เรื่องเล่าคนเดินทาง |
เทคนิคแคมป์ |
เรื่องเล่าติดแสตมป์ |
นานา..น่าลอง |
ศิลปวัฒนธรรม |
เรื่องเล่าจากราวไพร |
สมุดเยี่ยม |
มองผ่านเลนส์ |
ทริปเดินทาง ปี 54 |
แนะนำตัว |
1
|
|||||||||||
Copyright © 2002-2005 by TripandTrek.com All Rights Reserved | ||
หลังจากด้อมๆมองๆ
มานานสำหรับน้ำตกโกรกอีดก ในที่สุดก้อถึงบทสรุป หลังจากดูข้อมูลเก่าๆและสอบถามข้อมูลจากคนที่เพิ่งไปมา
ก้อสรุปคลอดทริปออกมา คือ เดินทางเข้าไปนอนที่น้ำตกโกรกอีดก 1 คืน(เข้าทางอำเภอบ้านนา
จังหวัดนครนายก) แล้วเดินทางไปนอนที่อ่างเก็บน้ำโป่งก้อนเส้าอีกคืน ที่เหลือก้อเที่ยวน้ำตกเจ็ดคตใต้
น้ำตกเจ็ดคตใหญ่ และดูดอกทานตะวัน โดยจะเวลาทั้งสิ้น 3 วัน 2 คืน งบประมาณตั้งไว้ไม่เกิน
800 บาทต่อทริป
เช้าวันที่ 30 ธ.ค. เริ่มต้นเดินทางเวลา
10.00น. โดยการขึ้นรถตู้กรุงเทพ-บ้านนา ที่อนุสาวรีย์ แถวหน้าโรงพยาบาลราชวิถี
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถึงอ.บ้านนา จากนั้นก้อขึ้นสองแถวสายกะเหรี่ยง(ตามที่ชาวบ้านเรียกกันครับ)
ลงที่หน่วยชะอม เพื่อสอบถามทาง ปรากฏว่า จนท.ขึ้นเขาใหญ่กันหมด ที่เหลือก้อออกเวร
เลยไม่ค่อยได้ข้อมูลสักเท่าไร ก้อเลยเดินตามตามถนนเผื่อรถนักท่องเที่ยวผ่านมาจนถึงร้านค้า
เขาบอกให้รอรถสองแถว(สายกะเหรี่ยงนั่นเหละครับ)แล้วลงบ้านผู้ใหญ่สน เพราะระยะทางยังอีก
10 กิโลกว่า
เสร็จจากอาหารก้อ ล้างจาน
อาบน้ำ เรียบร้อยก้อเร่งไฟสำหรับกันหนาว ไล่ยุง แมลงต่างๆ แล้วนั่งจิบคอกเทลประป๋อง(เอาไปแช่ในน้ำตกไว้)แล้วก้อเข้านอนด้วยความเหนื่อย
และต้องเตรียมตัวสู้กับสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้ ที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้
ตื่นมา7โมงเช้าของวันที่ 31
เฮ้ออากาศยามเช้าท่ามกลางขุนเขานี่ช่างสดชื่นแตกต่างจากในเมืองจริงๆ สำราจเสบียงในเป้
ได้ขนมปังกะทูน่าสเปรท และโอวันตินกล่องคนละกล่อง รวมทั้งข้าวต้ม(ข้าวจากมื้อเย็นวาน)กะไข่เค็ม
(กินไปก้อรอลุ้นไปว่าจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบ้า จะได้เดินไปด้วยกัน ขากลับจะได้ขออาศัยติดสอบห้อยตามออกไป)
จนประมาณ 9 โมง จึงเตรียมตัวเดินไปตัวน้ำตกโกรกอีดกชั้นบนสุด
ค่อยๆเดินๆๆแล้วก้อเดิน ประมาณ กิโลกว่าได้ (ตอนแรกสอบถามเพื่อนบอกจากจุดพักแรมประมาณ
700 เมตร )แต่ก้อยังเห็นป้ายบอกทางเรื่อยๆ เหมือนหา RC บางทีก้อไปมุดตัวอยู่หลังต้นไม้
บางที่ก้อโดนพวกมือบอนทำลายทิ้ง ก้อเดินไป บากต้นไม้ไปตามจุดโค้งต่างๆ เผื่อชุดหลังจะได้ไม่หลง(เหมือนผมไง)
|
|
||||||
|
|||||||
|
|||||||
|
|||||||
|
|||||||
|
|||||||
|
|||||||
|
แต่รออยู่สัก 15 นาที ก้อพอดีมีรถจะเข้าไปข้างใน
เลยขอติดไปด้วย พี่เขาก้อใจดีมากครับขับไปส่งถึงบ้านกำนันชาติปากทางน้ำตก ก้อเลยช่วยค่าน้ำมันพี่เขาไป
100 บาทพร้อมกับสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ
