เรื่องเล่าคนเดินทาง |
เทคนิคแคมป์ |
เรื่องเล่าติดแสตมป์ |
นานา..น่าลอง |
ศิลปวัฒนธรรม |
เรื่องเล่าจากราวไพร |
สมุดเยี่ยม |
มองผ่านเลนส์ |
ทริปเดินทาง ปี 54 |
แนะนำตัว |
ครั้นจะเหมาไปเขาก้อคิดที่
400 บาท เราก้อตัดสินใจ OK ครับ ไม่ใช่ไปกะรถเหมานะรับ แต่เดินครับ 55555
ทางเดินเป็นถนนลูกรังขนาดรถวิ่งได้คันเดียว
ระยะทางคงประมาณสัก 10 กิโลครับ เดินได้สักกิโลกว่าๆ ก้อมีรถชาวบ้านผ่านสอบถามเขาจะเข้าไปหมู่บ้านข้างในประมาณ
3 โล จึงขออาศัยไปด้วย
อย่างน้อยก้อลดระยะทางและกำลังที่จะต้องใช้ไปบ้างครับ
พอลงรถ พี่คนขับถามว่าเราจะเดินไปไหนกัน
เราบอกว่าจะไปนอนที่อ่างเก็บน้ำโป่งก้อนเส้า พี่เขาก้อบอกว่าน้องมันอีกไกลนะ อย่างน้อยๆก้อต้องมี
7 กิโล จะเดินยังไงไหว ผมก้อได้แต่ยิ้มแห้งๆ และตอบว่าก้อคงเดินไปเรื่อยๆน่ะครับ
เราก้อเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับความเหนื่อยล้าที่ขาและไหล่
รู้สึกว่าทำไมของมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เดินผ่านทุ่งนา ไร่กล้วยมาประมาณ 3 โลแล้วมั้งจนถึงทางแยก
เราก้อเลี้ยวไปตามเส้นที่จะไปอ่างเก็บน้ำ
สักพักนึงได้ยินเสียงรถมาจากข้างหลัง
เห็นรถกะบะสีแดงบรรทุกคนเต็มหลังรถ แต่คนขับคงจะกรึ่มนิดๆ เพราะเห็นหน้าแดงแถมถอดเสื้อขับ
แต่ก้อลองโบกดู
พี่เขาก้อจอดสอบถามแล้วแกจะผ่านไปทางแยกขึ้นอ่างเก็บน้ำ
ก้อขออาศัยติดรถพี่เขาก้อให้ขึ้นด้านหลังเลยเบียดหน่อยนะ ไม่เป็นไรครับ ยังไงก้อดีกว่าเดินครับ
555
นั่งไปเรื่อยๆผ่านทางเข้าน้ำตกเจ็ดคต
(เป้าหมายวันสุดท้ายของผม) จนมาถึงแยกเข้าอ่างเก็บน้ำ ก้อลงเดินไปที่ร้านค้ารอโบกรถที่จะขึ้นอ่างเก็บน้ำรออยู่ไม่นานนักก้อโบกขึ้นไปถึงจนได้
เฮ้อ เป้าหมายเราสำหรับวันนี้ทำไมมันทุลักทุเลขนาดนี้
แต่ก้อไม่ผิดหวังครับ อ่างเก็บน้ำ
สวย สงบ คนไม่มากนัก ไม่มีร้านค้า ที่ทำการยังใหม่อยู่เลย และกะลังก่อสร้างบ้านพัก
เราก้อเลือกทำเลแล้วรีบกางเต้นท์และฟลายชีต เพราะเห็นท่าเหมือนฝนจะตก
แล้วก้อจัดแจงก่อเตาเตรียมทำอาหารสำหรับเย็นนี้ก้อเตรียมตัวทุบเสบียง
ทั้งปลาราดพริก หอยลายกระป๋อง หมูแดดเดียว ไข่เค็ม แต่รอบนี้พลาดใส่น้ำเยอะไปเลยต้องกินข้าวแฉะครับ
แถมผมยังพลาดฟันฟืนเข้านิ้วตัวเองเลือดกระฉูดเลย
ไปที่ทำการขอยา
เจอน้องจนท.ผู้หญิง ถามว่ามาทำอะไร พอบอกขอยาทำแผล พอเปิดแผลให้น้องแกดูแกหน้าซีดบอกว่า
