:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: Traveller's WorldWide ::
   เรื่องเล่าคนเดินทาง
   เทคนิคแคมป์
   เรื่องเล่าติดแสตมป์
   นานา..น่าลอง
   ศิลปวัฒนธรรม
   เรื่องเล่าจากราวไพร  
   สมุดเยี่ยม
   มองผ่านเลนส์
   ทริปเดินทาง ปี 54  
   แนะนำตัว
สมัครสมาชิกรับข่าวสาร ฟรี!!





:: ศิลปวัฒนธรรม :: เพื่อส่งเสริมสำนึกรักศิลปวัฒนธรรมไทย ::

:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
   1  2  3 
3
Copyright © 2002-2005 by TripandTrek.com All Rights Reserved    
         เกือบบ่าย 2 โมง ทุกคนจึงได้พักกินอาหารกลางวันกันที่ริมลำธาร อาหารแสนอร่อย แถมฝนก็หยุดตกแล้ว มีแดดอ่อนๆ

         ผีเสื้อนานาชนิดออกมาผึ่งปีกทักทายพวกเราเต็มไปหมด ทั้งผีเสื้อตาลหนามแดง หางติ่งเฮเลน หนอนมะนาว และชนิดอื่นๆอีกมากมาย บรรยากาศดีเสียจนไม่อยากเดินต่อ

         แต่การเดินทางก็ต้องมีต่อไป พวกเราตั้งหน้าตั้งตาเดินจนมาถึง”น้ำตกม่านธารา” ไม่มีเวลาได้ยลโฉม เพราะต้องเร่งเดินทางต่อ ผ่านทางแคบๆเหนือน้ำตกที่ต้องเดินข้ามไปอีกฟากหนึ่ง

         โดยมีเถาวัลย์ให้เกาะข้ามไปกันล่วงตกลงมา ค่อนข้างทุลักทุเล แต่ทุกคนก็เดินผ่านไปได้ด้วยดี

         หลังจากพ้นช่วงนี้ ทางเดินค่อยสบายขึ้น แต่ความล้าทำให้แต่ละคนเดินตุปัดตุเป๋มาตลอดทาง เป้ที่แบกอยู่รู้สึกหนักขึ้นเรื่อยๆ

         การเดินทางมหาโหดได้จบลงเมื่อเวลา 6 โมงเย็น พวกเราตั้งแค้มป์บริเวณป่าไผ่ มีลำธารไหลเอื่อยๆพอเล่นน้ำได้

         เจ้าหน้าที่ชมทุกคนว่าเก่ง ขอปรบมือให้ทุกๆคน แม้จะเดินช้าแต่ก็ถึงจุดหมายตามที่เขาได้กำหนดไว้

        
เย็นนั้นพวกเราให้เจ้าหน้าที่และลูกหาบสำแดงฝีมือทำอาหารเย็นกัน ส่วนพวกเราขออาสาเป็นคนกินบ้าง





         หลังอาบน้ำชำระร่างกายที่คลุกน้ำคลุกโคลนมาตลอดวัน จึงร่วมกลุ่มกินอาหารมื้อเย็นกันเมื่อเวลาเกือบ 2 ทุ่ม แล้วจึงมานั่งสนทนาถึงการเดินทางมหาโหดในวันนี้พร้อมกับจิบเครื่องดื่มร้อนๆอย่างสนุกสนาน

         เช้าวันสุดท้าย พวกเรารีบออกเดินทางหลังอาหารเช้า เนื่องจากนัดรถมารับตอน 9.00 น.ทางเดินวันนี้เป็นทางเดินขึ้นตลอด พื้นดินดูแห้งขึ้นบ้างเล็กน้อยจึงเดินง่ายกว่าวันแรกๆ

         ราว 9.30 น. พวกเราจึงมาถึงจุดหมาย แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า พอโผล่จากป่าก็เห็นถนนเลย ช่างเป็นความแตกต่างของป่ากับความศิวิไลย์ที่อยู่บนเส้นแบ่งเขตเพียงเส้นเดียวจริงๆ
         พวกเราเฮโลพากันปลดเป้ที่หนักอึ้งออกจากหลังและโยนขึ้นรถอย่างไม่สนใจใยดี และเดินไปล้างโคลนออกจากตัวที่แอ่งน้ำข้างถนน

         ตลอดทางที่รถขับเคลื่อน 4 ล้อคันนี้วิ่งกลับ ฝนตกตลอดทาง แต่ทุกคนก็ไม่หวั่น เพราะในป่าเจอมามากกว่านี้ ทุกคนพากันขอนั่งข้างหลังเพื่อชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง หัวเราะกันอย่างมีความสุข จนถึงที่ทำการอุทยานฯ

         หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกันใหม่ ทุกคนมีหน้าตาผ่องใสกันแล้ว จึงอำลาป่าปางสีดาผืนนี้กลับกัน เป็นการผจญภัยที่ไม่เคยลืมเลยของพวกเราทุกคน แม้จะลำบากและทุลักทุเลอย่างไร แต่ทุกคนก็นัดกันว่า สักวันหนึ่งเราคงได้มาลุยป่าหน้าฝนแบบนี้อีกครั้ง


         *** ท้ายเรื่อง ขอไว้อาลัยแด่พี่ อุทิศ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าผู้นำทางพวกเราซึ่งได้อำลาจากโลกนี้ไปเมื่อ ปี2543 ขอให้ดวงวิญญาณของพี่จงไปสู่สุขคติ พวกเราจะจดจำพี่และความประทับใจในการเดินป่าครั้งนี้ตลอดไป ***