มองไปรอบๆเห็นรถจอดอยู่ประมาณ
6-7 คันครับ ค่อยโล่งใจยังงัยก้อมีนักท่องเที่ยวบ้าง ก้อเดินไปเรื่อยๆตามป้ายปรากฎว่าเจอทางแยกแล้วป้ายชี้ลงไปทางน้ำตก
ก้อเดินตามน้ำตกเรื่อยๆ เกือบชั่วโมง รู้สึกว่าทางรกขึ้นเรื่อยๆ ก้อชักไม่แน่ใจจึงตกลงย้อนกลับทางเดิม
ปรากฏว่าเจอป้ายริมทางน้ำตกชี้ไปทางตรงข้ามซึ่งเป็นเขาอีกด้านนึง
จึงเดินขึ้นไปสักระยะ แล้วหาทางเดินต่อไม่ได้จึงเดินกลับลงมาที่จุดเดิม และเริ่มหงุดหงิดกับป้ายชี้ทางครับ
ดูเวลาแล้วประมาณบ่ายสามกำลังคิดว่าจะรอชุดที่เดินขึ้นไปแล้วขอติดรถเขากลับไป
แล้วค่อยเข้ามาใหม่หรือเดินลุยต่อไปดี
สักพักได้ยินเสียงคน เย้
.ในที่สุดก้อมีคนเดินลงมาจากทางเขาอีกทางนึง
จึงสอบถามได้ความว่าถ้าเดินขึ้นน้ำตกประมาณ สองชั่วโมงครึ่งเป็นอย่างน้อย และข้างบนวันนี้ไม่มีนักเที่ยวพักค้างแรม
ลังเลอยู่สักพัก แต่มาถึงแล้วนี่ครับ
จึงตัดสินใจ เดินขึ้นไปนอนข้างบน เดินเจอกับนักท่องเที่ยวที่ค่อยๆเดินสวนลงมา
ทุกคนทำหน้างงๆเมื่อเห็นแบกของพะรุงพะรัง แล้วสอบถามว่าจะขึ้นไปนอนข้างบนหรือ
พอตอบว่า ครับ ทุกคนทำหน้าเหรอๆ
เดินไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าก้อถึงจุดกางเต้นท์
ข้างลำธาร ดูเวลาประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว จึงตัดสินใจกางเต้นท์นอนก่อนแล้วค่อยเดินขึ้นวันพรุ่งนี้
และก่อไฟทำอาหารให้เรียบร้อยก่อนเพราะยังไม่ได้กินข้าวกลางวันกันเลย กับข้าวมื้อนี้มีหมูแดดเดียว
ปลากระป๋องราดพริก น้ำพริกกลางดง อืม.. อร่อยมากกกกก
.. สำหรับข้าวมื้อนี้
ถึงเวลาลงก้อเดินมาเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ
30 นาทีเอง เร็วกว่าตอนขึ้นตั้งครึ่งนึงเชียวนะครับ ลงมาถึงที่พักก้อก่อไฟเพื่อทำFast
Food สำหรับมื้อกลางวัน
ใช่ครับอาหารที่คนเดินป่าคุ้นเคย
มาม่ากะปลากระป๋อง กินเสร็จก้อเก็บข้าวของรองน้ำกิน เริ่มเดินทางกันต่อไป ความหวังที่จะโบกรถออกไปเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆเนื่องจากไม่เห็นร่องรอยของนักท่องเที่ยวสำหับวันนี้เลย
จนกระทั่งเดินมาถึงปากทางเข้าน้ำตก เฮ้อ เหมือนฝันร้ายกลายเป็นจริงครับ
ไม่มีรถนักท่องเที่ยวจอดสักคัน
สิ่งที่รู้ตอนนั้นคือ ต้องเดินอีก 9 กิโล ถ้าโชคดีก้อ 5 กิโล เพราะตรงนั้นมีหมู่บ้านเล็กๆอยู่
อาจจะขอให้เขาไปส่งได้ ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากมายครับ ที่หมายสำหรับคืนนี้ยังอีกไกล
สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือ เชื่อในพลังของตนเองครับ
ก้อเริ่มเดินตามทางที่รถ Four
Wheel เข้ามาด้วยความเร็วสูงสุดที่เราทำได้(ประมาณ 3 โลกว่าๆต่อ 1 ชั่วโมง)และพยายามพักน้อยที่สุด
จนในที่สุดก้อเจอรถมอเตอร์ไซค์สวนเข้ามาสองคัน
สอบถามพี่เขาว่าจะออกไปข้างนอกอีกหรือเปล่า เขาบอกว่าเปล่า แต่ระยะทางเหลืออีกประมาณ
1 กิโลกว่าก้อจะถึงหมู่บ้าน เราก้อต้องก้อหน้าก้อตาเดินต่อไปครับ