:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: Traveller's WorldWide ::
   เรื่องเล่าคนเดินทาง
   เทคนิคแคมป์
   เรื่องเล่าติดแสตมป์
   นานา..น่าลอง
   ศิลปวัฒนธรรม
   เรื่องเล่าจากราวไพร  
   สมุดเยี่ยม
   มองผ่านเลนส์
   ทริปเดินทาง ปี 54  
   แนะนำตัว
สมัครสมาชิกรับข่าวสาร ฟรี!!





:: ศิลปวัฒนธรรม :: เพื่อส่งเสริมสำนึกรักศิลปวัฒนธรรมไทย ::

   1  2  3 
1
Copyright © 2002-2005 by TripandTrek.com All Rights Reserved    
         ผ่านตัวน้ำตกย่อยต่างๆ เรื่อยๆ ทางก้อเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตัวน้ำตกชั้นบนสุดที่สายน้ำทิ้งตัวมาจากหน้าผาเหมือนในรูปที่เคยเห็นในเวป
         แต่ณ.ตอนนี้มันทอดตัวอยู่ข้างหน้าผมรวมทั้งบรรยากาศที่แตกต่างกับการนั่งดูหน้าจอคอม มันสวยงามมากครับ แม้น้ำไม่มากไม่ก้อไม่น้อยจนเกินไป ความงดงามของมันก้อไม่ได้ลดลงจากที่เห็นในภาพที่เคยเห็นเลย มันยังคงสูงและยิ่งใหญ่ สมกับที่มุ่งมั่นและบากบั่นมายลโฉมจนได้ครับ
        ก้อชมวิวถ่ายภาพกันพอสมควรก้อเตรียมตัวเดินลงไปที่พักเพื่อกินมื้อกลางวันและเก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทางไปยังเป้าหมายต่อไปที่ตั้งใจไว้ครับ


        ลังจากด้อมๆมองๆ มานานสำหรับน้ำตกโกรกอีดก ในที่สุดก้อถึงบทสรุป หลังจากดูข้อมูลเก่าๆและสอบถามข้อมูลจากคนที่เพิ่งไปมา ก้อสรุปคลอดทริปออกมา คือ เดินทางเข้าไปนอนที่น้ำตกโกรกอีดก 1 คืน(เข้าทางอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก) แล้วเดินทางไปนอนที่อ่างเก็บน้ำโป่งก้อนเส้าอีกคืน ที่เหลือก้อเที่ยวน้ำตกเจ็ดคตใต้ น้ำตกเจ็ดคตใหญ่ และดูดอกทานตะวัน โดยจะเวลาทั้งสิ้น 3 วัน 2 คืน งบประมาณตั้งไว้ไม่เกิน 800 บาทต่อทริป


       เช้าวันที่ 30 ธ.ค. เริ่มต้นเดินทางเวลา 10.00น. โดยการขึ้นรถตู้กรุงเทพ-บ้านนา ที่อนุสาวรีย์ แถวหน้าโรงพยาบาลราชวิถี ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถึงอ.บ้านนา จากนั้นก้อขึ้นสองแถวสายกะเหรี่ยง(ตามที่ชาวบ้านเรียกกันครับ) ลงที่หน่วยชะอม เพื่อสอบถามทาง ปรากฏว่า จนท.ขึ้นเขาใหญ่กันหมด ที่เหลือก้อออกเวร เลยไม่ค่อยได้ข้อมูลสักเท่าไร ก้อเลยเดินตามตามถนนเผื่อรถนักท่องเที่ยวผ่านมาจนถึงร้านค้า เขาบอกให้รอรถสองแถว(สายกะเหรี่ยงนั่นเหละครับ)แล้วลงบ้านผู้ใหญ่สน เพราะระยะทางยังอีก 10 กิโลกว่า

         เสร็จจากอาหารก้อ ล้างจาน อาบน้ำ เรียบร้อยก้อเร่งไฟสำหรับกันหนาว ไล่ยุง แมลงต่างๆ แล้วนั่งจิบคอกเทลประป๋อง(เอาไปแช่ในน้ำตกไว้)แล้วก้อเข้านอนด้วยความเหนื่อย และต้องเตรียมตัวสู้กับสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้ ที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้
         ตื่นมา7โมงเช้าของวันที่ 31 เฮ้ออากาศยามเช้าท่ามกลางขุนเขานี่ช่างสดชื่นแตกต่างจากในเมืองจริงๆ สำราจเสบียงในเป้ ได้ขนมปังกะทูน่าสเปรท และโอวันตินกล่องคนละกล่อง รวมทั้งข้าวต้ม(ข้าวจากมื้อเย็นวาน)กะไข่เค็ม (กินไปก้อรอลุ้นไปว่าจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบ้า จะได้เดินไปด้วยกัน ขากลับจะได้ขออาศัยติดสอบห้อยตามออกไป)

         จนประมาณ 9 โมง จึงเตรียมตัวเดินไปตัวน้ำตกโกรกอีดกชั้นบนสุด ค่อยๆเดินๆๆแล้วก้อเดิน ประมาณ กิโลกว่าได้ (ตอนแรกสอบถามเพื่อนบอกจากจุดพักแรมประมาณ 700 เมตร )แต่ก้อยังเห็นป้ายบอกทางเรื่อยๆ เหมือนหา RC บางทีก้อไปมุดตัวอยู่หลังต้นไม้ บางที่ก้อโดนพวกมือบอนทำลายทิ้ง ก้อเดินไป บากต้นไม้ไปตามจุดโค้งต่างๆ เผื่อชุดหลังจะได้ไม่หลง(เหมือนผมไง)

