไผ่ฝนเริ่มพรำสาย แต่ละคนกุลีกุจอเอาเสื้อกันฝนออกมาใส่กลายเป็นขบวนเดินป่า สีเหลือง สีฟ้า สีชมพู คนเดินป่าสีลูกกวาด

        จากช่วงนี้เส้นทางไม่ชันแล้ว เป็นทางราบบนสันเขา ตัดผ่านไปในดงหญ้าแฝกสูง ๆ คม ๆ บางช่วงมีต้นหวายแอบอยู่ข้างทางเงียบ ๆ ๆ จะมาดังอีกทีก็มีเสียงแคว๊กกก หรือไม่ก็ โอ๊ย อีตอนหนามหวายมันเหน็บเนื้อเข้าไปแล้วนั่นล่ะ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงแคมป์ลานหินดาด ซึ่งเป็นลานหินกว้างมีลำธารไหลผ่านบริเวณนี้ และ แผ่กระจายออกเป็นบริเวณกว้างตามลานหิน ลูกหาบมาถึงก่อนแล้วเตรียมก่อไฟหุงข้าว ทำหลังคาส่วนกลางไว้สำหรับนั่งกินข้าว แล้วก็ช่วยพวกเรากางเต้นท์ผูกเปล อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย คืนนี้ทุกคนแบ่งงานกันทำบางคนทำกับข้าว บางคนปลีกตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วกลับมาช่วย วงข้าวง่าย ๆ ใต้แสงตะเกียงถูกตั้งขึ้น ข้าวสวยร้อน ๆ กับข้าวทำเสร็จใหม่ ๆ แกล้มกับมิตรภาพ และ เหล้าป่าของลูกหาบ ทำให้ทุกคนอิ่มหนำไปตาม ๆ กัน คืนนี้อิ่มข้าวแล้ว เราลงไปอาบน้ำบนลานหิน พระจันทร์โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า สาดแสงนวลไปทั่ว ว่าแล้วก็เลือกบริเวณที่เป็นแอ่งหิน นอนแช่จากุชชี่ท่ามกลางแสงจันทร์ โรแมนติกซ๊า... แต่ขอบอกหนาวสุด ๆ