พี่แผลลึกด้วย แล้วรีบเอายากับอุปกรณ์ทำแผลมาวางไว้ที่โต๊ะแล้วเดินหนีไปทางอื่น
ปล่อยให้ผมยืนงง อ้าว ให้ผมทำแผลเองหรือครับ 5555
ก้อเลยทำแผลเองตามมีตามเกิด(ไม่อยากไปเที่ยวโรงพยาบาลวันสิ้นปีนี่ครับ)
ทำแผลเสร็จแล้วก้อยืนคุยข้อมูลจุดท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตกเขาแคบ บุยายค้อ เขาว่าถ้าเข้าไปก้อได้ใช้เวลาประมาณ
3 วัน 2 คืน
แล้วถามเรื่องระยะทางการเดินขึ้นน้ำตกโกรกอีดกที่ป้ายเขียนไว้
2.1 กม. เขาบอกว่าน่าจะประมาณ 3-4 กม. ป้ายที่เขียนไว้น้อยกว่าความเป็นจริงสงสัยจะกลัวนักท่องเที่ยวรู้ระยะทางจริงแล้วจะไม่อยากเดินเลยเขียนให้ใกล้ไว้ก่อน
เสร็จแล้วก็ออกมาอาบน้ำเรียบร้อย ก้อนั่งจิบวิสกี้โทนิคกระป๋องกะบาคาดี้ขวดเล็ก
กะบรรยากาศสบายๆ มีลมพัดตลอดเวลา แต่เริ่มมีเมฆส่อเค้าฝนจะตกผิดกะหัวค่ำที่ดาวเต็มท้องฟ้า
และลมเริ่มพัดแรงขึ้นจนเต้นท์โดมของกลุ่มด้านหลังซึ่งไม่ตอกสมอบกปลิวตามลมไป
เราก้อเลยต้องปรับฟรายชีตให้ปิดตัวเต้นท์มิดชิดกว่าเดิม
แล้วก้อเข้าเต้นท์เตรียมตัวพักผ่อน และคิดพลางในใจ เฮ้อ!วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนาน
และสาหัสพอดูครับ
ตื่นเช้ามาเปิดประตูเต้นท์
โชคดีจังได้เห็นแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นพ้นจากหลังเขาตัดกับท้องน้ำในอ่างเก็บน้ำสวยงามจริงๆ
หันหลังมาคว้ากล้องเพื่อถ่ายภาพ ก้อไม่ทันสะแล้ว ขึ้นมาพ้นน้ำแล้ว แต่ไม่เป็นไร
แค่นี้ก้อถือว่าคุ้มแล้วครับ
จัดแจงหาอะไรกินมื้อเช้าก้อขนมปังกับทูน่าสเปรท
เหมือนเดิม แต่โชคดีที่เต้นท์ข้างหน้าเอาไส้กรอกชีทลูกใหญ่มาให้ 7 ชิ้นแน่ะ (เมื่อคืนผมไปช่วยเขากางเต้นท์น่ะครับ)
พร้อมกะหรี่พัฟและน้ำอีก 1 ขวด นี่ล่ะครับ น้ำใจคนไทยที่ไม่เคยเหือดหายไปจากสังคมบ้านเรา
แต่เดินไปสักพักได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์มาจากด้านหลัง
แต่เราก้อไม่อยากคาดหวังอะไรมากนัก
แต่ปรากฏว่าพี่ที่อยู่ด้านในจะออกไปซื้อของและพี่ที่ขับรถสวนเข้าไปบอกว่ามีนักท่องเที่ยวเดินจะออกไปข้างนอก
พี่เขาเลยแวะรับและพาไปส่งแยกเส้นที่จะไปโป่งก้อนเส้า แถวบ้านผู้ใหญ่สน ก้อเลยแวะกินน้ำเย็นๆและซื้ออาหารเพิ่มพลัง
แฮ่ๆๆ ก้อขนมถั่วตัดบ้านเราน่ะครับไว้กินระหว่างทาง รอรถที่ผ่านนานพอสมควร ที่โบกได้ก้อไม่ได้ไปเส้นทางนี้