น้ำตกโกรกอีดก
เรื่องโดย : เมรัย
ภาพโดย : เมรัย
 
เรื่องเล่าคนเดินทาง
ข้อมูลการเดินทาง
แผนที่การเดินทาง
มุมมองคนหลังเลนส์
ความทรงจำบนแผ่นฟิล์ม


         แต่รออยู่สัก 15 นาที ก้อพอดีมีรถจะเข้าไปข้างใน เลยขอติดไปด้วย พี่เขาก้อใจดีมากครับขับไปส่งถึงบ้านกำนันชาติปากทางน้ำตก ก้อเลยช่วยค่าน้ำมันพี่เขาไป 100 บาทพร้อมกับสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ
         มองไปรอบๆเห็นรถจอดอยู่ประมาณ 6-7 คันครับ ค่อยโล่งใจยังงัยก้อมีนักท่องเที่ยวบ้าง ก้อเดินไปเรื่อยๆตามป้ายปรากฎว่าเจอทางแยกแล้วป้ายชี้ลงไปทางน้ำตก ก้อเดินตามน้ำตกเรื่อยๆ เกือบชั่วโมง รู้สึกว่าทางรกขึ้นเรื่อยๆ ก้อชักไม่แน่ใจจึงตกลงย้อนกลับทางเดิม
         ปรากฏว่าเจอป้ายริมทางน้ำตกชี้ไปทางตรงข้ามซึ่งเป็นเขาอีกด้านนึง จึงเดินขึ้นไปสักระยะ แล้วหาทางเดินต่อไม่ได้จึงเดินกลับลงมาที่จุดเดิม และเริ่มหงุดหงิดกับป้ายชี้ทางครับ ดูเวลาแล้วประมาณบ่ายสามกำลังคิดว่าจะรอชุดที่เดินขึ้นไปแล้วขอติดรถเขากลับไป แล้วค่อยเข้ามาใหม่หรือเดินลุยต่อไปดี
         สักพักได้ยินเสียงคน เย้….ในที่สุดก้อมีคนเดินลงมาจากทางเขาอีกทางนึง จึงสอบถามได้ความว่าถ้าเดินขึ้นน้ำตกประมาณ สองชั่วโมงครึ่งเป็นอย่างน้อย และข้างบนวันนี้ไม่มีนักเที่ยวพักค้างแรม
       ลังเลอยู่สักพัก แต่มาถึงแล้วนี่ครับ จึงตัดสินใจ เดินขึ้นไปนอนข้างบน เดินเจอกับนักท่องเที่ยวที่ค่อยๆเดินสวนลงมา ทุกคนทำหน้างงๆเมื่อเห็นแบกของพะรุงพะรัง แล้วสอบถามว่าจะขึ้นไปนอนข้างบนหรือ พอตอบว่า ”ครับ” ทุกคนทำหน้าเหรอๆ
         เดินไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าก้อถึงจุดกางเต้นท์ ข้างลำธาร ดูเวลาประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว จึงตัดสินใจกางเต้นท์นอนก่อนแล้วค่อยเดินขึ้นวันพรุ่งนี้ และก่อไฟทำอาหารให้เรียบร้อยก่อนเพราะยังไม่ได้กินข้าวกลางวันกันเลย กับข้าวมื้อนี้มีหมูแดดเดียว ปลากระป๋องราดพริก น้ำพริกกลางดง อืม.. อร่อยมากกกกก….. สำหรับข้าวมื้อนี้

         ถึงเวลาลงก้อเดินมาเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเอง เร็วกว่าตอนขึ้นตั้งครึ่งนึงเชียวนะครับ ลงมาถึงที่พักก้อก่อไฟเพื่อทำFast Food สำหรับมื้อกลางวัน
         ใช่ครับอาหารที่คนเดินป่าคุ้นเคย มาม่ากะปลากระป๋อง กินเสร็จก้อเก็บข้าวของรองน้ำกิน เริ่มเดินทางกันต่อไป ความหวังที่จะโบกรถออกไปเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆเนื่องจากไม่เห็นร่องรอยของนักท่องเที่ยวสำหับวันนี้เลย จนกระทั่งเดินมาถึงปากทางเข้าน้ำตก เฮ้อ เหมือนฝันร้ายกลายเป็นจริงครับ
         ไม่มีรถนักท่องเที่ยวจอดสักคัน สิ่งที่รู้ตอนนั้นคือ ต้องเดินอีก 9 กิโล ถ้าโชคดีก้อ 5 กิโล เพราะตรงนั้นมีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ อาจจะขอให้เขาไปส่งได้ ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากมายครับ ที่หมายสำหรับคืนนี้ยังอีกไกล สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือ เชื่อในพลังของตนเองครับ
         ก้อเริ่มเดินตามทางที่รถ Four Wheel เข้ามาด้วยความเร็วสูงสุดที่เราทำได้(ประมาณ 3 โลกว่าๆต่อ 1 ชั่วโมง)และพยายามพักน้อยที่สุด

         จนในที่สุดก้อเจอรถมอเตอร์ไซค์สวนเข้ามาสองคัน สอบถามพี่เขาว่าจะออกไปข้างนอกอีกหรือเปล่า เขาบอกว่าเปล่า แต่ระยะทางเหลืออีกประมาณ 1 กิโลกว่าก้อจะถึงหมู่บ้าน เราก้อต้องก้อหน้าก้อตาเดินต่อไปครับ